ตอนที่ 853
ของขวัญที่บรรพบุรุษตระกูลซางทิ้งไว้ให้
ขณะที่มู่ชิงเกอหิ้วศีรษะของเส้าเทียนออกมาจากรอยแยกช่องว่าง คนทั้งหมดต่างยังรอนางอยู่ที่เดิม
นางโยนศีรษะในมือให้มั่วหยาง ฝ่ายหลังรับแล้วก็แขวนไว้บนธงเลือด
บัดนี้ศีรษะของราชาเทวะสี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันตกทั้งหมดได้ถูกแขวนอยู่บนธงเลือดใหญ่ ชดใช้หนี้เลือดของตระกูลมู่เก้าชั้นฟ้าแล้ว ผู้คนที่ตามมาเพื่อจะดูเหตุการณ์ต่อไปถึงแม้ได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ขณะที่ได้เห็นกับตาจริงๆ ก็ยังคงรู้สึกสั่นสะท้านยิ่งนัก ยากที่จะเชื่อจริงๆ
เก้าชั้นฟ้าเพียงแค่กลับมาปรากฎก็ทำลายความสมดุลของเขตอิทธิพลแผ่นดินตะวันตกไปแล้วทั้ง หมด กระทั้งมีผลกระทบถึงอีกสามแผ่นดินเทพโดยตรงอีกด้วย
“นับแต่บัดนี้พวกเราขอเปลี่ยนคำเรียกเจ้าเป็นราชาเทวะมู่ไปเลยแล้วกัน” ราชาเทวะเฝินไห่พูดยิ้มๆ
ราชาเทวะจินกวงก็พูดอย่างมีความหมายแอบแฝงว่า “แม้แต่เส้าเทียนยังถูกราชาเทวะมู่สังหารอย่างง่ายดาย ราชาเทวะมู่นับเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพตะวันตกอย่างเต็มภาคภูมิ กระทั่ง…”
เขากวาดสายตาผ่านราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยคล้ายไม่ได้ตั้งใจ แล้วยิ้มหยอกเย้าคำพูดที่ขาดหายไม่ได้พูดต่อให้จบ
เดิมทีหลังเส้าเทียนเสียชีวิต อันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรสมควรเป็นราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย
ครั้งนี้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมาตามที่นัดหมาย แต่ไม่มีโอกาสลงมือ เส้าเทียนถูกมู่ชิงเกอไล่ตามทัน ทั้ง ถูกสังหาร เช่นนั้นแล้วอันดับหนึ่งของแผ่นดินเทพสมควรเป็นใครกันแน่
คำพูดของจินกวงไม่ใช่ต้องการยุแยงตะแคงรั่ว เพียงแต่เขารู้สึกสงสัยว่ามู่ชิงเกอสังหารเส้าเทียนได้ อย่างไรเท่านั้น
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ แล้วบอกเขาว่า “อันดับหนึ่งนั้นไม่กล้ารับไว้ แต่ต่อจากนี้ไปแผ่นดินเทพตะวันตกต้องเป็นไปตามที่เก้าชั้นฟ้าต้องการ”
คำพูดนี้พูดแบบนักเลงโตไม่มีการถ่อมตนใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ภายใต้ธงเลือดที่แขวนศีรษะคนอยู่ข้างบนผืนนี้กลับทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามู่ชิงเกอมีคุณสมบัติที่จะ พูดเช่นนี้ได้
“ราชาเทวะมู่ การฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้าขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องมงคลยิ่งใหญ่ ได้มีการตระเตรียมเวลาที่จะเชิญ ให้พวกเราไปเก้าชั้นฟ้าสักครั้งแล้วหรือไม่” ราชาเทวะซุยชิงพูดยิ้มๆ
มู่ชิงเกอบอกว่า “เก้าชั้นฟ้าฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ หนี้เลือดก็เพิ่งได้รับการชดใช้ ยังต้องมีเวลาจัดการสักพัก รอให้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เก้าชั้นฟ้าย่อมจะประกาศให้รับรู้ทั่วหล้า”
