Skip to content

พลิกปฐพี 868

ตอนที่ 868

เทพมารปรองดองต้องทัณฑ์สวรรค์?

หลียวนถูกส่งตัวไปแล้ว ส่งไปยังส่วนลึกของมหาสมุทรดวงดาว จบชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยวในที่ซึ่งถูกเนรเทศสิ่งเดียวที่พอจะอยู่เป็นเพื่อนนางได้ในทุก ๆ วันก็มีเพียงร่างกายที่เสื่อมสภาพ เน่าเปื่อยลงเรื่อย ๆ ของตน

อันที่จริง มู่ชิงเกอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในภายหลัง

นางเพียงแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองภาพที่หลียวนถูกคนทั้งหมดร่วมแรงกันลงโทษ แน่นอนว่านางจำความโกรธแค้นที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของหลียวน หลังจากที่นางกล่าว ‘คำแนะนำจากใจจริง’ ประโยคนั้นออกไปได้

ทว่า เพียงแค่ความโกรธแค้นจะมีประโยชน์อะไร

ในภายหน้า ท่ามกลางวันเวลาที่ยาวนานของนาง ในวินาทีนั้นที่นางยังไม่ตายไปจริง ๆ มู่ชิงเกอรู้ดีว่า ความแค้นของหลียวนจะตัองฝังรากลึกลงไปเรื่อย ๆ

แต่ว่า คนที่เกลียดนางมีเยอะ นางจะสนใจทำไมกัน

“ตอนนี้แดนเทพสองแห่งของแผ่นดินเทพเหนือต่างก็ไม่มีราชาเทวะ พวกเราอยู่ต่อได้ไม่นานแล้ว”

“อืม เดือนนี้พวกเราก็จะไปจัดการธุระที่แดนไห่เทียนกับแดนเฟิ่งเทียน หลังจากหนึ่งเดือนนี้พวกเราค่อยมาใหม่”

ราชาเทวะดินแดนสือฟ่างและดินแดนเซียนเหนี่ยวในแผ่นดินเทพเหนือมองหน้ากันปราดหนึ่ง เอ่ยปากกับมู่ชิงเกอ

พวกเขาคิดจะกล่าวลาแล้ว

มู่ชิงเกอยิ้มน้อย ๆ พยักหน้าเบา ๆ “ขอท่านทั้งสองเดินทางปลอดภัย”

“ทุกท่านข้าขอลา”

“ขอลา”

ทั้งสองประสานมือคำนับราชาเทวะคนอื่น ๆ แล้วจึงมองซือมั่วด้วยความขลาดกลัวเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หมุนตัวจากไป เมื่อพวกเขาสองคนไป คนทั้งสามในแผ่นดินเทพใต้ก็จากไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน

เหลือราชาเทวะจงซานและราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสองคนกลับไม่มีท่าทีว่าจะจากไปแต่อย่างใด

สายตาของมู่ชิงเกอเคลื่อนไปตกลงบนร่างคนทั้งสอง

ตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหลุบต่ำ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ได้เอ่ยปาก

แต่ราชาเทวะจงซานกลับยิ้มกล่าว “ข้ารอไปพร้อมราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย”

ทว่า เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกไป ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับเหลือบตาขึ้น มองเขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แดนจงซานและแดนฮ่วนเยวี่ยอยู่กันคนละทาง”

ความหมายโดยนัยก็คือให้ราชาเทวะจงซานกลับไปเองคนเดียว

ถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ราชาเทวะจงซานก็ไม่ได้โกรธ แต่บรรยากาศในตำหนักกลับตกอยู่ในความอึดอัด

“ฮ่า ๆ ๆ ! ราชาเทวะมู่ ยินดีด้วย ๆ รอให้ถึงวันอภิเษกสมรสของราชาเทวะและเจ้าแห่งมาร ข้าจะมาร่วมฉลอง ดื่มสุรามงคลอีกครั้ง” ท่ามกลางความอึดอัด ราชาเฟิ่งลุกขึ้นยืนกล่าวกับมู่ชิงเกอและซือมั่ว

อินเจวี๋ยก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน กล่าวกับคนทั้งสอง “เผ่าภูติภูเขาก็ขอแสดงความยินดีกับการอภิเษกสมรสของท่านทั้งสองเช่นกัน”

