Skip to content

พลิกปฐพี 857

ตอนที่ 857

ทำไมจึงเป็นหญิงไปได้!

หลียวนประสานสองมือซ้อนกันไว้ที่หน้าอก ชายเสื้อคลุมที่ห้อยลงสะบัดขึ้นราวกับถูกลมพัดผ่าน นางนั่งลงด้วยท่วงท่าเคร่งขรึมสูงส่ง มารยาทงามพร้อม ยิ่งแสดงถึงความสูงศักดิ์ของนาง

ราวกับว่าหญิงอื่นเมื่ออยู่เบื้องหน้านางแล้ว ล้วนแตกต่างกันราวปุยเมฆและดินโคลน

แน่นอนว่านางเป็นปุยเมฆส่วนหญิงอื่นนั้นล้วนเป็นดินโคลน

หลังจากนางมาถึงแล้วตำหนักหน้าก็กลายเป็นเงียบสนิท บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด เหล่าราชาเทวะต่างดื่มสุราของตัวเองโดยไม่มีการพูดคุยรื่นเริงเช่นเดิม

ตางามของหลียวนกลอกไปมา ทันใดนั้น สายตานางก็หยุดนิ่งอยู่บนร่างอินเจวี๋ย

ดวงตาคู่นั้นเกิดประกายตะลึงในความงาม

‘ชายงามเช่นนี้หาได้ยากนักในแผ่นดิน’ หลียวนตะลึงอยู่ในใจ แววตาเปล่งประกายคิดในใจว่า ‘หากนำมาปรุงยา ผลที่ได้คงต้องดีกว่าชายอื่นมากมายนัก’

เพียงแต่นางสังเกตเห็นluผมของอินเจวี๋ยในทันทีจึงอ้าปากพึมพำตามสัญชาตญาณ “ผมสีหมึกเขียว เจ้าเป็นเผ่าภูติภูเขา”

เluยงของนางเบามาก แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าของอินเจวี๋ยแข็งแกร่งนัก

พูดได้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของเผ่าภูติภูเขาล้วนแข็งแกร่งมากทั้งว่องไวอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาย่อมได้ยินคำพูดนี้ของหลียวน แต่ด้วยมารยาท เขาจึงมองมาแล้วผงกศีรษะนิดๆ “ถูกต้อง ข้าเป็นเผ่าภูติภูเขา”

‘เป็นเผ่าภูติภูเขาจริงๆ’ หลังรู้ว่าการคาดเดาเป็นความจริงแววตาหลียวนก็สั่นไหว นึกแค้นในใจว่า ‘ที่แท้เป็นเผ่าภูติภูเขา มิน่าจึงงามเช่นนี้ เพียงแต่เมื่อเขาเป็นเผ่าภูติภูเขา ข้าก็ลงมือไม่ได้แล้ว’

ดวงตากลิ้งกลอกไปทีหนึ่ง หลียวนค่อนข้างแปลกใจ ‘เจ้ามู่ชิงเกอสนิทกับเผ่าภูติภูเขา ทั้งยังเชิญพวกเขาออกมาจากเขาได้ด้วยหรือ’

แม้จะประหลาดใจแต่หลียวนยังคงแย้มรอยยิ้มงดงามไร้ที่ติออกมา ผงกศีรษะให้อินเจวี๋ยแล้วคารวะคืน

แขกเหรื่อต่างมากันครบแล้ว ขาดเพียงเจ้าของเก้าชั้นฟ้า

คนในตำหนักหน้าค่อยๆ คิดไปต่างๆ นานา

เพียงแต่พวกเขาต่างเป็นผู้บำเพ็ญในระดับสุดยอด ไม่ใช่จะไร้ความอดทนจึงคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้

แต่ภายในนั้นย่อมต้องมีสักคนสองคนที่ขาดความอดทน

หลียวนรออยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มผุดอาการเหลือทนแล้ว นางเอ่ยปากเค้นถาม “เหตุใดแขกเหรื่อมากันครบหมดแล้ว เจ้าของเก้าชั้นฟ้ายังไม่ยอมโผล่หน้าออกมาอีก ปล่อยให้แขกเหรื่อคอย รับแขกประสา อะไรกัน”

