ตอนที่ 922
อาฆาตมากเพียงใด เคียดแค้นมากเพียงใด
“มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันดีๆ” อินเจวี๋ยกล่าวทันที
เขาไม่หวังว่า เรื่องของเผ่ามังกรกับโห่วยังไม่ทันจบก็ดึงมู่ชิงเกอกับซือมั่วเข้ามาเกี่ยวแล้ว
ด้วยกำลังของคนทั้งสองในตอนนี้ เกรงว่าหากต้องการจะทำลายล้างเผ่ามังกรก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
แต่ว่า เมื่อรับตำแหน่งเป็นผู้ปกปักรักษาป่าอสูร อินเจวี๋ยไม่อาจปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้เป็นอันขาด
เหมือนอย่างเช่นตอนแรก เขายอมออกหน้าไกล่เกลี่ยเรื่องเผ่ามังกรให้โห่ว ทำให้เผ่ามังกรเลิกล้มการไล่ฆ่าโห่ว
“เทพ มาร!” ราชามังกรกัดฟันกรอดยิ้มเยาะ จู่ๆ เขาก็มองมู่ชิงเกอกับซือมั่วและหัวเราะขึ้นมา “ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้แล้วก็เป็นเจ้าแห่งมารกับราชาเทวะที่กล้าต่อต้านใต้หล้า เชื่อมสัมพันธ์เทพมาร แต่กลับสมรสไม่สำเร็จสองคนนั้น”
“ราชามังกรหยุดเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงที่ยั่วยุของเขา ทำให้อินเจวี๋ยห้ามปรามทันที
ในดวงตาของซือมั่วปรากฎความคิดสังหาร พลังที่แข็งกล้าหนึ่งกลุ่ม พุ่งตรงไปที่ราชามังกรทันที ฟาดลงบนปากมังกรของเขาอย่างโหดเหี้ยม พลังนี้ แข็งแกร่งจนทำให้ราชามังกรประหลาดใจ เขาเบิกตามังกรกลมโต แต่กลับหลบเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงถลึงตามองพลังที่เขาไม่มีทางหยุดยั้งกลุ่มนั้นตกลงบนปากตน
ชั่วพริบตา มังกรยักษ์สีทองตัวนี้ก็ถูกฟาดจนลอยออกไป กลิ้งอยู่กลางอากาศหลายตลบ กระแทกอย่างแรงลงบนที่ราบซึ่งโอบล้อมด้วยภูเขาแห่งหนึ่งไกลๆ
เผ่ามังกรคนอื่นเห็นแล้วก็ตกใจหน้าถอดสี พากันวิ่งไปตรงที่ราชามังกรตกลง
“ฮ่าๆๆๆ!” โห่วเห็นจุดจบของราชามังกรก็หัวเราะร่าขึ้นมาอย่างโอหังลำพองตน
อินเล่อที่นั่งอยู่บนหลังเขาเห็นท่าทางของหัวเราะร่าของโห่ว ส่วนลึกในดวงตาสีเขียวอมดำก็ปรากฎรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นมา เกาทัณฑ์ในมือนางรวมถึงลูกธนูจางหายไปอย่างช้าๆ
อินเจวี๋ยยิ้มเจื่อน แม้เขาจะเอ่ยเตือน แต่ก็คล้ายกับสายไปเสียแล้ว
อืม หรือว่า…เขาประเมินนิสัยของซือมั่วตํ่าไปจริงๆ
มู่ชิงเกอกลับไม่มีความเห็นต่างต่อเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง นางไพล่มือทั้งคู่ข้างหลัง เดินไปตรงที่ที่ราชามังกรตกลงอย่างยิ้มแย้ม ในหลุมลึกที่ถูกแรงกระแทกนั้น ฝนดินร่วงหล่น เผ่ามังกรเหล่านั้นกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ตะโกนกล่าวเข้าไปในหลุมลึก “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!”
