ตอนที่ 939
ครั้งนี้จะหนีอย่างไร
ใบหน้าที่งุนงงหนึ่งดวงอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ
แม้แต่ผู้เผ้ามองเช่นซวีซิวกับราชครูต่างก็ขมวดคิ้ว
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ละสายตามองราชครู กล่าวถาม “สืบหาได้แล้วหรือยัง”
แววตาราชครูแข็งค้าง เข้าใจทันทีว่ามู่ชิงเกอหมายถึงเรื่องอะไร
“เรียนราชาเทวะ ตอนที่พวกข้ามา ยังไม่…”
เสียงดังเข้ามาจากนอกประตู ตัดบทพูดของราชครูลง
มู่ชิงเกอเหลือบตาขึ้นมองผู้ที่เข้ามา คนที่เหลือต่างก็พากันละสายตามองเขา
“รายงานคุณชาย พบไส้ศึกเผ่าฝูหนึ่งคนขอรับ” ผู้ที่มารายงาน เหลือบตาขึ้นมองมู่ชิงเกอแล้วกล่าว เขาคือองครักษ์เขี้ยวมังกรดังนั้นคำที่ใช้เรียกมู่ชิงเกอ จึงเป็นคุณชายตระกูลมู่แห่งหลินชวนมาโดยตลอด
“อะไรนะ หาไส้ศึกเผ่าฝูพบแล้วหรือ!”
ทุกคนตกตะลึง
ทว่ามู่ชิงเกอกลับตาวาว “เก็บไว้เป็นเชลย ให้หยวนหยวนคุมตัวส่งมา”
ตอนที่นางพูด แววตาซือมั่วก็มีแสงสลัววาบขึ้น
“ขอรับ! คุณชาย” องครักษ์เขี้ยวมังกรถอยออกไปทันทีถ่ายทอดคำสั่งของมู่ชิงเกอลงไป
ซวีซิวยืนกล่าวอย่างรีบร้อน “ราชาเทวะ ผู้ชราจะไปช่วยดู”
ความตกใจในแววตาของเขา คล้ายอยากรู้อย่างยิ่งว่าไส้ศึกผู้นั้นถูกพบตัวได้อย่างไร
แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับส่ายหน้ากล่าว “ไม่ต้องหรอก อีกประเดี๋ยว หยวนหยวนก็จะพาเขามาเอง ”
“ราชาเทวะมู่ นี่มันอะไรกัน ท่านหาวิธีสืบหาไส้ศึกเผ่าฝูได้แล้วหรือ” ราชาเทวะสือฟางกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
มู่ชิงเกอยิ้มกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าหาเจอ แต่ราชาของพวกเขาบอกเอง เผ่าฝูชำนาญในการปลอมตัว ตลอดทั้งปีพวกเขาทำศึกกับเทพมารสองเผ่า เข้าใจเผ่าเทพมารดีอย่างถึงที่สุด สามารถปลอมลมปราณให้เหมือนเราได้ทำ ให้พวกเรายากจะแยกแยะจริงเท็จ แต่ว่าเลือดของพวกเขากลับต่างจากพวกเรา ซึ่งจะเข้มกว่าเล็กน้อยและมีสีเขียวอมดำปนอยู่ หากจะหาตัวพวกเขาทำได้เพียงตรวจเลือดวิธีนี้เป็นวิธีที่พวกข้าแอบฟังมาจากเผ่าฝู”
ราชาเทวะทั้งหมดเข้าใจทันที
ราชาเทวะฮ่วยเยวี่ยหยิบยันต์ส่งสารออกมา หลังเขียนสารลงไปนั้น แล้วโยนเข้าไปในช่องว่างที่เปิดออก ส่งกลับแดนฮ่วนเยวี่ยทันที
ราชาเทวะคนอื่นๆ เห็นเขาทำเช่นนี้ก็พากันเลียนแบบ ส่งวิธีคัดแยกเผ่าฝูกลับแดนเทพของตัวเอง
มู่ชิงเกอไม่ได้ขัดพวกเขา รอพวกเขาส่งสารกลับไปแล้ว นางจึงกล่าวต่อ “เมื่อครู่คำถามของทุกท่าน ข้าพูดปากเปล่ายากจะะอธิบายอย่างยิ่ง ประจวบเหมาะ ตอนนี้มีตัวอย่างเป็นๆ ส่งมาถึงประตูเมื่อทุกท่านเห็นก็จะเข้าใจเอง”
