Skip to content

พลิกปฐพี 940

ตอนที่ 940

เหตุใดถึงเป็นหลินชวน!

ซือมั่วเหลือบตาขึ้น มองนาง สายตาสงบนิ่งดังธารากล่าวช้าๆ

“พวกช้าแฝงตัวเข้าไปในเผ่าฝู หาหัวใจสำคัญของพวกเขา ทั้งยังได้ยินความลับและแผนการมาไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกพบเห็น ในสงครามเสี่ยวเกอเอ๋อร์พบวิธีทำลายอักษรฝูคร่าชีวิต ข้าโจมตีเต็มแรงมั่นใจว่าโจมตีอักษรฝูสีทองจนแหลกละเอียด แต่กลับไม่เห็นคนผู้นั้นสลายหายไปกับตา”

ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศในตำหนักอึมครึม

ประการแรก แม้ซือมั่วจะโจมตีสุดแรงก็ยังทำได้เพียงบดทำลายอักษรฝูสีทองจนแตก เช่นนั้นก็พูดได้ว่า ราชาของเผ่าฝูไม่ได้อ่อนแอไปกว่าบุคคลอันคับหนึ่งของแผ่นดินเทพมารผู้นี้

ประการที่สอง พวกเขาไม่มีทางมั่นใจได้ว่า ราชาเผ่าฝูผู้นี้ตายจริงหรือไม่

ประการที่สาม สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลที่สุดก็คือ สิ่งที่ซ่อนอยู่ในอักษรฝูแท้จริงแล้วเป็นพลังอะไรกันแน่

“ราชาเผ่าฝูผู้นั้น พูดมาตลอดว่าเผ่าฝูคือบุตรคนโปรดของสวรรค์ อยู่สูงเหนือผู้ใด ตอนที่เขาปลดปล่อยพลังอักษรฝูออกมา ข้ามั่นใจว่าสัมผัสได้ว่ามีพลังต้นกำเนิดของโลกชนิดหนึ่ง” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วอธิบาย

ซือมั่วเองก็กล่าวเสริม “ตอนที่สู้รบเขาก็เคยพูดว่าเผ่าเทพมาร ได้รับพลังจากการบรรลุ ส่วนเผ่าฝูนำมาใช้ได้โดยตรง หมายความว่าพลังเป็นพลังแบบเดียวกัน เพียงแต่วิธีได้รับแตกต่างกัน”

“เช่นนั้นก็พูดได้ว่า พวกเราศึกษา แต่สิ่งที่พวกเขาได้มาคือพลังแต่กำเนิด” ซวีซิวนิ่งเงียบอย่างยิ่ง จากนั้นจึงกล่าวช้าๆ

ทุกคนขมวดคิ้ว

ราชาเทวะสือฟางกล่าวเสียงตํ่า “พวกเราหยั่งรู้วิถี บรรลุหลักธรรม กุมพลังต้นกำเนิดในหลักธรรม แต่พวกเขากลับได้รับมาโดยตรง เช่นนั้นจะสู้อย่างไร”

“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่พวกเราศึกษาคือของของตัวเอง ส่วนพวกเขาพูด ได้ว่ารับมา หรือพูดได้ว่ายืมมา อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ของตัวเอง” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเอ่ยปากช้าๆ

อารมณ์หดหู่เล็กน้อย หายไปในทันที

ในดวงตาราชาเทวะทั้งหมดต่างก็เป็นประกาย ความเชื่อมั่นที่เสียไป พลันกลับมาอีกครั้ง

ดวงตาซือมั่วมีแสงสลัวแวบผ่าน มุมปากกวาดรอยยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มีหนึ่งสาย

ในอาณาจักรของเผ่าเทพ เขาเอ่ยปากน้อยอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าเกรงกลัว แต่เขาทราบดีว่าที่นี่คือสนามรบของเสี่ยวเกอเอ๋อร์เหมือนอย่างที่แดนมาร มู่ชิงเกอเองก็สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของเขาน้อยอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพราะว่า หลีกเลี่ยง แต่เพราะว่าเชื่อใจ

พวกเขาเชื่อใจกัน ต่างฝ่ายต่างสามารถจัดการเรื่องที่ควรทำได้

มู่ชิงเกอกล่าว “แม้ว่าเผ่าฝูจะพิลึก อุบายไม่อาจคาดเดา แต่ก็ไม่อาจเอาชนะศึกได้วันนี้ที่เรียกทุกท่านมา นอกจากจะบอกจุดอ่อนของเผ่าฝูแล้ว ยังมีเรื่องสำคัญอย่างยิ่งอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องการปรึกษาทุกท่าน”

