ตอนที่ 936
ตายแล้ว หรือยังไม่ตาย
เบื้องหน้า พร่าเลือนไปทั่วทุกแห่ง
ภาพที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของนาง หอสูงที่ถล่มลงมาไม่หยุด ท่ามกลางฝุ่นละออง รวมถึงโลกที่พังทลายยับเยิน
พลังที่แข็งกล้าและทำลายล้างหนึ่งกลุ่มราวกับว่าในที่สุดก็หลุดพ้นจากการคุมขัง พุ่งออกจากเครื่องจองจำ
ท่ามกลางหมอกควันที่ลอยตามมา มู่ชิงเกอทันมองเห็นเพียงแค่แสงทองที่ส่องสว่างเหล่านั้น รวมถึง…
เสียงร้องอุทาน เสียงร้องโหยหวนของคนเผ่าฝูที่ดังเข้ามาในหูไม่ขาดสาย
เรือต้าเซียน ลอยออกจากหว่างคิ้วนาง ขยายใหญ่ในชั่วพริบตา
นางถูกซือมั่วโอบไว้พาขึ้นเรือต้าเซียน หยวนหยวนก็แปลงร่างเป็นทวนหลิงหลง กระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ลอยเข้าไปในหว่างคิ้วนาง
“ไป” เสียงของซือมั่ว ดึงมู่ชิงเกอกลับมาอยู่กับความจริง
นางออกคำสั่งเรือต้าเซียนอย่างรวดเร็ว เรือต้าเซียนทะลุอากาศ ออกไปทันที พุ่งไปบนท้องฟ้าราวกับดาวตก ทะยานออกจากสิ่งกั้นขวางของโลก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
เผ่าฝูตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย กระทั้งไม่ได้ขัดชวางการหนีไปของพวกเขา
เรือต้าเซียนเข้ายู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ครอบโปร่งใสที่คลุมอยู่ข้างนอกทอแสงระยิบระยับไม่หยุด รอบด้านค่อยๆ สงบนิ่งลง ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ราวกับไม่เคยเปลี่ยนผันตั้งแต่อดีตกาล
“สรุปแล้วเขาตายหรือไม่ตาย” มู่ชิงเกอมองซือมั่ว คำถามข้อแรกก็ คือยืนยันการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นของเขา
เห็นซือมั่วใช้ไอมารหลอมรวมนิ้วหนึ่งจิต นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่าซือมั่วมีความสามารถนั้นยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยอ่านเนื้อหาทั้งหมดของเคล็ดวิชาเทวะ
เดิมเขาก็เป็นบุตรคนโปรดของสวรรค์ซํ้ายังมีตบะบำเพ็ญเช่นนี้ เมื่อเข้าใจถ่องแท้ก็จะบรรลุผลก้าวไกล
อีกทั้งนางเองก็รู้สึกว่านิ้วหนึ่งจิตสีดำนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าของนาง ข้างในนั้นไม่มีหลักธรรมของหนึ่งจิตเป็น แต่เป็นไอแห่งความตายพังพินาศ ทั้งหมดทั้งสิ้น
พลังเช่นนี้จะทำลายอักขระสีทองนั้นได้หรือไม่
“สิ่งเดียวที่ข้ามั่นใจได้ก็คือ อักขระสีทองถูกทำลายลงแล้ว” ซือมั่วมองมู่ชิงเกอแล้วกล่าว
อักขระสีทองถูกทำลายแล้ว
ประโยคนี้พูดออกมาโดยซือมั่ว มู่ชิงเกอย่อมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย นางถอนหายใจออกมา ยิ้มกล่าวกับซือมั่ว “อย่างน้อย ครั้งนี้พวกเราก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว อักขระสีทองสลายลงแล้ว คนผู้นั้นก็ตายแน่แล้ว บางที่พวกเขาอาจจะหยุดการบุกรุกแผ่นดินเทพมารไว้ชั่วคราว”
ภาพเหตุการณ์ธรณีถล่มโลกภาพนั้นตอนที่จากมา ไม่ใช่เรื่องหลอก นั้นคือผลลัพธ์ที่ซือมั่วสร้างขึ้นหลังจากโจมตี
