ตอนที่ 890
ไปกวาดสุสานด้วยกัน
“ได้สิ” ฉินจิ่นเฉินพยักหน้า
ทันใดนั้น ไหสุราที่เปิดฝาออกหนึ่งใบก็วางลงตรงหน้าเขา
แทบจะในเวลาเดียวกัน ไหสุราอีกหนึ่งใบก็วางลงตรงหน้าฉินอี้เหยาเช่นกัน
มู่ชิงเกอยกไหสุราตรงหน้าตนขึ้น กล่าวกับคนทั้งสอง “ดื่ม”
ทั้งสามมองหน้ายิ้มให้กัน ยกไหสุราเงยหน้าดื่มลงไป ระหว่างพวกเขาสามคน มีบุญคุณความแค้นพัวพันมากมาย ความผิดชอบชั่วดีเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้น ยังมีคนที่จากไปแล้ว ทั้งหมดได้ผ่านไปกับสายลม
ตอนนี้พวกเขาสามคนยังนั่งดื่มสุราด้วยกันได้ โอกาสเช่นนี้หาได้ยากจริงๆ
“เจ้ากลับมาเมื่อไร” มู่ชิงเกอวางไหสุรา มองฉินอี้เหยา
ฉินอี้เหยาเม้มปากยิ้มกล่าว “ข้าเองก็เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ไม่ได้ทำให้ผู้ใดแตกตื่น เพียงแค่คิดถึงบ้านจึงกลับมาเยี่ยมเยียน อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว”
พูดจบ นางก็ยื่นมือม้วนปอยผมข้างหูที่ร่วงลงมาเล็กน้อย
ตอนนี้ มู่ชิงเกอเพิ่งจะสังเกตเห็น ผมยาวของฉินอี้เหยาคาดไม่ถึงว่าจะเกล้าขึ้นมาแล้วกลายเป็นมวยผมของผู้ที่แต่งงานแล้วจึงจะทำได้
“เจ้าแต่งงานแล้ว” มู่ชิงเกอพลั้งปากกล่าว
ไม่แปลกที่นางประหลาดใจ เพียงแค่เหนือความคาดหมายเกินไป
แต่ว่าหลังจากนั้น นางก็นึกขึ้นได้ ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ฉินอี้เหยาแต่งงานกับผู้อื่น เป็นเพียงเรื่องที่ธรรมดาที่สุด
ฉินอี้เหยาแก้มแดง พยักหน้าอย่างเขินอาย
มู่ชิงเกอยิ้มถาม “คุณชายตระกูลใดได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงเหยาของพวกเรากัน”
นํ้าเสียงหยอกล้อของนางทำให้ฉินอี้เหยาเขินอายยิ่งขึ้น บิดม้วนครู่หนึ่ง นางจึงกล่าว “เจ้าเองก็รู้จัก”
“ข้ารู้จักหรือ”
มู่ชิงเกอตกตะลึง หวนนึกอย่างละเอียด คนที่นางรู้จัก ซํ้ายังเป็นคนที่ฉินอี้เหยาสนใจถึงขั้นนั้น คล้ายมีเพียงคนเดียว “เซิ่งอวี้หลีหรือ”
เมื่อชื่อนี้ดังออกไป ฉินอี้เหยาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ท้ายที่สุดก็พยักหน้า
มองเห็นรอยยิ้มเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขบนใบหน้าฉินอี้เหยา มู่ชิงเกอก็ยิ้มอย่างโล่งใจขึ้นมาเช่นกัน
ฉินอี้เหยาคว้าความสุขของตนไว้ได้ เป็นเรื่องที่นางปรารถนาจะเห็นที่สุด
“เขารอข้ามานานมากแล้ว อยู่กับข้ามานานมากแล้ว ผ่านอันตรายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายครั้ง ข้ายอมรับ ข้าถูกเขาทำให้หวั่นไหวแล้ว ข้าไม่อยากทำผิดต่อเขา และไม่อยากคลาดจากเขาไป” ฉินอี้เหยากล่าวช้าๆ
คล้ายกับว่า กำลังอธิบายเรื่องราวที่ตนยอมรับเซิ่งอวี้หลีให้มู่ชิงเกอฟัง
“ความสุขของเจ้าสำคัญที่สุด เหตุใดเขาถึงไม่กลับมาพร้อมเจ้าเล่า” มู่ชิงเกอกล่าวถาม