“เรื่องอะไร ราชาเทวะมูโปรดพูด” อินเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว

สายตามู่ชิงเกอเรียบนิ่งเล็กน้อยกล่าวเสียงตํ่า “เผ่าฝูผู้นั้นจะเป็นตายอย่างไร ในสายตาเผ่าฝู พวกเราก็เหมือนเนื้อที่น่าดึงดูดหนึ่งชิ้น พวกเขาไม่อาจล้มเลิกการรุกราน อีกทั้ง พวกเขายังคล้ายกับหาวิธียกทัพใหญ่เข้ามา โจมตีได้แล้ว”

บรรยากาศในตำหนักใหญ่ เคร่งขรึมขึ้นในชั่วพริบตา

“ราชาเทวะมู่พูดจริงหรือ” ราชาเทวะจงซานถามเสียงขรึม

มู่ชิงเกอพยักหน้าช้าๆ นางสูดหายใจเข้าลึก กล่าวเสียงตํ่า “พวกเขาหาโลกใบเล็กในโลกพันใหญ่ของพวกเราเจอแล้วหนึ่งแห่งและใช้เป็นทางเข้าสามารถทะลุผ่านที่นั้นเข้ามาโจมตีได้”

“เหอะ! เผ่าฝูพวกนื้ เห็นพวกเราเป็นเนื้อที่ประเคนถึงปากจริงๆ หรือ” ราชาเทวะชุ่ยชิงหรี่ตาทั้งคู่ยิ้มเยาะ

พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้จะยอมสวามิภักดิ์แทบเท้าชนต่างเผ่าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ชนต่างเผ่าเช่นเผ่าฝูนี้ ไม่ได้ต้องการจับพวกเขาเป็นทาส แต่ต้องการจับพวกเขามาเป็นอาหารเลี้ยง สัตว์

วาจาโอหังเช่นนี้ใครจะทนได้

“ดังนั้น เรื่องสำคัญเร่งด่วนคือต้องหาทางเข้าที่พวกเขาว่าให้เจอ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง

นางโบกมือ แผนที่ของโลกทั้งสามพันใบก็มาปรากฎอยู่ในตำหนัก สิ่งนั้นราวกับแสงสว่างของดวงดาว ตกลงบางๆ แผ่คลุมอยู่ใน ตำหนักใหญ่

“นี่คือแผนที่ของโลกทั้งสามพันใบงั้นหรือ” ซวีซิวกล่าวพึมพำ

คนที่เหลือต่างสั่นสะเทือนกับแผนที่ตรงหน้านี้

กระทั้งคนทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าเคลิบเคลิ้มหลายส่วนไม่มากก็น้อย

มู่ชิงเกอเก็บสีหน้าของคนทั้งหมดไว้ในสายตา กล่าวเสียงเรียบ “แม้ว่าในนี้จะวาดโลกทั้งสามพันเอาไว้ แต่กลับไม่มีโลกใบหลักใบนั้นที่พวกท่านอยากไป ”

ซือมั่วเหลือบตาขึ้น มองแผ่นหลังของนาง ในแววตาคล้ายกำลังครุ่นคิด ส่วนคนอื่นๆ ก็คล้ายถูกปลุกให้ตื่น แววตากระจ่างขึ้นในทันที

“ไม่มีโลกใบหลักหรือ” ราชาเทวะเฝินไห่ตกตะลึง

ราชาเทวะสือฟางเองก็กล่าวถาม “ราชาเทวะมู่ทราบได้อย่างไร”

เมื่อทั้งสองรบเร้าเรื่องนี้ มู่ชิงเกอก็กวาดสายตาเย็นชามองไปอย่างหงุดหงิด

“อะแฮ่ม” ซวีซิวกระแอมตัดบท คลี่คลายบรรยากาศกล่าว “ตอนนี้ หาโลกใบเล็กที่เผ่าฝูว่าให้เจอจึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

ทั้งสองหน้าเปลี่ยนสี นิ่งเงียบลง

สายตามู่ชิงเกอกวาดผ่านไปอย่างเย็นชา ทัศนวิสัยตกลงบนจุดแดงสองจุดในแผนที่

ทันใดนั้น สถานที่อื่นๆ ในแผนที่ก็หายไป เหลือเพียงบริเวณที่มีจุดสีแดงสองจุดเหลืออยู่

