ตอนที่ 873
องค์ราชาเผด็จการยิ่งนัก!
ในแดนมารรกร้าง มักจะมีหมอกงามตาสีม่วงเข้มอยู่เล็กน้อย ทิวทัศน์สวยงามที่นี่ต่างไปจากแผ่นดินเทพ เต็มไปด้วยสีสันน่าหลงใหลชนิดหนึ่ง ราวกับเปี่ยม
ไปด้วยความปรารถนาต่างๆ นานา
คนทั้งหมดที่ตามมู่ชิงเกอมาสู่ขอ นอกจากตัวโห่วแล้ว คนที่เหลือก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นดินแดนมาร แม้ว่าตอนนี้จะมีฉากกำบังโปร่งแสงหนึ่งชั้นกั้นอยู่ก็ตาม
มู่ชิงเกอมองประเมินฉากกำบังตรงหน้า ฉากกำบังที่มีคลื่นเล็กๆ กระเพื่อมไม่ขาดสายก็คือเส้นแบ่งเขตที่กั้นระหว่างเทพมารสองเผ่า ทะลุผ่านฉากกำบังชั้นนี้ไป นางก็จะเห็นดอกไม้ใบหญ้าแปลกตา ป่าทึบเขียวชอุ่มในแดนมารได้อย่างชัดเจน
ทัศนียภาพเหล่านั้น สำหรับนางแล้วไม่นับว่าแปลกใหม่ แต่สำหรับคนที่เหลือกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“คุณชาย ฝั่งตรงข้ามคือแดนมารหรือ ดูไปแล้วจะต้องแตกต่างจากแผ่นดินเทพมากเป็นแน่” ฮวาเยวี่ยกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มู่ชิงเกอละสายตามองนาง สายตาตกลงบนไฝใต้ตานาง จู่ๆ ก็ยิ้มกล่าว “ข้าจำได้ว่าในแดนมาร คล้ายมีคนที่มีไฝใต้ตาเหมือนกันกับเจ้า เพียงแต่บังเอิญว่า พวกเจ้าสองคนมีไฝคนละฝั่ง”
ฮวาเยวี่ยยิ้มกล่าว “เช่นนั้นข้าไปครั้งนี้จะต้องไปพบพี่สาวผู้นี้ให้ได้”
“ผู้ชาย” มู่ชิงเกอทิ้งท้ายสองคำและเก็บสายตากลับไปอย่างสุขุม
รอยยิ้มฮวาเยวี่ยแข็งทื่อ เพิ่งจะได้สติกลับมาว่ามู่ชิงเกอหยอกนางเล่น ชั่วขณะนั้น บนหน้านางก็มีสีแดงสองวงลอยขึ้นมา กระทืบเท้าแสร้งทำเป็นโกรธ
หญิงคนอื่นปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่มู่ชิงเกอกลับมองไปบนฉากกำบังแล้ว
“คุณชาย พวกเรารอตรงนี้หรือ” มั่วหยางเดินมากล่าวถามข้างๆ มู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ “ตรงนี้คือจุดที่ค่อนข้างเปราะบาง เมื่อเผ่ามารเปิดขึ้นที่ฝั่งนั้นจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย และประคองไว้ได้ไม่นานนัก เจ้าถ่ายทอดคำสั่งลงไป เมื่อฉากกำบังเปิดออกแล้วก็รีบเข้าไป อย่าได้ล่าช้า”
“ขอรับ” มั่วหยางรับคำสั่งถอยออกไป
เขาเพิ่งจะไป บนฉากกำบังก็ปรากฎแสงมันวาวแปลกประหลาด ดึงดูดความสนใจของทุกคนในเก้าชั้นฟ้า
สินเดิมสีแดงเพลิงเหล่านั้น เมื่ออยู่นอกฉากกำบังก็สะดุดตาเป็นพิเศษ เพียงแต่ที่นี่ไม่มีคนอยู่อาศัย ดังนั้นนอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีก
“ดูเร็ว ฉากกำบังเปิดแล้ว” มีคนกล่าวอย่างประหลาดใจ
ฉากกำบังที่โปร่งแสงเบื้องหน้า เปิดออกช้าๆ ส่วนลึกในดวงตาของมู่ชิงเกอและคนอื่นๆ ราวกับช่องว่างที่ถูกฉีกออก
กู่หยาและกู่เย่ปรากฎตัวอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของฉากกำบัง นำองครักษ์มารถวายความเคารพต่อมู่ชิงเกอ “คุณชาย”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ ยกฝีเท้าก้าวเข้าไป
เมื่อนางขยับ คนที่เหลือก็รีบตามเข้าไปทันที ขบวนที่โอ่อ่าอลังการ ก้าวเข้าไปในแดนมารตามรอยแยกนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้วจึงพบว่าฝั่งนี้มีองครักษ์มารถืออาวุธมารหลายคนกำลังคํ้ายันการปิดของฉากกำบังอย่างสุดแรง
แววตาของมู่ชิงเกอกวาดผ่านไปบนอาวุธมารหลายชิ้นนั้น ท้ายที่สุดก็ตกลงบนร่างกู่หยาและกู่เย่
กู่หยายิ้มกล่าว “พระชายามาเร็วกว่าที่พวกข้าคาดการณ์ไว้เสียอีก”