ฉินอี้เหยายิ้มกล่าว “เดิมก็จะมาพร้อมกัน เพียงแต่เขาต้องไปจัดการธุระบางอย่างชั่วคราว ข้าจึงมาก่อน เมื่อเขาจัดการงานเสร็จค่อยมารับข้า”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ ไม่ไต่ถามอีก
ฉินจิ่นเฉินพูดไม่เยอะเหมือนกับเมื่อก่อน เพียงแค่ฟังอยู่เงียบๆ หากถามถึงเขา เขาก็จะตอบสามประโยค ไม่นานนัก องค์หญิงน้อยก็เล่นจนเหนื่อยแล้ว และพิงหลับอยู่ข้างๆ ฉินอี้เหยา เจ้าอ้วนแซ่เซ่าดื่มสุราเป็นเพื่อนมู่ชิงเกออีกเล็กน้อย พูดคุยรำลึกเรื่องในปีนั้นพักใหญ่ ล้วนเต็มไปด้วยความสุข
ฉินจิ่นเฉินพาลูกสาวกลับพระราชวัง ความรู้สึกที่เขามีให้มู่ชิงเกอครั้งนี้คล้ายกับว่าวางบางสิ่งลงได้อย่างแท้จริงแล้ว ไม่ดื้อรั้นและอาลัยอีก เพียงแค่ซ่อนอยู่ใน เบื้องลึกของหัวใจกลายเป็นความทรงจำที่งดงามที่สุด
เจ้าอ้วนแซ่เช่าเองก็เมามายถูกมู่ชิงเกอพาไปส่งกลับตระกูลเช่า นางเองก็ได้พบลูกๆ ของเจ้าอ้วนแช่เซ่าแล้ว หลังพบหน้ากันครู่หนึ่งก็จากไปพร้อมฉินอี้เหยา
“ข้าอยากไปที่ที่หนึ่ง”
“ตามข้าไปที่ที่หนึ่งหน่อย”
แทบจะในเวลาเดียวกัน มู่ชิงเกอกับฉินอี้เหยาก็เอ่ยปากพร้อมกัน
ทั้งสองตกตะลึง มองหน้ากันแล้วยิ้ม
สัญญาณลับเล็กๆ นั้นในดวงตาทำให้พวกนางไม่พูด ก็รู้ว่า ‘ที่แห่งนั้น’ คือที่ใด
ฤดูหนาวชานเมืองลั่วตู เงียบสงัดอย่างถึงที่สุด
เกล็ดหิมะ ปกคลุมหินผาต้นไม้จนขาวโพลน บนพื้นหิมะ มีคนสองคนยํ่าหิมะเดินไป
คนหนึ่งสวมชุดสีสดดั่งดวงอาทิตย์ คนหนึ่งสวมชุดสีฟ้าอ่อนดั่งนํ้าแข็ง
พวกนางมายังสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงาม แต่กลับสันโดษอย่างถึงที่สุดด้วยความชำนาญในลู่ทาง อ้อมผ่านผู้ดูแลสุสานรอบนอก เข้าไปข้างในส่วนลึกที่สุด
มู่ชิงเกอกับฉินอี้เหยาสองคนวางเท้าลงบนพื้นหิมะเบาๆ มองเนินหลุมศพข้างหน้า
หญ้าเขียวบนเนินหลุมศพ ถูกหิมะขาวกลบหมดแล้ว
นี่ไม่ใช่หลุมฝังศพใหม่แล้ว แต่เพราะว่ามีคนปัดกวาดทุกวันจึงยังดูสะอาดเรียบร้อยอย่างเห็นได้ชัด
มู่ชิงเกอเดินเข้าไปช้าๆ มาถึงหน้าป้ายหลุมศพที่นางสลักกับมือแผ่นนั้นใช้นิ้วมือปัดหิมะข้างบนออก เผยให้เห็นลายมือบนแผ่นป้าย
‘หลุมศพภรรยาของมู่ชิงเกอ ฉินอี้เหลียน’
ข้างในนี้มีเด็กสาวที่บริสุทธิ์ดีงามผู้หนึ่งหลับใหลอยู่ เด็กสาวที่ชอบชวนนางกินลูกอม อยากเต้นรำให้นางดู ถูกนางปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดเพราะ มาเตือนตน นางกลับตายอยู่ในอ้อมอกตน หญิงสาวที่บอกว่าอยากเป็นภรรยาของนางผู้นั้น
‘เหลียนเหลียน’ มู่ชิงเกอเรียกชื่อที่ไม่เคยลืมชื่อนี้ออกมาในใจ
นางมองเนินดินบนหลุมศพ ราวกับว่าเด็กสาวยืนอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด เต้นรำพลิ้วไหว ท่ามกลางภูเขาแม่นํ้าสายลมและแสงจันทร์บนใบหน้าประดับรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนั้นตลอดกาล