ราชาเทวะหลายคนสบตากันปราดหนึ่ง ทั้งหมดต่างก็พยักหน้า
ราชามังกรเอ่ยปากกล่าว “ราชาเทวะมู่ วันนี้ที่ข้ามา แม้ว่าจะรับปากไว้กับเจ้า แต่ข้าเองก็ต้องเร่งรัดสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้กับเผ่าข้าด้วยเช่นกัน”
ระหว่างมู่ชิงเกอกับราชามังกรมีการแลกเปลี่ยนอะไรกัน
เรื่องนี้ทำให้คนทั้งหมดมดเกิดความสงสัย แต่ว่าราชามังกรพูดอย่างคลุมเครือ มู่ชิงเกอจะไปอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไรนางยิ้มน้อยๆ กล่าวปลอบขวัญ “ราชามังกรวางใจ เมื่อถึงเวลากำหนด ของที่ท่านต้องการส่งถึงเขตมังกรแน่นอน”
“ดี” ราชามังกรพยักหน้าอย่างวางใจ
“ลูกพี่! พาคนมาแล้ว” เสียงของหยวนหยวนดังขึ้น
ทุกคนรีบหันไปมอง
มู่ชิงเกอกับซือมั่วก็เหลือบตาขึ้นมองปากประตูเช่นกัน เห็นหยวนหยวนจับคนที่มีสภาพจนตรอกผู้หนึ่งเดินเข้ามา
บนร่างคนผู้นั้นถูกมัดแน่น พยายามดิ้นรน แต่กลับดิ้นไม่หลุด
“มีสิทธิ์อะไรมาจับข้า” เขากล่าวด้วยความโมโห เขาเหลือบตามองมู่ชิงเกอ กัดฟันกล่าว “ราชาเทวะมู่ ข้าเคารพเก้าชั้นฟ้าจึงมาด้วยความเลื่อมใส ตอนนี้ท่านคิดจะทำอะไร”
“เผ่าฝูชำนาญการปลอมตัว ข้าจะไม่พูดไร้สาระกับเจ้าแล้ว ราชาของพวกเจ้าบอกว่า หากจะแยกแยะฐานะของพวกเจ้าทำได้เพียงตรวจเลือด” มู่ชิงเกออมยิ้มมุมปากกล่าว
นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ในมือหยวนหยวนก็กลายเป็นแสงเย็นเยียบหนึ่งสาย ฟันลงบนข้อมือข้างซ้ายของเขา
“อ๊าก!” เพราะความประมาททำให้คนผู้นั้นร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
ทว่า เมื่อมือของเขาร่วงหล่นลงบนพื้น ราชาเทวะจินกวงและคนอื่นๆ รวมถึงราชาเฟิ่ง ราชามังกรบนที่นั่งอยู่ ต่างก็ลุกขึ้นมาด้วยความสงสัย มองไปยังบาดแผลของเขา
เป็นดังคาด สีเลือดแดงเข้มและข้นกว่าปกติ มีของเหลวสีเขียวอมดำปะปนอยู่ ไหลออกมาจากบาดแผล
“พวกเจ้า!” คนผู้นั้นไม่รู้เพราะว่าเจ็บปวดหรือเพราะว่าฐานะถูกเปิดโปงจึงเผยสีหน้าดุร้ายออกมา
เดิมหว่างคิ้วที่เกลี้ยงเกลาของเขา ก็ปรากฎอักขระสีแดงที่คล้ายเห็นคล้ายไม่เห็นขึ้นมา
“เป็นคนเผ่าฝูจริงๆ!” ราชาเทวะเฝินไห่ที่อยู่ใกล้ที่สุดร้องตะโกน
เมื่อฐานะถูกเปิดโปง คนผู้นั้นก็ไม่ปกปิดอีกต่อไป เขาหัวเราะบ้าคลั่ง “เผ่าตํ่าต้อยโง่เขลาเช่นพวกเจ้าก็เป็นได้เพียงแค่เสบียงอาหารของเผ่าข้า ยังกล้าต่อต้านอยู่อีก! กองทัพใหญ่เผ่าข้าใกล้จะมาถึงที่นี่แล้วถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะต้องตาย!”