คำพูดของนางนับว่าสมเหตุสมผล โต้แย้งไม่ได้

ดังนั้นเมื่อนางพูดจบจึงไม่มีใครออกปากเอ่ยอะไร แม้แต่คนปรนนิบัติในตำหนักต่างก็ไม่เอ่ยคำใด

ชูเนี่ยนไม่ยอมให้คนต่อว่ามู่ชิงเกอจึงนึกอยากเอ่ยปาก แต่ถูกราชาเฟิ่งข้างๆ ห้ามปรามด้วยสายตา

ในเวลานี้เองเสียงเย็นใสของมู่ชิงเกอก็ดังมาจากหลังม่าน “ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกท่านต้องคอยนาน” คำพูดนี้เป็นคำขอโทษจากใจจริงแท้ๆ เดิมทีนางไม่ต้องเสียเวลามากขนาดนี้

เพียงแต่ขณะที่นางจะออกจากประตูก็เกิดความรู้สึกว่าชุดที่สวมบนร่างนั้นรุ่มร่ามเกินไป จึงรีบถอดชุดเกราะอ่อนออกเปลี่ยนเป็นกระโปรงแดงบางเบา เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจึงทำให้มาช้า

เมื่อได้ยินเสียงนางแล้ว แววตาราชาเทวะทั้งเจ็ดคนนอกจากหลียวนคนเดียวต่างผ่อนคลายลง ดวงตาราชาเฟิ่งกับอินเจวี๋ยต่างผุดรอยยิ้มออกมา ชูเนี่ยนก็วางใจลง

โย่วเหอกับฮวาเยวี่ย เสวี่ยหยากับเซวี่ยนหย่า สี่สาวใช้ต่างเดินออกมาจากสองฝั่ง

หลียวนยิ้มเยาะ พูดเสียดสีว่า “ข้านึกแล้วว่าเหตุใดราชาเทวะเก้าชั้นฟ้าผู้นี้จึงได้มาช้านัก ที่แท้ก็มีสาวงามเคียงข้างจนลืมเวลา”

ในนํ้าเสียงนั้นยังเจือไปด้วยการต่อว่า

ราวกับว่าหลียวนยังไม่พอใจเรื่องที่มู่ชิงเกอปฏิเสธข้อเสนอของนางในครั้งนั้น

วันนั้นนางเห็นมู่ชิงเกอมีใบหน้างดงามลํ้าเลิศ สามารถทัดเทียมกับคนผู้นั้นได้จึงนึกอยากจะเก็บไว้ให้อยู่ภายใต้การควบคุม วันหลังเมื่อได้เจอคนผู้นั้นอีก ตนเองจะได้บอกเขาอย่างหยิ่งยโสได้ว่า ถึงแม้ไม่มีเขา นางก็ยังมีชายที่ยอดเยี่ยมงดงามลํ้าเลิศในโลกนี้มาชื่นชอบ

แต่มู่ชิงเกอกลับปฏิเสธนางโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวทั้งยังเสียดสีนางว่า แก่

ความแค้นนี้จะให้นางทนรับได้อย่างไร

น่าเสียดายยังไม่ทันรอให้นางได้แก้แค้นมู่ชิงเกอก็หายตัวไป พอปรากฎตัวอีกครั้งก็คือข่าวที่นางได้ รับว่าดินแดนเทพทั้งสี่ล่มสลาย เก้าชั้นฟ้าฟื้นฟูขึ้นมาใหม่แล้ว

เจ้าหนูน้อยที่นางนึกว่าสามารถเล่นสนุกได้ในกำมือแต่ไม่รู้จักกาลเทศะ สุดท้ายแล้วกลับกระโดด ขึ้นมาเป็นถึงเจ้าของเก้าชั้นฟ้า

หลียวนสูดลมหายใจลึกๆ เก็บซ่อนความแค้นในดวงตาให้อยู่ลึกที่สุด

เพียงแต่พอคำพูดเสียดสีของนางเอ่ยออกไปแล้ว คนแรกที่จ้องมาด้วยสายตาโกรธแค้นคือสี่สาวใช้ ของมู่ชิงเกอ

ฐานะของมู่ชิงเกอในจิตใจของพวกนางเป็นถึงระดับไหน จะยอมให้หลียวนมาดูหมิ่นได้อย่างไร

นอกจากสี่คนนี้ สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็เย็นวาบกวาดผ่านร่างหลียวนนิ่งๆ