ภายใต้พลังเช่นนั้น คิดอยากจะมีชีวิตรอด เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
‘‘เผ่าฝูยังคงอยู่ อาจจะเกิดราชาองค์ใหม่ แทนที่จะรอเฉยๆ ไม่สู้จู่โจมเสีย” ซือมั่วกล่าวช้าๆ
มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
นางละสายตามองซือมั่วแล้วยิ้มกล่าว ‘‘ดูท่าหลังกลับไป คงยุ่งน่าดู”
‘‘อย่างน้อยพวกเราก็นับได้ว่ารู้เขารู้เราแล้ว” ซือมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าว
‘‘เป็นอะไรไป” เห็นเขาขมวดคิ้ว มู่ชิงเกอก็ถามอย่างอดไม่ได้
สายตาซือมั่วมืดหม่นเล็กน้อย “เผ่าฝู…บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้เข้าใจเพียงนั้น”
อย่างเช่น อักขระกลางหน้าผากพวกเขา แท้จริงแล้วมีที่มาอย่างไร
พลังที่ซ่องแฝงอยู่ในอักขระนั้น เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
“แต่อย่างน้อย ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รู้อะไรเลย หากต้องการเข้าใจ พวกเขาก็ต้องใช้เวลาอีกมาก ขอเพียงหาจุดอ่อนเจอ พวกเราก็สามารถฆ่าได้ในครั้งเดียว” มู่ชิงเกอกล่าวเสียงตํ่า
ซือมั่วพยักหน้าช้าๆ ยิ้มเงียบๆให้มู่ชิงเกอ
‘เขามีเรื่องในใจ’ มู่ชิงเกอจ้องมองซือมั่วพูดกับตัวเองในใจนางมอง ออกว่าซือมั่วมีเรื่องในใจ แต่เขาไม่พูด นางย่อมไม่มีทางถาม
เรือต้าเซียน มุ่งไปยังทิศทางของแผ่นดินเทพมารด้วยความรวดเร็ว
ในโลกของเผ่าฝู ยังคงวุ่นวายทั่วทุกแห่ง
ท่ามกลางซากปรักหักพัง ร่างของชายอักขระสีทองไม่ได้สลายหายไปเหมือนคนผู้นั้นที่ถูกมู่ชิงเกอฆ่าก่อนหน้านี้ เขานอนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง ไม่มีลมหายใจ อักขระสีทองกลางหน้าผาก เขาปรากฎรอยแตกร้าว
คนของเผ่าฝู ผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างก็ล้อมอยู่รอบกายเขา ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือว่าถูกฆ่าทิ้งหนึ่งชีวิตเหล่านั้น ล้วนกำลังลอกคราบใหม่ ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ท่ามกลางซากปรักหักพัง ฝุ่นละอองร่วงหล่น ทัศนวิสัยค่อยๆชัดเจน
การตายของราชาไม่ได้ทำให้คนของเผ่าฝูเผยสีหน้าเศร้าโศก พวกเขาเพียงแค่คุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น กำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง…
ทันใดนั้น หน้าอกของร่างที่นอนอยู่บนพื้นก็ขยับ
เสียงเลือดเนื้อแยกออกจากกันดังขึ้นข้างหูทุกคน
แทบจะในทันที ทหารอารักขาที่หว่างคิ้วตราอักขระสีแดงก็หยิบเสื้อคลุมหนึ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว คุกเข่ารออยู่บนพื้น
ใต้สถานการณ์ที่เงียบอย่างยิ่ง ทำให้เสียงของเลือดเนื้อที่แยกออกชัดเจนมากเป็นพิเศษ
ร่างท่อนบนของหญิงผู้หนึ่งค่อยๆ ลอกคราบออกมาจากในร่าง
“อืม” หญิงสาวเปล่งเสียงร้องออกแรง นางเงยหน้าขึ้น ดึงสิ่งเกี่ยวพันระหว่างชายหนุ่มให้ขาด อักขระสี ทองกลางหว่างคิ้วสว่างจ้าเป็นพิเศษ
ตอนที่นางปรากฎตัว คนที่คุกเข่าลงบนพื้น พากันก้มหน้าลงเก็บสายตา ไม่กล้ามอง ในแววตาเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