“หยวนหยวน บอกทุกคน อะไรคือหนึ่งร่างสองชีวิต” มู่ชิงเกอกล่าวเสียงนิ่ง
ทว่า เมื่อนางพูดจบกลบทำให้ไส้ศึกเผ่าฝูตัวสั่น มองนางด้วยแววตาตกตะลึง
แต่น่าเสียดาย ไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้เขาได้พูดอีก แสงเย็นเยียบหนึ่ง สายกะพริบวาบ ศีรษะของเขาพลันร่วงลงมาจากคอกลิ้งอยู่บนพื้นหลายตลบ จากนั้นจึงหยุดลง
ร่างไร้ศีรษะสูญเสียพลังชีวิต คุกเข่าอยู่บนพื้นล้มลงไปด้านหน้า
ฉากฉากนี้ทำไท้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ราชาเทวะจงซาน ราชาเทวะจินกวง ราชาเฟิ่ง อินเจวี๋ยและราชามังกรต่างขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่อะไรกัน”
“ตายแล้วหรือ”
“อะไรคือหนึ่งร่างสองชีวิต”
ราชาเทพวะเฝินไห่ ราชาเทวะสือฟาง ราชาเทพวะเซียนเหนี่ยว กล่าวตามลำดับ
“ทุกท่านโปรดใจเย็นๆ” มู่ชิงเกอกล่าว
ในตอนนี้เอง เสียงเลือดเนื้อแยกออกจากกันดังขึ้นมาในตำหนัก ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด
ทุกคนนิ่งเงียบ ขมวดคิ้วมองศพไร้หัวที่ล้มลงบนพื้นนั้น
ภาพที่สั่นสะเทือนมู่ชิงเกอและซือมั่วภาพนั้นปรากฎขึ้นบนเก้าชั้นฟ้า แน่นอนคนที่สั่นสะเทือนไม่ใช่พวกเขาสองคน แต่เป็นคนที่เหลือในตำทนัก
ตอนที่ร่างสตรีเปลือยเปล่าออกมาจากศพร่างนั้น เมื่อสตรีผู้นั้นปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าทุกคนด้วยใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับชายผู้นั้นทั่วทั้งตำทนักต่างก็เงียบสงัดไร้เสียง
หญิงผู้นั้นลืมตาทั้งสองขึ้นเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ออกมานางร้องตะโกน อักขระสีแดงกลางหน้าผากส่งพลังโจมตีออกมาทันที
ทว่ากลับถูกซือมั่วที่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วงอนิ้วดีดออกไป ทำลายอักขระกลางหว่างคิ้วของนางจนแหลกละเอียด
ร่างหญิงผู้นั้นแข็งทื่ออยู่ที่เดิมไปด้วยความไม่ยินยอม
ปัง!
ศพสองร่างกลายเป็นโลหิต หายไปจากตรงนั้น
เงียบ! เงียบอย่างยิ่ง!
ไส้ศึกเผ่าฝู บอกผู้ปกครองบนแผ่นดินเทพมารได้เป็นอย่างดีว่าอะไรที่เรียกว่า หนึ่งร่างสองชีวิต สัญญาณชีพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนชนิดนี้ทำให้สถานการณ์ในตำหนักตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดที่แปลกประหลาด
แม้แต่ซวีซิวกับราชครูต่างก็ตกตะลึงจนยากจะตอบสนองกลับมา
นานอย่างยิ่ง ซวีชีวสูดหายใจเข้าลึกกล่าวกับมู่ชิงเกอ “ราชาเทวะมู่ จักรวาลขนาดใหญ่เต็มไปด้วยความพิสดาร เคยมีคนจำนวนมากไม่เชื่อ โลกนี้มีแผ่นดินที่แตกต่างกัน ตอนนี้เผ่าฝูพิสูจน์ให้เห็นทุกอย่างแล้ว ”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเงียบๆ
ระหว่างที่ทุกคนนิ่งเงียบ นางก็กล่าวต่อ “อย่างที่ทุกท่านเห็น หากคิดจะฆ่าเผ่าฝูให้สิ้นซากก็ต้องโจมตีให้ตายในครั้งเดียว ทำได้เพียงโจมตีอักขระกลางหน้าผากเขา ทว่าอักขระชนิดนี้ราวกับว่าสามารถปลดปล่อย พลังต้นกำเนิดชนิดหนึ่งออกมาได้ พลังก็แตกต่างออกไปเช่นกัน อักขระสีแดงนี้ ข้าประมาณการณ์ได้ว่า แทบจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญเพียรประมาณขั้นถํ้าวิญญาณชั้นเจ็ดโจมตีเต็มกำลังจึงจะสามารถทำลายได้ ส่วนอักขระสีดำน่าจะต้องอยู่ในขั้นถํ้าวิญญาณชั้นเก้า หรือว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งจึงจะตีเสมอได้ สำหรับราชาของพวกเขา อักขระสีทองผู้นั้น…”
มู่ชิงเกอพลันขมวดคิ้วมุ่น ละสายตามองซือมั่ว