ชูเนี่ยนก็มองหลียวนอย่างไม่ชอบใจ รู้สึกว่าคำพูดของนางทำให้เสียบุคลิกของราชาเทวะ

”ราชาเทวะเฟิ่งเทียนโปรดระวังคำพูดด้วย ราชาเทวะของเราผิดเวลาไปบ้างแต่ก็ไม่ยินยอมให้คนอื่นมาคาดเดาผิดๆ” เสียงเย็นเฉียบของเซวี่ยนหย่ากล่าวออกมา

แววตาหลียวนเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมทันที ยกมือฟาดพลังเทพไปที่เซวี่ยนหย่า “สาวใช้ไพร่คนหนึ่ง กล้ามาสั่งสอนข้าหรือ!”

นางจู่โจมอย่างรวดเร็วยิ่ง ไม่มีใครนึกถึงว่า ระดับราชาเทวะจะถึงขนาดลงมือสั่งสอนสาวใช้ด้วยตัว เอง ดังนั้นขณะที่นางลงมือทุกคนต่างตื่นตกใจ

แต่เซวี่ยนหย่ากลับยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับมองข้ามการจู่โจมนี้

ขณะที่การจู่โจมใกล้ถึงตัวเซวี่ยนหย่า พลังเทพที่รุนแรงกว่าก็ได้ฟาดออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ตีจน ม่านที่กั้นบัลลังก์ราชาเทวะหล่นลงมา ทั้งต้านการจู่โจมของหลียวนจนหายไปหมดสิ้น

ม่านค่อยๆ ร่วงหล่นลงจนเปิดเผยภาพที่อยู่ด้านหลัง…

คนในตำหนักทั้งหมดต่างมองไปที่หลังม่าน ตามสัญชาตญาณ เพียงแต่เมื่อได้มองครั้งนี้แล้วต่างก็ไม่มีใครละสายตาได้อีก

หลังม่านนั้น ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาเทวะ ไม่ใช่ชายยโสโอหัง เชื่อมั่นในตัวเอง เต็มไปด้วยแผน การเหนือเมฆ สวมชุดแดงที่พวกเขาคุ้นเคย แต่เป็นหญิงสาวผอมบางสูงโปร่งผู้ครอบครองรูปร่างงดงาม สมบูรณ์แบบ ทั้งยังมีใบหน้าที่คุ้นเคย

หญิงสาวนางนั้นมีใบหน้าเหมือนกับมู่ชิงเกอราวกับแกะ เพียงแต่นางมีความนุ่มนวลอ่อนโยนกว่า เท่านั้น

แต่ความงามเช่นนี้ของหญิงสาวไม่สามารถลดทอนความแกร่งกล้าบนใบหน้านางลงได้เลยแม้แต่นิด ใบหน้านั้นยังคงงามจนไม่สามารถแยกหญิงหรือชายได้

นางสวมชุดแดงเช่นเดียวกับมู่ชิงเกอ

ต่างกันที่มู่ชิงเกอสวมชุดแดงแบบชาย ส่วนนางสวมชุดกระโปรงแดงที่พลิ้วไหว นอกกระโปรงแดง ยังมีเกราะอ่อนที่สวยงามประณีตอีกชั้นหนึ่งทำให้นางยิ่งดูอาจหาญสง่างาม

ผมยาวของนางม้วนเป็นมวยแบบง่ายๆ มัดไว้ที่ด้านหลัง ใช้เพียงปิ่นปักผมหยกสีเลือดอันหนึ่งยึด เส้นผมที่ดำขลับเอาไว้ ช่างเข้ากันกับชุดสีแดงบนร่างนาง

งาม! งามจริงๆ!

นี่ไม่ใช่ความงามธรรมดา ความงามของนาง งามไม่ใช่งามที่ผิว แต่อยู่ในกระดูก อยู่ในใจ อยู่ในจิต วิญญาณ!

หญิงสาวที่แทบจะเหมือนมู่ชิงเกอทุกส่วนตรงหน้านี้ แทบจะยึดครองความงามที่มีอยู่ทั้งหมดราวกับรังสีระยิบระยับจับตาสายหนึ่ง ราวกับแสงอาทิตย์กลางหาวสกัดแสงสว่างทั้งหมดในตำหนักนี้ไว้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version