ตอนนี้ มู่ชิงเกอเองก็เดินไปอยู่ข้างหลุมลึกแล้ว นางยืนอยู่ข้างหลังเผ่ามังกร โน้มตัวไปข้างหน้า ชะโงกหน้าเข้าไปข้างใน ส่งเสียงจุปากสองครา “อาฆาตมากเพียงใด เคียดแค้นมากเพียงใด ก็อย่าได้ทรมานตนเองจนเป็นเช่นนี้เลย ”
คำพูดฉีกหน้าประโยคนี้ ทำให้เผ่ามังกรรอบด้านหันหลังกลับมองนางอย่างระมัดระวัง
ส่วนราชามังกรก็ปีนออกมาจากก้นหลุมแล้ว อ้าปากบ้วน นํ้าลายที่ปนกรวดทรายและโลหิตออกมา
มู่ชิงเกอสังเกตเห็นว่า ในเสมหะโลหิตกองนั้น ยังมีของแข็งแหลมคมสีขาวนวลสองชิ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเขี้ยวฟันของราชามังกรที่ถูกซือมั่วตบจนหลุด
มู่ชิงเกอแสยะปาก วิจารณ์ผู้ชายของตนว่าโหดเหี้ยมเสียจริงๆ
เผ่ามังกรเลื่องชื่อว่าหนังหยาบเนื้อหนา ฝ่ามือแหวกอากาศนี้ คาดไม่ถึงว่าจะตบจนเขี้ยวของราชามังกรหลุด เดิมราชามังกรกลายร่างเป็นมนุษย์ก็นับว่าเป็นบุรุษงามสง่า ตอนนี้ฟันหักไปหลายซี่ ชั่วพริบตาก็ไม่เหลือความสง่าผ่าเผย มีเสน่ห์องอาจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“เจ้า! พวกเจ้า!” ราชามังกรปีนขึ้นมาจากหลุมลึก มองมู่ชิงเกอด้วยดวงตาที่พ่นไฟโกรธออกมา แน่นอนว่ารวมถึงซือมั่วที่ยืนอยู่ไกลๆ ด้วย
ความรู้สึกที่สู้ไม่ได้ น่าอึดอัดยิ่งนัก!
ราชามังกรรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ ทำได้เพียงยอมแพ้ “วันนี้ข้ายั่วแหย่พวกเจ้าไม่ได้ แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง เผ่ามังกรของข้าจะมาสะสางบัญชีนี้กับพวกเจ้า!”
“ช้าก่อนราชามังกร” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็ตะโกนกล่าว
ราชามังกรใบหน้าขึงตึง ในดวงตาเก็บซ่อนไฟโกรธ เก็บซ่อนสภาพจนตรอกทั่วทั้งร่าง กลอกตาแค่นเสียง “ทำไม ข้ายังไม่ไปไม่ได้หรือ หรือจะพูดว่าใต้เท้าราชาเทวะมีอะไรจะชี้แนะ”
ตอนที่พูดคำว่า ‘ใต้เท้าราชาเทวะ’ เขาก็กัดฟันกรอด ใส่ความเสียดสีลงไปอย่างเข้มข้น
มู่ชิงเกอไม่ได้ถือสา คิดครู่หนึ่ง เปลี่ยนคำพูดกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…พรุ่งนี้พวกข้าค่อยไปเยี่ยมเยียนที่เขตมังกรแล้วกัน”
พูดจบ นางก็หันหลังกลับไปยืนข้างกายซือมั่วอย่างสง่างาม
นางเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน ทำให้ราชามังกรตกตะลึง ไม่เข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร
โดยเฉพาะ นางยังพูดว่า พรุ่งนี้จะไปเขตมังกร
สายตาราชามังกรดุร้าย แค่นเสียงกล่าว “ในเมื่อเจ้าจะมาหาถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง ข้าก็จะตั้งหน้าตั้งตารออยู่ที่เขตมังกร”
พูดจบ เขาก็นำคนในเผ่า เก็บความโกรธออกไป
เมื่อเผ่ามังกรไปแล้ว โห่วก็พาอินเล่อลงมาจากอากาศ กลายร่างเป็นมนุษย์ เดินไปหามู่ชิงเกอและคนทั้งสอง
“นังหนู เจ้าปล่อยเขาไปได้อย่างไร” โห่วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านอา” อินเล่อเองก็เดินเข้ามาหาอินเจวี๋ยแย้มยิ้ม
อินเจวี๋ยมองประเมิณนางปราดหนึ่งด้วยความรวดเร็ว เห็นนางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จึงหยักหน้า ตำหนิอย่างจนใจ “สร้างแต่เรื่อง”