มู่ชิงเกอยกมือโบก บริเวณตรงนั้นก็ถูกขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้นอยู่ตรงหน้าทุกคน

“นี่คือตำแหน่งของโลกที่พวกเรากับเผ่าฝูอาศัยอยู่ จุดข้างล่างนั้นคือโลกของพวกเรา ส่วนพวกเขาก็อยู่ตรงจุดนั้นข้างบน บริเวณตรงนี้ก็คือโลกพันเล็กที่อยู่ใต้การปกครองของโลกพันใหญ่สองแห่งของพวกเรา รวมถึงโลกมนุษย์อีกมากมาย” มู่ชิงเกอชี้แผนที่ อธิบายให้ทุกคนฟัง

“ตอนนี้ สิ่งที่พวกเรารู้ก็คือทางเข้านั้นที่พวกเขาว่าเป็นโลกขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่พวกเขาปกครอง ซ้อนทับกับโลกขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่พวกเราปกครอง ” ขณะที่มู่ชิงเกอพูดก็ขยายแผนที่ขึ้นอีกหลายเท่า ภาพบนแผนที่ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจ้องมองแผนที่ กล่าวช้าๆ “เช่นนั้นตอนนี้ก็ต้องหาจุดซ้อนทับระหว่างพื้นที่สองแห่งนี้ให้เจอ อีกทั้งยังต้องรู้ให้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด จากนั้นก็ชิงลงมือก่อน”

มู่ชิงเกอพยักหน้าช้าๆ คนที่เหลือต่างก็รู้กันในใจ

“หากพวกเขาใช้พื้นที่ตรงนี้เข้ามาโจมตีแผ่นดินเทพมารได้ เช่นนั้นพวกเราก็จะสามารถใช้ที่ตรงนี้เข้าไปในโลกของพวกเขาได้ใช่หรือไม่ แทนที่จะให้พวกเขามาหาเราถึงที่ สังหารโลกของพวกเรา ไม่สู้พวกเราเข้าไปในโลกของพวกเขา แล้วสังหารอย่างโหดเหี้ยมแทน!” ราชาเทวะจงซานกล่าวทันที

“ถูกต้อง”

“ความคิดนี้ไม่เลว!”

“ข้าเห็นด้วย”

ทุกคนพากันเห็นด้วย

แม้แต่ราชาเฟิ่งก็พยักหน้ากล่าว “ดีกว่าให้การสังหารต้องแปดเปื้อนแผ่นดินเทพมาร”

“สำหรับเรื่องนี้ พวกเราต้องหาสถานที่ตรงนั้นให้เจอ หลังจากไปยืนยันด้วยตัวเองแล้วจึงจะรู้ได้” มู่ชิงเกอกล่าวกล่าวกับทุกคน

“อยู่ตรงนั้น!” จู่ๆ ราชครูก็ร้องตะโกนหนึ่งครา

เขายกมือชี้แผนที่ ทุกคนมองตามทิศทาง เป็นดังคาดแผนที่ตรงนั้น แทบจะทับซ้อนกัน

“ตรงนั้นคือที่ใด”

“คล้ายกับไม่ใหญ่มากนัก!”

ทุกคนพากันลุกขึ้นยืน มองประเมินแผนที่อย่างละเอียด

มู่ชิงเกอเม้มปากแน่น สายตาจ้องมองบริเวณทับซ้อนของแผนที่

ซือมั่วเองก็มองดูเช่นกัน ทว่า ตอนที่เขามองเห็นลายเส้นที่วาดอยู่บนแผนที่ รวมถึงตำแหน่งชัดเจนแล้ว ดวงตาทั้งคู่กลับหดลงด้วยความตกใจ หันมอง มู่ชิงเกอตามจิตใต้สำนึก

คล้ายกับสัมผัสได้ถึงสายตาของซือมั่ว มู่ชิงเกอก็ละสายตามองเขา ตอนที่ดวงตาสองคู่สบกัน นางก็อ่านความหมายแฝงในดวงตาของซือมั่วได้ทันที

‘หลินชวน! เป็นหลินชวนได้อย่างไร!’ มู่ชิงเกอเบิกตาโตอย่างรวดเร็ว กล่าวในใจอย่างไม่อาจเชื่อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version