“ดีเลย เช่นนั้นพวกเราจะรอรับคำเชิญจากราชาเทวะมู่ที่ดินแดนของพวกเราเอง” ราชาเทวะเฝินไห่ประสานมือสองข้างให้มู่ชิงเกอ
ไม่ได้สนใจว่าอายุของมู่ชิงเกอยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของพวกเขา
ไม่ได้สนใจว่าต่อหน้าพวกเขา มู่ชิงเกอเป็นเพียงคนรุ่นหลัง
แต่บัดนี้ หลังจากผ่านเรื่องนี้แล้ว ฐานะของมู่ชิงเกอสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่พวกเขาอย่างแน่นอนที่สุด
“ข้ากลับก่อนแล้วกัน” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยบอกมู่ชิงเกอ กลับแผ่นดินเทพตะวันออกเป็นคนแรก
พอเขาไป ราชาเทวะอีกสามคนต่างก็จากไปด้วย
ละครปิดฉาก มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจผู้คนที่ติดตามมา แต่ออกคำสั่งให้คนเก้าชั้นฟ้าทั้งหมดกลับเก้าชั้นฟ้า
ความวุ่นวายในแผ่นดินเทพตะวันตกได้สงบลงมาแล้วในที่สุด
ทั้งสี่ดินแดนเทพมีแต่ความเละเทะทั่วไปหมด มู่ชิงเกอมอบหมายให้กลุ่มซ่งเทียนจี๋ไปจัดการให้เรียบ ร้อย ถึงอย่างไรพวกเขาเคยอยู่ในดินแดนเทพทั้งสี่แห่งย่อมมีประสบการณ์มากเพียงพอ
ส่วนพวกที่ยังอยู่รอดของสี่ดินแดนเทพต่างถูกคุมตัวแยกออกเป็นชุดๆ ส่งเข้าไปในเก้าชั้นฟ้า
มู่ชิงเกอยกมือโบกให้คนเหล่านี้สร้างสิ่งปลูกสร้างพื้นฐานที่เก้าชั้นฟ้า พร้อมทั้งตีตราทาสพวกเขาทั้ง หมด เวลาฉุกเฉินต้องใช้มาตรการฉุกเฉิน เมื่อมีข้อผูกมัดจากตราทาสตระกูลมู่แล้ว หากพวกเขามีความคิดต่อต้านแม้เพียงนิดเดียว มู่ชิงเกอล้วนสามารถรู้ได้
เรื่องสัพเพเหระอื่นๆ มู่ชิงเกอมอบหมายให้พวกมั่วหยางกับหยินเฉินจัดการ ใครใช้ให้พวกเขามี ประสบการณ์จากการจัดการลั่วซิงเฉิงเล่า
เฟิงหลิงเยี่ยตู้ยังคงมีอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร พวกเขาเป็นเครือข่ายข่าวสารของมู่ชิงเกอ ทำให้ นางสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวภายในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอจึงมีเวลามาจัดการข้าวของที่นำมาจากโลกใบเล็กของเส้าเทียน
การหลอมรวมของเหมิงเหมิงได้ลดความแปลกหน้าของมู่ชิงเกอต่อเก้าชั้นฟ้าลง
พวกสิ่งก่อสร้างเช่นตำหนักหอสูงล้วนมาจากในช่องว่าง
แม้แต่เจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ก็ตั้งเด่นอยู่ในเก้าชั้นฟ้าสามารถให้เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลมู่ใช้บำเพ็ญได้
การฟื้เนฟูเก้าชั้นฟ้านั้นทุกอย่างล้วนรอการทุ่มเทกำลังก่อสร้างขึ้นมาใหม่ แต่เหล่าตระกูลมู่เหลือเดนซึ่งรอมาแล้วหมื่นปี เมื่อวันนี้มาถึงจึงเข้าสู่งานฟื้นฟูด้วยความรู้สึกที่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง
ในห้องลับแห่งหนึ่งมู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิหลับตา นางอยู่ที่นี่นั่งสมาธิใช้ความคิดมาแล้วหลายวัน
นางไม่ได้กำลังบำเพ็ญแต่กำลังบุกเบิกโลกใบเล็กแห่งใหม่
ชาติก่อนนางมีความสามารถพิเศษช่องว่าง ชาตินี้เหมิงเหมิงอยู่เป็นเพื่อนตั้งแต่แรก นางเคยชินกับ การมีช่องว่างติดตัวตลอดมา ดังนั้นสิ่งแรกที่นางจะทำขณะที่มีเวลาคือบุกเบิกโลกใบเล็กของตัวเอง