อินเล่อรู้ดีว่าตนผิดจึงไม่ได้โต้เถียง เพียงแค่หลุบสายตาลง
“พลังของเผ่ามังกร ไม่ว่าจะอยู่ในป่าอสูร หรือว่าอยู่นอกป่าอสูรก็ไม่อาจดูแคลน ตอนนี้เผ่าฝูจับจ้องตาเป็นมัน พวกเราต้องรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมได้ไม่เว้นแม้แต่เผ่ามังกร” มู่ชิงเกออธิบายให้โห่วฟัง
“พูดเช่นนี้ เจ้าคิดจะดึงพวกเขาเข้ามาเกี่ยวหรือ” โห่วกล่าวถาม
มู่ชิงเกอพยักหน้า มองซือมั่ว
หากไม่ใช่ไม่รู้เจตนาของนาง เมื่อครู่ซือมั่วก็ไม่มีทางลงมือแค่เพียงตบสั่งสอนลวกๆ แน่ แต่คงจะลงมือฆ่าไปแล้ว
“แต่ว่า ความแค้นระหว่างพวกข้าฝังลึกแล้ว เจ้าคิดจะดึงพวกเขาเข้ามาเกรงว่าจะไม่ง่าย” โห่วขมวดคิ้วกล่าว
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ยิ้มกล่าว “ง่ายหรือไม่ง่าย ต้องลองดูถึงจะรู้ นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่ง ไม่อาจพลาดไปได้” ขณะที่พูด นางก็ละสายตา ถามโห่วกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ข้ายังไม่ได้ถามเจ้า เจ้าเป็นอะไร อยู่ดีๆ ถึงไปต่อสู้กับเผ่ามังกรได้”
“ครั้งนี้ท่านพี่โห่วไม่ผิด” โห่วยังไม่ทันพูด อินเล่อกลับอธิบายแล้ว
สายตาของมู่ชิงเกอกวาดผ่านร่างคนทั้งสองอย่างหยอกล้อ มองอินเล่อแล้วกล่าว “เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น”
“เผ่ามังกรเหล่านั้นมาหาเองถึงที่ ไม่ใช่ว่าข้าไปก่อเรื่อง” โห่วกล่าวเสียงดังฟังชัด
อินเล่อเองก็พยักหน้า “เป็นเช่นนี้จริงๆ เดิมข้ากับโห่วกำลังแจ้งข่าวสัตว์อสูร บอกพวกเขาถึงแผนร้ายของเผ่าฝู ให้ทุกคนเตรียมป้องกัน สร้างพันธมิตรไว้แต่เนิ่นๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ราชามังกรเฒ่าผู้นั้นจะโมโหเดือดดาลนำมังกรจำนวนมากมาเข่นฆ่ากันถึงที่นี่”
มู่ชิงเกอละสายตามองอินเจวี๋ย เจตนาในดวงตานั้นคล้ายกำลังพูดว่า ‘ดูสิ ข้าบอกแล้วว่าโห่วไม่ได้ก่อเรื่อง’
อินเจวี๋ยเข้าใจความหมายแฝงในแววตานาง ค่อนข้างจนใจ
เขารู้ว่ามู่ชิงเกอมีความสัมพันธ์อันดีกับโห่ว แต่ไม่คิดว่าจะปกป้องโห่วเช่นนี้ แม้แต่ความไม่เป็นธรรมเพียงน้อยนิดก็ไม่ยอมให้เขาแบกรับไว้
‘บางที นางอาจจะไม่ได้ปฏิบัติต่อโห่วเช่นนี้เพียงผู้เดียว แต่ยังปฏิบัติเช่นนี้ต่อทุกๆ คนที่นางยอมรับ’ อินเจวี๋ยคิดในใจ ทันใดนั้น เขาก็อิจฉาซือมั่วขึ้นมา
สตรีดีเลิศผู้หนึ่ง มักจะดึงดูดสายตาของเพศตรงข้ามได้ดี ง่ายต่อการมัดหัวใจของเพศตรงข้าม ไม่ว่านางจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
หลายต่อหลายครั้ง การ ‘ยั่วยวน’ โดยไม่ได้ตั้งใจก็ยิ่งทำให้คนใจเต้น
ใบหน้างดงาม สำหรับอินเจวี๋ยแล้ว นับว่ามีภูมิคุ้มกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาใจเต้นก็คือคุณธรรมนํ้ามิตรที่ไม่แพ้บุรุษชนิดนั้น รวมถึงการมองภาพรวมของมู่ชิงเกอ
แววตาอิจฉานั้นของอินเจวี๋ย ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอ แต่ซือมั่วกลับเห็นชัดเจนแล้ว