ตอนที่ 946
เพราะพวกเราคือกองทัพตระกูลมู่
แผ่นดินหลินชวนพลันเกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน ทั่วทั้งหลินชวนต่างก็สั่นไหวตามหลายครา ประหนึ่งแผ่นดินไหว
เครื่องเรือนในห้องของมู่ชิงเกอถูกแกว่งจนร่วงลงมาจากชั้นวาง ในจวนตระกูลมู่เองก็เกิดเสียงร้องอุทานดังเข้ามาจากแต่ละที่
มู่ชิงเกอพยุงซางหลันรั่วที่เกือบจะถูกแรงสั่นสะเทือนจนทำให้ล้มเซไว้สีหน้าตั้งมั่นเล็กน้อย
ลางสังหรณ์ไม่ดีบังเกิดขึ้นในใจนางทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ซางหลันรั่วยืนอย่างมั่นคงแล้วจึงกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เด็กสาวรับใช้ผู้นั้นที่นางพามาด้วย คลานขึ้นมาจากพื้น สีหน้า ตื่นกลัวเข่นเดียวกันในดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ
ข้างนอก เสียงชุดเกราะกระทบกันดังขึ้น
ขณะที่ซางหลันรั่วเพิ่งจะพูดจบ มู่เหลียนเฉิงก็นำองครักษ์วิ่งเข้ามา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่รู้ แต่จักต้องเกิดเรื่องแล้วเป็นแน่”
แววตาของเขา ตกลงบนร่างมู่ชิงเกอทันที
ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย ในที่สุดก็เอ่ยปาก “ถูกต้อง เกิดเรื่องแล้ว”
ในดวงตานางมีประกายแวบผ่านมองบิดาของตนแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ เข้าวังด่วน ให้ฉินจิ่นเฉินประกาศใช้พระราชโองการทั่วแว่นแคว้น ประกาศกฎอัยการศึกทั้งแคว้น เข้าสู่สถานการณ์พร้อมรบ ไม่ว่าใครก็ตามห้ามออกมาข้างนอกโดยพลการ”
“เผ่าฝูมาแล้วหรือ” มู่เหลียนเฉิงใจสั่น
มู่ชิงเกอเม้มปากแน่น แววตาคลุมเครือยากจะอธิบาย
“คุณชาย”
นอกประตู องครักษ์เขี้ยวมังกรวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เผ่าฝู…”
เขายังพูดไม่ทันจบ มู่เหลียนเฉิงก็หมุนตัวทันที นำองครักษ์ออกไป เมื่อออกจากประตูเขาก็ตะโกนเสียงสูง “ทหารในจวนทั้งหมด ออกไปรักษาความเรียบร้อยในเมือง เตรียมม้า! ข้าจะเข้าวัง!”
“คนที่อยู่บริเวณทะเลแห่งความจริงยังไปไม่ถึงก็ได้ยินการเคลื่อนไหวจากฝั่งนั้น ตอนที่พวกเขารุดไปถึง ก็เห็นเค้าลางว่าท้องฟ้าจะถูก ‘ฝืนเปิดออก’ ดูท่าเผ่าฝูฝั่งนั้นจะเคลื่อนไหวแล้ว จากการคาดเดาของพวกเขา เกรงว่าไม่ถึงสามชั่วยามเผ่าฝูก็จะเข้ามาได้แล้ว”
สามชั่วยาม
มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ออกคำสั่ง “แจ้งข่าวไปแต่ละแคว้นโดยด่วน เรียกรวมเทพมารทั้งหมดไปที่ทะเลแห่งความจริงโดยเร็ว จะต้องดักฆ่าเผ่าฝูที่บุกเข้ามาให้อยู่ในขอบเขตของทะเลแห่งความจริง รวมถึง แจ้งกองทัพแต่ละแคว้นในละแวกทะเลแห่งความจริง อพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด”
องครักษ์เขี้ยวมังกรรับคำทั้งถอยออกไปวิ่งไปมาราวกับสายลมหนึ่งหอบ