ผู้ยิ่งใหญ่สองคนจากป่าอสูรนี้ เข้ามาพร้อมกัน แล้วก็ออกไปพร้อมกัน

ชูเนี่ยนไม่ได้ตามราชาเฟิ่งไป แต่อยู่ในเก้าชั้นฟ้าต่อ สำหรับเรื่องนี้ ราชาเฟิ่งก็ไม่ได้บังคับ

ชั่วพริบตา แขกในตำหนักก็เหลือเพียงสี่คน

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ขยับ ราชาเทวะจงซานก็ไม่ขยับเช่นกัน

มู่ชิงเกอมองคนทั้งสองปราดหนึ่ง ส่งสายตาให้ซือมั่ว เขาเข้าใจโดยนัย เดินออกไปพร้อมกันกับนาง

สำหรับคนสองคนในตำหนักนั้นมีซวีซิวอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา

ทั้งสองจูงมือ นิ้วมือทั้งสิบประสานกัน พลางเดินพลางพูดคุยอยู่ใน เก้าชั้นฟ้าอย่างสบายใจ

“วันนี้เจ้ามากะทันหัน หากไม่ใช่ว่าพวกเขาหวาดกลัวเจ้า เกรงว่าคงจะยกพวกโจมตีไปนานแล้ว ไหนเลยจะให้โอกาสเจ้าพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย

ซือมั่วยิ้มบาง ๆ “ขอเพียงแค่เสี่ยวเกอเอ๋อร์คิดถึงข้า ต่อให้เบื้องหน้า จะเป็นเขามีดทะเลเพลิง ผาสูงหมื่นจั้ง ก้าวเข้าไปในอันตรายที่ทำให้ร่างแหลกเหลว ข้าก็ไม่กลัว”

“คุยโวให้น้อยหน่อย” มู่ชิงเกอถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง

นางตั้งใจพูดเรื่องนี้กับซือมั่ว ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่อยู่ในตำหนักใหญ่ ในใจนางหวาดกลัวเพียงใด หากราชาเทวะเจ็ดคนในตำหนักลงมือกับซือมั่วกะหันหันจะทำอย่างไร

ต่อให้พลังบำเพ็ญของซือมั่วจะกดดันเหล่าราชาเทวะได้แต่ก็มีสำนวนที่ว่า ‘พระอาจารย์ยังถูกรุมต่อยตาย’ และ ‘สองมือยากจะสู้สี่มือ’ นางไม่อยากเกิดความรู้สึกที่เกือบจะสูญเสียซือมั่วไปอีกครั้ง

“วางใจเถิด พวกเขาเดินมาถึงขั้นนี้ได้จะต้องไม่ใช่คนบุ่มบ่าม คิดจะล้อมปราบข้าในอาณาเขตของเจ้า เป็นเรื่องที่ไม่อาจมั่นใจ และเรื่องที่ไม่อาจมั่นใจ พวกเขาไม่มีวันทำ” ซือมั่วกล่าวกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอหยุดลง ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ยิ้มเล็กน้อยกล่าว “เดิมอยากทำให้ เจ้าประหลาดใจ แต่ตอนนี้กลับถูกเจ้ารู้ล่วงหน้า จะยังดีใจอยู่ได้อย่างไร”

ที่นางพูด แน่นอนว่าหมายถึงเรื่องพิธีสมรส

รอยยิ้มมุมปากซือมั่วเบ่งบาน พยักหน้ากล่าวกับนาง “วันนี้ ไม่รู้ว่าข้ารอมานานเท่าไรแล้ว จะไม่ดีใจได้อย่างไร”

พูดไปพลาง เขาก็โอบมู่ชิงเกอเข้ามาในอ้อมอก ส่วนมู่ชิงเกอก็โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ได้ขัดขืน

ทั้งสองกอดกันและกันเบา ๆ อยู่ท่ามกลางพุ่มดอกไม้ซึมซับความดีงามที่เงียบสงบในวินาทีนี้ พวกเขาผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา ในที่สุดก็เดินมาถึงเวลาที่สามารถเคียงคู่กันได้แล้ว

สำหรับหลียวน…

ไม่ว่าจะเป็นมู่ชิงเกอหรือว่าซือมั่ว ล้วนไม่มีใครเอ่ยถึงคนผู้นี้อีก ราวกับว่า คนผู้นี้ไม่ควรค่าให้พวกเขาเอ่ยถึงแล้ว เสมือนฝุ่นละอองที่สลายหายไปจากหัวใจของทั้งสองคน