ก่อนหน้านี้พวกเขาคำนวณมาแล้ว ด้วยฝีเท้าของคนเหล่านี้ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูปในช่วงค่ำ
ขณะที่มู่ชิงเกอก้าวเข้าไปในแดนมารในตำหนักฮวงเตี้ยนวังไท่ฮวง ซือมั่วที่ภายนอกสงบนิ่งเยือกเย็น ภายในใจกลับร้อนอกร้อนใจดั่งไฟเผา พลันเกิดการตอบสนอง
ในดวงตาสีอำพันของเขาผุดความดีใจออกมา
เขาไม่ชี้แจงเจ้าเมืองย่อยทั้งหมดในตำหนัก ดูดร่างพวกเขา หายวับไปจากตำหนักฮวงเตี้ยนทันที
ชั่วพริบตา ตำหนักฮวงเตี้ยนทั้งหลังก็ว่างเปล่า
เมื่อซือมั่วจากไป ทั่วทั้งวังไท่ฮวงก็ยุ่งวุ่นวาย เพราะว่าคนทั้งหมดต่างก็ทราบดี องค์ราชารอไม่ไหวไปรับพระชายาด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาต้องฉวยโอกาสจัด แต่งพระราชวังให้เหมาะสม ต้อนรับพระชายากลับมา
ใช่แล้ว กลับมา
แรงสนับสนุนในแดนมารของมู่ชิงเกอนั้นไกลเกินกว่าจินตนาการของผู้คนในแผ่นดินเทพสี่สมุทรจะนึกถึง พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่มู่ชิงเกอยังไม่เข้ามาในแผ่นดินเทพมารก็ได้สร้างผลลัพธ์สงครามในตำนานของแดนมารไว้แล้ว
“พระชายามาเร็วกว่าที่พวกข้าคาดการณ์ไว้เสียอีก” กู่หยายิ้มกล่าว
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์”
เพียงแต่ เขาพูดยังไม่ทันขาดคำก็ปรากฎเสียงดังก้องเสียงหนึ่งผ่าท้องฟ้าออกมา จากนั้นซือมั่วก็ปรากฎตัวอยู่กลางอากาศฉับพลัน ก้าวเท้าเพียงหนึ่งก้าวก็มายืนอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอแล้ว
ข้างหลังเขา เจ้าเมืองย่อยสิบกว่าคนที่ตกลงมาจากรอยแตกบนท้องฟ้าต่างก็ตะลีตะลานประคองร่างตนให้มั่นคง เลี่ยงไม่ให้อับอายต่อหน้าเผ่าเทพ
เฮ้อ!
จนปัญญา ใครใช้ให้องค์ราชาของพวกเขาเกิดคิดถึงพระชายาขึ้นกะทันหันเล่า
พวกเขาทำได้เพียงตามมาประสบหายนะด้วย
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” ซือมั่วคว้ามือของมู่ชิงเกอขึ้นมาอย่างทนรอต่อไปไม่ไหว มองตานางด้วยความรักใคร่อ่อนโยนไม่สนใจการมีอยู่ของคนที่ เหลืออย่างสิ้นเชิง
เขาในตอนนี้ไหนเลยจะยังมีความสุขุมน่าเกรงขามครึ่งส่วนอย่างในตำหนักฮวงเตี้ยนก่อนหน้านี้อีก
‘องค์ราชา! สำรวม! สำรวมหน่อย!’
กลุ่มเจ้าเมืองย่อยผู้น่าสงสาร กุมหน้าร้องไห้อยู่ในใจ
เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกอับอายเล็กน้อยเล่า เวลาปกติก็ไม่เป็นไร แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเผ่าเทพจำนวนมากเพียงนั้น องค์ราชาของตนสงวนท่าทีสักเล็กน้อยไม่ได้ หรือไร
ดูสิ ดูแววตาของคนเผ่าเทพเหล่านั้นสิ
สีหน้าท่าทางเจ้าเมืองย่อยหลายคนเศร้าโศกเล็กน้อย นอกจากคนเหล่านั้นที่เคยพบซือมั่วมาก่อน คนที่เพิ่งเคยพบบุคคลอันดับหนึ่งของแผ่นดินมารในตำนาน ใต้เท้าเจ้าแห่งมารผู้ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนผู้นี้ ต่างก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
แต่ละคนมองเขาอย่างปากอ้าตาค้าง วิจารณ์ในใจ
‘นี่คือเจ้าแห่งมารจริงๆ หรือ’
‘นี่คือเจ้าแห่งมารที่มีชื่อเสียงโหดเหี้ยมผู้นั้นหรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าไม่ค่อยเต็มเต็งเลยเล่า’
‘นี่…นี่…นี่ แล้วความเฉยชาน่าเกรงขามที่บอกเล่า’
‘ยังคงเป็นราชาเทวะของเราที่ร้ายกาจยิ่งกว่าดังคาด เจ้าแห่งมารผู้นี้เป็นทาสภรรยาจริงๆ ด้วย’
จบกัน!
