Skip to content

พลิกปฐพี 864

ตอนที่ 864

ช้าก่อนราชาเทวะเฟิ่งเทียน

ประโยคเดียวของราชาเทวะจงซานทำให้คนทั้งหมดในตำหนักอึดอัดไม่หยุด

เทพมารสองเผ่าหย่าศึกมานานแล้ว แม้ว่าครั้งนี้ซือมั่วจะตั้งทัพอยู่นอกแผ่นดินเทพตะวันตก แต่ก็ ไม่ได้โจมตีขึ้นมาจริงๆ คำพูดของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมีเหตุผล…ด้วยตำแหน่งในเผ่าเทพของมู่ชิงเกอ บวกกับความช่วยเหลือของเจ้าแห่งมาร หากนางยืนกรานจะแต่งงาน ใครบ้างจะขวางได้

ราชาเทวะจงซานเองก็พูดแล้ว ตอนนี้เผ่าเทพและเผ่ามารสงบสุขสันติ หากเกิดการท้ารบเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็…

เซียนเหนี่ยว สือฟาง จินกวง เฝินไห่ ซุยชิงสบตากันปราดหนึ่ง ค่อยๆ สงบนิ่งลงมา

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแน่วแน่ในท่าทีของมู่ชิงเกอ หากพวกเขายังพูดต่อไปอีกก็คงไม่อาจเกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิง

พวกเขาห้าคนมองหน้ากันปราดหนึ่ง ต่างก็นิ่งเงียบลงไป

แต่ละฝ่าย ต่างอึดอัดเล็กน้อย

ราวกับว่า เมื่อครู่ที่พวกเขาโต้เถียงกันพักใหญ่ ล้วนแต่เป็นคนโง่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายก็เท่านั้นเอง

“เฮ้อ!” ราชาเทวะจินกวงถอนหายใจ ประสานมือคำนับ ผงกศีรษะกล่าวกับมู่ชิงเกอ “ราชา
เทวะมู่ ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่พูดมากอีก”

เขาสะบัดมือกล่าวเสียงทุ้มตํ่า “แต่ว่า เรื่องที่ท่านรับปากพวกข้าเมื่อตอนแรก…”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ คนที่เหลือก็หวั่นกลัว ชั่วพริบตาก็ส่งสายตาไปที่มู่ชิงเกอโดยไม่ได้นัดหมาย

พิธีอภิเษกสมรสของเผ่าเทพและเผ่ามาร พวกเขาไม่อาจขัดขวาง แต่ว่าเคล็ดวิชาเทวะนี้ พวกเขากลับต้องได้มันมา

นี้เองก็เป็นเหตุผลที่ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขา ไม่ยอมแตกหักกับมู่ชิงเกอในตอนสุดท้าย

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก ดวงตาเดาความรู้สึกไม่ออกกล่าวว่า “ทุกท่านวางใจ เรื่องที่ข้ารับปาก ไม่มี ทางลืมเป็นอันขาด แต่ว่าพวกท่านเองก็เห็นแล้ว อีกสามเดือนข้าต้องเข้าพิธีสมรส เรื่องที่ข้าให้คำมั่นสัญญาก็ค่อยจัดการหลังพิธีสมรสเถิด”

ขอเพียงมีแสงแห่งวิถีและมีเคล็ดวิชาเทวะล่อลวงใจ นางก็สามารถรับรองได้ว่าราชาเทวะหลายคนนี้ ไม่อาจทำเรื่องบุ่มบ่าม

แต่ว่าราชาเทวะที่รอจนร้อนใจหลายคนนี้จะยอมรอต่อไปอีกสามเดือนได้อย่างไร

คนทั้งห้าขมวดคิ้วมุ่น แม้แต่ราชาเทวะจงซานก็ยังเงียบขรึมลง แววตาอึมครึม

“ไม่ได้ สามเดือนนานเกินไปแล้ว ไม่สู้พรุ่งนี้ ท่านทำตามคำมั่นสัญญา ภายหลังท่านก็ค่อยไปจัดการ พิธีสมรสของท่าน” ราชาเทวะเฝินไห่กล่าวตามตรง

แน่นอน ตอนที่เขาพูดคำว่า ‘พิธีสมรส’ คำนี้ขึ้นมา นํ้าเสียงก็มีความเหยียดหยามเล็กน้อยปะปนอยู่ ด้วย

“ถูกต้อง ท่านยืนกรานเช่นนี้ พวกข้าก็คร้านจะโน้มน้าวอีก พวกข้าต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญตน หากว่า ท่านเข้าสู่วิถีมารจนเกิดธาตุไฟเข้าแทรกด้วยเหตุนี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกข้า กฎสวรรค์จักจัดการด้วยตั มันเอง แต่ว่า สิ่งที่ท่านรับปากพวกข้าจะต้องสัมฤทธิ์ผลก่อน” ราชาเทวะสือฟางกล่าวต่อ

“เหอะ!”