เมื่อเขาไปแล้ว มั่วหยางก็รีบเข้ามา แววตานิ่งเงียบ เครื่องหน้าทั้งหน้าขึงตึง ยืนอยู่หน้ามู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอออกคำสั่ง “เหลือทหารไว้ร้อยนาย บัญชาการโดยโย่วเหอ ฮวาเยวี่ยและไป๋สี่ คนที่เหลือตามข้าไปทะเลแห่งความจริงพร้อมกัน”
ในใจนาง ตั้งแต่ต้นจนจบก็ทิ้งครอบครัวไม่ลง
ดังนั้น ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม นางต้องปกป้องคนในครอบครัวให้ดี
มั่วหยางพยักหน้า เขากล่าว “คุณชาย ต้องรายงานแผ่นดินเทพมารหรือไม่”
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก กล่าวเสียงตํ่า “ข้าจะไปดูก่อน”
หากดักโจมตี ทำให้เผ่าฝูถอยทัพ ผนึกทางเข้าได้สำเร็จ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะอยู่ในการควบคุม
หากไม่ใช่เหตุสุดวิสัย นางจะไม่ยอมให้หลินชวนเกิดไฟสงคราม กลายเป็นสนามรบเด็ดขาด
“แจ้งลงไป แม้นตาย ก็ต้องควบคุมสงครามให้อยู่ในขอบเขตทะเลแห่งความจริง ห้ามให้คนเผ่าฝูเหยียบแผ่นดินได้แม้แต่คนเดียว” มู่ชิงเกอ ต่อยหมัดลงบนโต๊ะในแววตาปรากฎความดุร้าย
“ขอรับ” มั่วหยางรับคำสั่งถอยออกไป
มู่ชิงเกอเดินไปนอกประตู ตอนที่นางก้าวออกจากธรณีประตู บนร่างนางก็ปะทุเปลวเพลิงหนึ่งชั้น หลังจากเปลวเพลิงค่อยๆ มอดลง เสื้อเกราะสง่างามตาตัวหนึ่งก็ปรากฎขึ้นบนร่างนาง
ข้างกายนาง มีแสงสีทองเงินหนึ่งสายกะพริบวาบ หยวนหยวนปรากฎอยู่เบื้องหน้านางด้วยสีหน้าครึมเคร่ง
“ตามข้าไปทะเลแห่งความจริง” มู่ชิงเกอเอ่ยปาก
หลังจากนั้น เงาร่างนางกับหยวนหยวนก็กะพริบหายไปจากจวนตระกูลมู่
ทะเลแห่งความจิง ทะเลแห่งคุณธรรม
นี่คือทะเลซึ่งถูกล้อมด้วยแผ่นดินที่กว้างใหญ่จนทำให้คนหลินชวนเห็นแล้วหวาดกลัว ยากจะข้ามผ่าน อยู่ตรงกลางระหว่างแคว้นฉินกับอาณาจักรเซึ่งหยวน เชื่อมต่อกับแว่นแคว้นต่างๆ ไม่มากก็น้อย
แต่ว่า เมื่อดูจากระยะทางบนพื้นดิน แคว้นที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือแคว้นฉิน
เมื่อมู่ชิงเกอไม่อาจควบคุมให้การโจมตีของเผ่าฝูอยู่ในขอบเขตของทะเลแท่งความจริง ถูกพวกเขายกพลขึ้นบก เช่นนั้นหนังหน้าไฟที่จะถูกจู่โจมและทำร้ายก็คือแคว้นฉิน
แคว้นฉิน สำหรับมู่ชิงเกอแล้ว เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่อาจแทนที่ เพราะว่าครอบครัวของนางก็อยู่ที่นี่ บรรพบุรุษของนางเสียเลือดนับไม่ถ้วน ถวายชีวิตของตนเพื่อปกป้องดินแดนทุกๆ ชุ่นในแคว้นแห่งนี้
ดังนั้น ไม่ว่าจะส่วนรวมหรือส่วนตน นางก็ไม่อาจปล่อยให้แคว้นฉินถูกทำร้ายได้แม้แต่นิดเดียว
แม้ว่า จะต้องสู้จนตายก็ตาม
ตอนนี้เวลานี้ในใจนางกำลังเฝ้ารอความเป็นไปได้หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ การสกัดพลังของโลกหลินชวนจะส่งผลต่อเผ่าฝูเช่นกัน ทากเป็นเช่นนั้น สงครามครั้งนี้พวกเขาจะเสียแรงไปจำนวนมาก และเพิ่มอัตราชนะได้อีกหลายส่วน