ภาพลักษณ์หมดสิ้นแล้ว!
กลุ่มเจ้าเมืองย่อยร้องไห้ในใจ ทำได้เพียงกลืนนํ้าตาลงในใจเงียบๆ
“เจ้าวิ่งออกมาเองได้อย่างไร” มู่ชิงเกอถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ซือมั่วกล่าวอย่างมีเหตุผล “ข้ามารับพระชายาของข้าด้วยตัวเอง ไม่ถูกหรือ”
“เช่นนั้นพวกเขา…” แววตาที่ไม่เข้าใจของมู่ชิงเกอข้ามผ่านซือมั่ว มองสีหน้าเจ้าเมืองย่อยที่ปรากฎตัวพร้อมซือมั่ว คนเหล่านี้ นางเคยพบมาก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่คนแปลกหน้า
แต่ว่า นางเพิ่งจะมองออกไป ใบหน้าก็ถูกซือมั่วดึงกลับมา “เจ้ามองเพียงข้าก็พอ พวกเขาหน้าตาดีกว่าข้าหรือไร”
“…” มู่ชิงเกอ
“…” เจ้าเมืองย่อยทั้งหมด
“…” กู่หยากู่เย่ กลุ่มผู้แทนเก้าชั้นฟ้า
“อะแฮ่ม! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” มู่ชิงเกอกระแอมเบาๆ หนึ่งครา ถามหยั่งเชิง
เหตุใดวันนี้ซือมั่วถึงผิดปกติไป
ทว่าซือมั่วกลับกล่าว “ข้าสบายดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไป คนทั้งหมดในใต้หล้าต่างก็ทราบว่าเจ้าคือภรรยาของข้า ข้าคือสามีของเจ้า ใคร บังอาจมองเจ้ามากกว่าที่ควร ข้าจะควักลูกตาคนผู้นั้น”
เฮือกกก!
ราชามารเผด็จการสุดๆ!
เจ้าเมืองย่อยทั้งหมดรวมถึงองครักษ์มารแทบจะก้มหน้างุดพร้อมกัน ไม่กล้ามองมู่ชิงเกออีก
แต่คนเก้าชั้นฟ้าเหล่านั้นเล่า ยังมีบางคนที่ทึ่มทื่อ กระทั้งแววตาของซือมั่วกวาดผ่านมาอย่างเย็นเชียบ พวกเขาจึงเข้าใจในทันที ภายใต้สันหลังที่เย็บวาบจึงหลุบสายตาลงอย่างพร้อมเพรียง
‘ท่านเขยผู้นี้เผด็จการเกินไปแล้ว! แม้แต่มองยังมองไม่ได้!’
คนทั้งหมดของ เก้าชั้นฟ้าผู้บริสุทธิ์พากันแขวะในใจ
มู่ชิงเกอกล่าวติดตลก “เช่นนั้นเจ้าไม่ซ่อนข้าไว้เลยเล่า”
ซือมั่วกุมมือของนางแน่น กล่าวเสียงตํ่า “หากทำได้ข้าอยากจะซ่อนเจ้าไว้ไม่ให้ผู้ใดเห็นอย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยอม ดังนั้น ข้าจึงทำได้เพียงจัดการผู้อื่น”
‘ตรรกะผิดเพี้ยนอะไรกัน!’ มู่ชิงเกอมุมปากกระตุก สบถอย่างหมดแรง
ซือมั่วเหลือบตาขึ้น สายตากวาดผ่านสินเดิมแต่ละชิ้นเหล่านั้นและเผยรอยยิ้มออกมา “เสี่ยวเกอเอ๋อร์มาสู่ขอด้วยขบวนยาวสิบลี้จริงๆ ด้วย”
ทันใดนั้น เขาก็ละสายตามองเจ้าเมืองย่อยที่ก้มหน้าแต่ละคน กล่าวถามด้วยเสียงเย็นชา “พาพวกเจ้ามาเพื่อมายืนหรือไร”
ทุกคนตกใจ พากันได้สติกลับมา คุกเข่าข้างเดียวลงตรงหน้ามู่ชิงเกอ กล่าวพร้อมกัน “ยินดีต้อนรับพระชายา”