อาศัยความเข้าใจต่อช่องว่างทั้งจากประสบการณ์แต่ก่อน กระบวนการบุกเบิกโลกใบเล็กของนางจึงเป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างมาก
เพียงแต่โลกใบเล็กที่นางบุกเบิกใหม่นี้ไม่มีอะไรเลย ราวกับครั้งที่ฟ้าดินเริ่มก่อกำเนิด ทุกสิ่งล้วนเป็นความว่างเปล่านอกจากนั้นไม่มีสิ่งใดเลย
มู่ชิงเกอลืมตาทั้งสองข้างแล้วพ่นอากาศเสียออกมาจากมุมปาก รำพึงรำพันว่า “เป็นเช่นนี้ก่อนแล้ว กัน ให้มีที่ไว้ใส่ของได้ก่อน ต่อไปค่อยทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์”
เก็บงำความคิดแล้วมู่ชิงเกอจึงมองไปที่ถุงจัดเก็บหลายอันตรงหน้า
วันนั้นสิ่งของที่ได้จากโลกใบเล็กของเส้าเทียนล้วนถูกนางบรรจุไว้ในถุงจัดเก็บเหล่านี้
มู่ชิงเกอยกมือโบก สิ่งของในถุงจัดเก็บล้วนปรากฎอยู่เบื้องหน้านาง สิ่งของเหล่านี้ทุกๆ ชิ้นล้วนถูก ห่อหุ้มไว้ด้วยแสงรัศมี ล่องลอยอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอราวกับกลุ่มดวงดาว
มู่ชิงเกอลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปพิจารณาดูของที่อยู่ในแสงรัศมีเหล่านี้
ภายในนั้นมีทั้งบัญญัติอาคม ยา อาวุธ ยุทธภัณฑ์ ยุทธภัณฑ์ชั้นอาคม หยกเทพกับสิ่งของที่ไม่ สามารถจำแนกได้ด้วยตาเปล่าในทันที
ทันใดนั้นสายตามู่ชิงเกอถูกดึงดูดโดยแสงรัศมีหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ชิดเห็นภายในแสงรัศมีเหลืองอ่อนนั้นมีเรือเล็กล่องลอยอยู่ลำหนึ่ง เรือเล็กนี้ทำอย่างประณีตมากจนสามารถเห็นได้ชัดเจนถึงราย ละเอียดทั้งหมดในนั้น
นี้สมควรเรียกว่าโหลวฉวน*!
บนเรือนั้นมีอยู่หลายๆชั้นโดยแต่ละชั้นซ้อนกันขึ้นไป หัวเรือท้ายเรือล้วนกลมมน บนดาดฟ้าเรือมี หุ่นคนเล็กตั้งอยู่หลายตัวราวกับเป็นคนงานที่ควบคุมการเดินเรือ
“นี่มัน…” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วนิดๆ ไม่รู้ทำไมขณะที่เห็นเรือเล็กลำนี้นางมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับว่าของสิ่งนี้เป็นของนางและรอให้นางมาค้นพบอยู่เป็นเวลานานแล้ว
มือของมู่ชิงเกอยื่นเข้าไปที่เรือเล็กในแสงรัศมีโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน
ขณะที่นิ้วมู่ชิงเกอสัมผัสแสงรัศมีก็ถูกพลังหนึ่งดูดเข้าไปทำให้ตัวนางถลาเข้าไปจนปลายนิ้วแตะถูกหัวเรือเล็กนั้น
ไม่เพียงเท่านั้นมู่ชิงเกอยังเกิดสะดุ้งขึ้นมา รู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายนิ้ว ทันใดนั้นเลือดของนางก็ไหล ออกมาจากปลายนิ้วไม่หยุด ไหลไปตามลายที่มีอยู่ทั่วลำเรือ
ลำเรือตรงจุดที่เลือดของนางไหลผ่านเกิดแสงสีแดงประหลาดขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ตระกูลซางในโลกแห่งยุคกลาง ตั้งแต่ซางซุนหวางลงไปจนถึงเด็กทารกเพิ่งคลอด ของตระกูลซางล้วนมีแสงสีแดงผุดขึ้นมาบนร่าง…
[1]* โหลวฉวน หรือเรือรบหลายชั้น ตัวเรือจะมีหลายชั้นใช้เพื่อขนส่งทหารครั้งละมากๆ ในการรบ