ด้วยความเร็วของมู่ชิงเกอกับหยวนหยวน แทบจะชั่วพริบตา พวกเขาก็มาถึงทะเลแท่งความจริงแล้ว
ยังไม่ทันเข้าไปใกล้พวกเขาก็เห็นว่าลมเมฆบนท้องฟ้าเทนือทะเลแห่งความจริงเปลี่ยนสี
ที่นี่ คล้ายกับว่าไม่เหมือนหลินชวน
บนท้องฟ้าเหนือน้ำทะเล เมฆดำแผ่คลุมแน่นหนาดำทะมึน กลุ่มเมฆหมุนตลบ ฟ้าแลบฟ้าร้อง ตรงกลางเมฆหนา เสาที่เหมือนพายุหมุนเสานั้นเสียบแทงเข้าไปในทะเลแห่งความจริง สูบน้ำทะเลอย่างบ้าคลั่ง ม้วนน้ำทะเลเข้าไปในท้องฟ้า
ผิวระดับน้ำของทะเลแห่งความจริงกำลังลดลงด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
และในกลุ่มเมฆดำที่น่ากลัวผืนนั้น คล้ายกับเห็นได้ว่ามีหน้าคนกำลังดิ้นหลุดออกมา
ใบหน้าที่ดุร้ายแต่ละใบ กำลังร้องคำราม คิดอยากจะฝืนแยกช่องว่างให้เปิดออก จากโลกอีกใบเข้ามายังที่นี่
โครม
มู่ชิงเกอตกลงมาจากฟ้า ตกลงริมชายฝั่งทะเลแห่งความจริง แรงโจมตีมหาศาล พัดฝุ่นละอองหนึ่งชั้นขึ้นมาจากพื้น กระจัดกระจายไปรอบด้าน
ข้างหลังนาง มีเทพมารไม่น้อยที่ตามมาจากแต่ละที่แล้ว ตอนนี้เห็นนางปรากฎตัว พวกเขาก็พากันรวมกลุ่มข้างหลังนาง ราวกับมองเห็นเสาหลัก
“ราชาเทวะ เมฆพิลึกนี่สูบนํ้าในทะเลแห่งความจริงไม่หยุด ด้วยความเร็วเช่นนี้ เกรงว่าไม่ถึงสามชั่วยามก็สามารถสูบนํ้าในทะเลแห่งควา จริงจนแห้งได้ข้าน้อยคิดว่าเผ่าฝูไม่มีทางสูบนํ้าทะเลอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ บางทีตอนที่น้ำทะเลถูกสูบจนแห้ง ก็คือโอกาสที่พวกเขาจะทะลวงโลกออกมา”
พรึบ
ข้างหลัง มีเทพมารมาถึงไม่ขาดสาย
องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนาย นอกจากหนึ่งร้อยนายที่มู่ชิงเกอทิ้งไว้แล้วต่างก็พากันตามมา ยืนอยู่ข้างมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มั่วหยางยืนหันหลังให้มู่ชิงเกอ หันหน้าหาเทพมารทั้งหมด แววตาที่สงบนิ่งกวาดมองใบหน้าพวกเขาแต่ละคน เก็บความกังวลและไม่สบายใจในแววตาพวกเขาไว้ในสายตา
“ลองหยุดมันดู” มู่ชิงเกอจ้องมองพายุหมุนที่สูบน้ำทะเลอย่างต่อเนื่องนั้นแล้วกล่าว
เมื่อนางพูดจบ ก็มีองครักษ์เขี้ยวมังกรห้านายกระโดดขึ้น พุ่งตรงไปในทะเลทันที
เมืองลั่วตู แคว้นฉิน
ความวุ่นวายปรากฎขึ้น เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดและเข้มงวด
ทว่านอกเมือง มู่ซงกลับสวมเสื้อเกราะอีกครั้ง นำมู่เหลียนเฉิง มู่อี้เฉิน เรียกรวมกองทัพตระกูลมู่ที่ตั้งมั่นรักษาอยู่นอกเมืองทั้งหมด
ท่านแม่ทัพออกรบ ปลุกเลือดร้อนระอุในกระดูกของกองทัพตระกูลมู่ขึ้นมา
กองทัพตระกูลมู่หนึ่งหมื่นนาย ยืนอยู่ในสนามฝึกเงียบๆ รอท่านแม่ทัพของพวกเขาเอ่ยปาก
“เด็กๆ ทั้งหลาย มีศัตรูข้างนอกบุกรุกเข้ามาแล้ว พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ แต่ว่า พวกเราไม่อาจถอย เพราะว่า…พวกเราคือกองทัพตระกูลมู่”