ซือมั่วกระทั่งไม่สนใจจะเค้นถามความจริงจากมู่ชิงเกอว่าสภาพในตอนนี้ของหลียวนใช่แผนการของนางหรือไม่

ไม่ฆ่านาง แต่กลับใช่วิธีที่ตัวนางยากจะยอมรับที่สุดมาทำให้นางทรมานช้า ๆ ทรมานจนถึงวันตาย นี่ก็คือบทลงโทษที่มู่ชิงเกอมอบให้นาง

“เจ้าควรกลับไปได้แล้ว” เนิ่นนาน มู่ชิงเกอจึงเงยหน้าขึ้น ถอย

ออกมาจากอ้อมกอดของซือมั่ว

หลังจากที่ซือมั่วใช้นิ้วมือเรียวยาวของตนจัดผมที่ตกลงมาให้มู่ชิงเกอและโน้มตัวจูบหว่างคิ้วนางแล้วจึงกล่าวว่า “ตกลง ข้ากลับก่อน ข้าจะรอให้ราชาเทวะมู่มาสู่ขอถึงหน้าประตูที่แดนมารรกร้าง”

เขากล่าวกึ่งหยอก

มู่ชิงเกอก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกัน พยักหน้า “ข้าจะต้องไปตามนัด เจ้าเป็นเด็กดีรอข้า”

ท่าทางเผด็จการน่าเกรงขามเช่นนี้ของสตรีทำให้ซือมั่วอดไม่ได้ที่จะโอบนางเข้ามา โน้มใบหน้าเข้าประทับจูบ จูบนี้รุนแรงแต่กินใจ ละเอียดอ่อนแต่ก็ยังป่าเถื่อน

จวบจนกระทั่งคนทั่งสองรู้สึกหายใจไม่ออกจึงผละออกด้วยความอาลัยอาวรณ์

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ชายาของข้า” นิ้วมือซือมั่วลูบผ่านริมฝีปากของมู่ชิงเกอเบา ๆ ค่อย ๆ หายไปต่อหน้านาง

การจากไปของซือมั่วทำให้มู่ชิงเกอเกิดความรู้สึกหดหู่เหมือนบางสิ่งขาดหายไปขึ้นมา โชคดีที่ตัวนางไม่ใช่คนกระบิดกระบวน แม้จะตัดใจไม่ได้ แต่ผ่านไปชั่วพริบตาก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม

เพียงแต่ ตอนที่นางหมุนตัว เตรียมจะกลับไปที่ตำหนักวังราชาเทวะ จู่ ๆ กลับพบว่าข้างหลังมีเงาคนสูงใหญ่สายหนึ่งยืนอยู่ คนผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ คาดไม่ถึงว่านางจะไม่รู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว

“ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยออกมาจากตำหนักตั้งแต่เมื่อใด” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถาม

“ข้าเพียงแค่ถอดปัญญาเทวะมา” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าวช้า ๆ

ปัญญาเทวะหรือ!

ดวงตามู่ชิงเกอเป็นประกาย หากไม่ใช่ว่าฮ่วนเยวี่ยพูดเอง นางยังคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนเสมือนจริงเช่นนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนจะเป็นเพียงการหล่อหลอมของปัญญาเทวะ ไม่ใช่คนจริง

“อย่างนั้นก็หมายความว่า ร่างกายของราชาเทวะตอนนี้ยังอยู่ในตำหนักใช่หรือไม่” มู่ชิงเกอกล่าวถาม

ฮ่วนเยวี่ยพยักหน้า “มีเรื่องบางเรื่อง ที่ข้าอยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”

“ราชาเทวะโปรดพูดมาตามตรง” มู่ชิงเกอกล่าว

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหันกายเล็กน้อย สายตาเคลื่อนจากร่างมู่ชิงเกอออกไปไกลคล้ายกำลังชื่นชมทัศนียภาพงดงาม เขากล่าวเสียงต่ำ “เจ้าทราบหรือไม่ว่า เทพมารปรองดองจะทำให้ต้องทัณฑ์สวรรค์ เจ้ายืนกรานจะอยู่กับเขา บางทีจุดจบอาจไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิด”

‘เทพมารปรองดอง จะทำให้ต้องทัณฑ์สวรรค์!’ สายตามู่ชิงเกอนิ่งงัน นางเพิ่งเคยได้ยินคำพูดแบบนี้เป็นครั้งแรก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version