เขาพูดไม่ทันขาดคำ ซือมั่วก็แค่นเสียงเย็นเยียบออกมาคราหนึ่ง น่าหวาดกลัวจนเขาถอยไปด้านหลัง เจ็บหน้าอก กระอักเลือดออกมาทันที

ราชาเทวะสือฟางกุมอก มองไปยังซือมั่วด้วยสีหน้าหวาดผวา

คนที่เหลือก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในชั่วพริบตา สายตาราชาเทวะจงซานกับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็นิ่งงัน ไปพร้อมกัน

มีเพียงมู่ชิงเกอที่ทั้งใบหน้าสงบนิ่ง มองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความเฉยเมย

“หากบังอาจลบหลู่เสี่ยวเกอเอ๋อร์อีก ข้าจะทำลายแดนสือฟางของเจ้าเสีย” เสียงซือมั่วกล่าวอย่างเย็น ชา

‘แม้แต่คำที่คนอื่นว่านาง เจ้ายังทนไม่ได้ถึงเพียงนี้’ ดวงตาหลียวนมีเปลวเพลิงความเกลียดชังที่เผา ไหม้ลุกโชนปรากฎขึ้น

ที่แค้นใจที่สุดก็คือ ราชาเทวะผู้ใหญ่โตเหล่า นี้กลับเกรงกลัวต่อแรงกดดันของมู่ชิงเกอและซือมั่วจึงจำใจต้องอ่อนข้อ ศักดิ์ศรีของแผ่นดินเทพถูกพวกเขาทำเสื่อมเสียหมดแล้ว!

นางในตอนนี้ถูกความริษยาควบคุมอยู่ก่อนแล้วจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าผิวหนังใต้แขนเสื้อ เปลี่ยนเป็น เหี่ยวย่น แก่ตัวเป็นสีดอกเลาอยู่นานแล้ว

“เจ้าแห่งมาร อย่างไรเสียที่นี่ก็คือแผ่นดินเทพสี่สมุทร หากท่านยังคิดจะประกอบพิธีสมรสกับราชาเท วะมู่ก็อย่าได้กำแหงเกินไปนัก!” ราชาเทวะซุยซิงหรี่ดวงตาทั้งสองกล่าว

ซือมั่วหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยัน ไม่แม้แต่จะมองเขาสักปราดเดียว กล่าวด้วยท่าทีดูถูก “ท่าน

กำลังใช้อำนาจคุกคามข้าหรือ”

“เปล่า” ราชาเทวะซุยขิงเองก็ยิ้มเยาะเช่นเดียวกัน “ข้าเพียงเตือนสติเจ้าแห่งมาร ราชาเทวะมู่หวังให้ พิธีสมรสของท่านทั้งสองราบรนเช่นนี้ เจ้าแห่งมารก็อย่าได้ทำลายเจตนาอันดีของนางเลย”

ดวงตาของซือมั่วหรี่ลงอย่างอันตราย

แต่ว่ามือของเขากลับถูกมู่ชิงเกอออกแรงจับไว้ นางมองไปทางเขา ใช้แววตาปลอบขวัญ ‘อย่าไปถือ เลย’

ซือมั่วเข้าใจเจตนาของนาง ความอดทนของนางในตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะยอมอ่อนข้อ แต่เพราะว่าเรื่องที่ กำลังมาถึงเรื่องนั้นพวกเขาสองคนเริ่มระแวดระวังกันแล้ว

แน่นอน เรื่องเรื่องนั้น แผ่นดินเทพสี่สมุท กลับไม่ตื่นตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

ไม่ใช่ว่ามู่ชิงเกอไม่ยอมพูด แต่อาศัยเพียงการพูดปากเปล่าของนาง ไม่มีหลักฐาน ใครจะเชื่อลง ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นดินเทพสี่สมุทรไม่เหมือนแดนมาร มีการแบ่งการปกครอง ผู้ปกครองแตกต่างกัน แน่นอนว่า ยากจะรวมให้เป็นหนึ่งเดียว

ความเย็นเยียบในแววตาของซือมั่วค่อยๆ ลดลง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือ มู่ชิงเกอ

เมื่อปลอบขวัญซือมั่วเสร็จแล้ว มู่ชิงเกอจึงกล่าวกับคนที่เหลือ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอหลังหนึ่ง เดือน”

“หนึ่งเดือนหรือ เหตุใดต้องรอหลังหนึ่งเดือน” ราชาเทวะจินกวงกล่าวอย่างไม่พอใจ

สีหน้าคนที่เหลือหลายคนก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ราชาเทวะจงซานสงสัยเล็กน้อย คล้ายกำลังครุ่นคิด แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับสงบนิ่ง มองไม่ออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่