หญิงสาวลอกคราบร่างของตัวเองต่อ หลังจากที่นางหลุดพ้นหมดแล้วก็ยื่นแขนที่ขาวใสเกี่ยวเสื้อคลุมยาวที่ถืออยู่ตรงหน้านางขึ้นมาคลุมลงบนร่างลวกๆ ปิดบังร่างกายของตน
ตอนที่ร่างเปลือยเปล่าของนางถูกกำบังแล้ว คนทั้งหมดที่คุกเข่า อยู่ก็พากันเงยหน้ามองนางด้วยสายตาเลื่อมใส
ใบหน้าของหญิงสาว เหมือนชายอักขระสีทองราวกับแกะเพียงแต่เครื่องหน้าทั้งห้านุ่มนวลงดงาม และหยาดเยิ้มขึ้นหลายส่วน
นางละสายตา มองชายที่นอนอยู่บนพื้น สายตาตกลงบนอักขระที่แหลกละเอียดกลางหน้าผากเขา ในดวงตาที่อ่อนหวานดุจเส้นไหมปรากฎความเคียดแค้นที่ฝังลึกถึงกระดูกดำขึ้นมา
ทันใดนั้น อักขระสีทองที่แหลกละเอียดกลางหน้าผากชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นแสงทองหนึ่งสาย ลอยขึ้นข้างบน หลอมรวมเข้าไปในหว่างคิ้วหญิงสาว
หญิงสาวหลับตาทั้งคู่ลงอย่างรวดเร็วทั่วร่างกระตุกเล็กน้อยหลังจากที่อักขระสีทองกลางหน้าผากนางกำลังดูดรับอักขระสีทองของชายหนุ่มเสร็จแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้น
อักขระสีทองตัวใหม่ปรากฎอยู่กลางหน้าผากนาง มองดูแล้วคล้ายแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
พลังของนาง บังเกิดฉับพลัน ท่าทางเหยียดหยาม ทำให้คนเผ่าฝูที่คุกเข่าอยู่ยอมสวามิภักดิ์
“น้อมรับเสด็จองค์ราชา
“น้อมรับเสด็จองค์ราชา”
ตอนที่นางเปิดตาทั้งคู่ แสงสว่างที่ดุดันก็สาดยิงออกมา
คนทั้งหมดร้องเสียงสูงพร้อมกัน
ในขณะเดียวกัน ศพบนพื้นศพนั้นก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วหาร่องรอยไม่เจออีกแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวได้รับการคุกเข่าคำนับจากคนมหาศาล ดวงตาทั้งคู่หรี่เล็กน้อย มุมปากสีแดงสดของนางยกขึ้นเบาๆ กล่าวด้วยเสียงเฉื่อยชาแต่ทรงอำนาจ “เป็นถึงราชาเผ่าฝู จะฆ่าได้ง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ”
ประโยคนี้ดัง ดวงตาคนเผ่าฝูรอบด้านก็ปรากฎความบ้าคลั่ง
ถูกต้อง ราชาของพวกเขา จะตายได้ง่ายๆ เพียงนั้นหรือ คนเผ่าฝู ทั่วไป ทำลายอักขระตรงกลางหน้าผากก็ตาย แต่ไม่ใช่กับราชาต่อให้อักขระจะแหลกละเอียดก็ไม่อาจฆ่าได้จริงๆ
เว้นเสียแต่ว่า…
สายตาของพวกเขาตกลงบนอักขระสีทองอันใหม่กลางหน้าผากหญิงสาวพร้อมกัน ‘เว้นเสียแต่ว่า จะทำลายอักขระสีทองจนหมดสิ้น ไม่เทลือแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าอักขระที่เกิดขึ้นใหม่ในตอนนี้หลอมรวมพลังสองชนิด บนโลกยังจะมีใครสามารถชนะราชาองค์ใหม่ของพวกเขาได้อีก’
“เผ่าต้อยตํ่าเผ่าหนึ่ง นึกไม่ถึงว่ากล้ามาสร้างเรื่องถึงเผ่าฝูของข้า” มุมปากหญิงสาวยกยิ้มกระหายเลือด “ด้วยโองการของสวรรค์ข้าจะรวมตัว ทุกเผ่ายกทัพโจมตี สังหารทั่วหล้า ใช้โลหิตล้างความอัปยศ!”
“สังหารทั่วหล้า ใช้โลหิตล้างความอัปยศ!”
“สังหารทั่ว ใช้โลหิตล้างความอัปยศ!”
ในเสียงโห่ร้องของคนทั้งหมด หญิงสาวเห็นความเคียดแค้นในดวงตา ‘ท่านพี่ข้าจะแก้แค้นให้ท่าน โลกที่ท่านอยากครอบครองข้าจะเอามาให้ท่านเอง’