“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าอิจฉาเหลียนเหลียนมาโดยตลอด” ฉินอี้เหยายืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ เอ่ยปากช้าๆ
มือที่ลูบป้ายหลุมศพเบาๆ ของมู่ชิงเกอหยุดชะงัก จากนั้นจึงปัดหิมะบนป้ายต่อ ไม่ได้พูดจา
เสียงของฉินอี้เหยา ดังขึ้นต่อ “แม้ว่าชีวิตของเหลียนเหลียนจะสั้นยิ่งนัก แต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน นางคิดแทนมารดาที่ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทอง ไม่ยุ่งเรื่อง ทางโลกของนาง นางมีพี่ชายต่างแม่ แต่กลับเห็นนางเป็นดั่งอัญมณีลํ้าค่า อีกทั้งนางยังมีเจ้า”
สายตาของฉินอี้เหยา ตกลงบนแผ่นหลังของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอไม่ได้เอ่ยปาก การตายของเหลียนเหลียน เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจนาง นางในตอนนั้น ไม่มีความสามารถจะทำให้นางฟื้นคืนชีพได้
ตอนนี้ในหลุมฝังศพนี้กลายเป็นกระดูกแห้งกรังไปนานแล้ว กระทั้งเน่าเปื่อยจนเป็นดินโคลนแล้ว นางไร้หนทางแล้ว
“บางที เหลียนเหลียนอาจจะไปเกิดยังโลกใหม่ ใช้ชีวิตที่ไร้ความทุกข์ความกังวลแล้ว” นานอย่างยิ่ง มู่ชิงเกอก็เก็บมือที่ปัดกวาดป้ายหลุมศพกลับมา เอ่ยปากกล่าวเสียงเรียบ
ฉินอี้เหยาพยักหน้า “นี่คือความปรารถนาที่เรามีร่วมกัน”
“ข้าไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว คาดว่าตลอดมาผู้ที่สั่งให้คนมาปัดกวาดที่นี่ คือฉินจิ่นเฉิน” มู่ชิงเกอกล่าว นางย่อมรู้ดี คนที่ดูแลสุสาน เป็นทหารลับในพระราชวัง
เดิมที ที่นี่ไม่มีคนดูแล เพราะว่าพวกเขาไม่อยาก ให้ผู้ใดมารบกวนความสงบของเหลียนเหลียน แต่ว่าภายหลังเกิดเรื่องตระกูลเล่อ ทำให้หลุมฝังศพของเหลียนเหลียนเกือบจะถูกขุดขึ้นมา นี่จึงทำให้ฉินจิ่นเฉินส่งคนมาดูแลรอบนอก
ฉินอี้เหยาเม้มปาก ยิ้มกล่าว “นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาหวังว่าจะทำให้เหลียนเหลียนได้”
ทั้งสองยืนอยู่หน้าหลุมศพของฉินอี้เหลียนเนิ่นนานกว่าจะจากไป
วันที่สอง มู่ชิงเกอพาท่านปู่ ท่านพ่อท่านแม่ของตน รวมถึงมู่อี้เฉิน กลับไปยังโลกแห่งยุคกลางพร้อมกันรับซางชุ่นหวางและมู่เสวี่ยอู่ต่อ
หยวนหยวนและหม้อผลาญสวรรค์กลับมาข้างกายนางด้วยตัวเอง ก่อนที่มู่ชิงเกอจะกลับแผ่นดินเทพมารได้นำเรืออากาศที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนหน้านี้ออกมา ให้ทุกคนเข้าไป
ตอนนี้ช่องว่างที่นางบุกเบิกขึ้นใหม่ ยังให้คนเข้าไปไม่ได้ และตบะบำเพ็ญของญาติพี่น้องก็ไม่มีทางต้านทานแรงกดดันที่ต้องรับตอนที่เข้าแผ่นดินเทพมารได้ ดังนั้นนางจึงเตรียมเรืออากาศไว้เป็นอย่างดี
“ไม่ต้องกังวล อีกไม่ช้าพวกเราก็จะเข้าไปในแผ่นดินเทพมารได้” มู่ชิงเกอกล่าวปลอบญาติพี่น้อง