ทว่า หลียวนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่พวกเขาหลายคนพูดคุยกันมาเนิ่นนาน นางก็เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้เล็กน้อย หลุดออกมา จากความแค้นที่มีต่อมู่ชิงเกอและซือมั่ว “พวกท่านกำลังพูดอะไรกันน่ะ”

“เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับราชาเทวะเฟิ่งเทียน ราชาเทวะไม่ต้องถามมากหรอก” มู่ชิงเกอชิงเอ่ย ขึ้นก่อน นํ้าเสียงเย้ยหยัน

เมื่อนางพูดเช่นนี้ออกไป แน่นอนว่าคนที่เหลือต่างก็ฟังเจตนาที่นางไม่ยินยอมให้หลียวนแบ่งปัน ผลประโยชน์ออก

เดิมจินกวงและสี่คนที่เหลือก็ไม่คาดหวังให้มีคนมาแบ่งเนื้อเพิ่มอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นหลี ยวนผู้ที่ไม่เคยลงแรงเลยแม้แต่นิดเดียว

ดังนั้น หลังจากที่มู่ชิงเกอพูดออกไป พวกเขาก็พูดต่อ…

“ใช่แล้ว ราชาเทวะเฟิ่งเทียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ไม่ต้องถามให้มากความ”

“ราชาเทวะเฟิ่งเทียน นี่คือสัญญาที่พวกข้าทำกับราชาเทวะมู่ ท่านไม่ต้องถามมากหรอก”

สีหน้าหลียวนยํ่าแย่ลงเรื่อยๆ ท่าทีที่มีต่อพวกเขาไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

“พวกท่านบ้ากันไปหมดแล้วหรือ ข้าต่างหากที่เป็นราชาเทวะหญิงเพียงคนเดียวในแผ่นดินเทพสี่ สมุทร นางเป็นตัวอะไรกัน เก้าชั้นฟ้าแห่งนี้เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่ นางเป็นเพียงชนรุ่นหลังคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่า พวกท่านจะถูกนางกดดันจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” หลียวนกล่าวเสียงเฉียบขาด

“ราชาเทวะเฟิ่งเทียน สุภาษิตกล่าวไว้ว่าผู้ใดเป็นใหญ่ผู้นั้นมาก่อน แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่านไม่รู้ตั้ง เท่าไร แต่อำนาจของข้าในตอนนี้สูงกว่าท่าน ไยจะต้องไม่ละอายใจแสดงตัวเป็นชนรุ่นหลังด้วยเล่า” มู่ชิงเกอกล่าวหยอก

พูดฉีกหน้าหลียวนหนึ่งประโยคแล้ว มู่ชิงเกอก็หันไปกล่าวกับคนหลายคน “ช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้ ข้าจะเตรียมการทั้งหมดเดินทางไปสู่ขอที่แดนมาร”

“เจ้าจะไปสู่ขอ!” ราชาเทวะเฝินไห่กล่าวเลียงหลง

ไม่เพียงแต่เขา คนที่เหลือก็ตกตะลึงต่อคำพูดของมู่ชิงเกอเช่นกัน

สีหน้าหลียวนตกอยู่ในสภาพยํ่าแย่ชั่วขณะ

ในดวงตาซือมั่วเป็นประกายแวววับ จ้องมองแววตาของมู่ชิงเกอปรากฎความอบอุ่นและรอยยิ้มขึ้นมา

“แน่นอน!ข้าเป็นถึงเทวะราชาเพียงองค์เดียวของเก้าชั้นฟ้า หากจะจัดพิธีสมรส แน่นอนว่าต้องไปสู่ ขอด้วยตัวเอง” มู่ชิงเกอตอบทุกคนที่ตกตะลึง แต่ดวงตากลับมองซือมั่ว ในแววตาอมยิ้มกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง “ข้าเคยพูดแล้ว วันที่ข้ามีคุณสมบัติไปสู่ขอที่แดนมารก็คือวันสมรสของเจ้าและข้า!”

ซือมั่วยิ้ม รูปโฉมล่มเมืองผลิบานสว่างไสวในชั่วพริบตา ทำให้ทิวทัศน์ทั้งหมดรอบด้านต่างก็จืดจางลงไป

“เหอะ! พวกเราไป!” หลียวนทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ ซํ้ายังไม่กล้าเผชิญหน้ากับซือมั่ว สะบัดแขน เสื้อกำลังจะนำนางกำนัลจากไป

เวลานี้เอง มู่ชิงเกอกลับละสายตามองไปทางนางแล้วกล่าว “ช้าก่อนราชาเทวะเฟิ่งเทียน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version