ตอนที่ 952
ฆ่าให้หมด!
เมื่อแสงธนูหลายสายนั้นปรากฎตัวก็พุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของราชองครักษ์อักขระสีดำเหล่านั้นทันที
มู่ชิงเกอกวาดหางตา มองเห็นอินเจวี๋ยนำมือธนูของเผ่าภูติภูเขา เรียงเป็นแถวหน้ากระดาน ยืนอยู่ข้างหลังนางกับซือมั่ว คุ้มกันพวกเขา
วิชาธนูของเผ่าภูติภูเขาเป็นที่หนึ่งในหล้า พลังของคันธนูและศรก็เป็นบ่อเกิดของวิถีใหญ่เช่นกัน มาจากต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นในป่าอสูร ตอนที่แสงธนูเหล่านั้นเสียบเข้าไปกลางหว่างคิ้วพวกเขาอย่างแม่นยำ คนเผ่าฝูที่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้มู่ชิงเกอกับซือมั่วก็ร้องเสียงดัง กลายร่างเป็นฝุ่นผง
มีการคุ้มกันของเผ่าภูติภูเขา มู่ชิงเกอก็ทำเรื่องในมือตนเองได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น
นางส่งสายตากับซือมั่ว ความรู้ใจกันในสายตาทำให้พวกเขาไม่ต้องแม้แต่จะถ่ายทอดเสียง อาคมแต่ละสายโจมตีออกมาจากมือพวกเขา ตกลงข้างหลุมดำ แต่ละกลุ่มๆ แต่ละวงๆ ‘ซ่อมแซม’ และ ‘เติมเต็ม’ หลุมดำมหึมาหลุมนั้นอย่างต่อเนื่อง
บนอาคม ลวดลายที่ลึกลับซับซ้อนเหล่านั้นเป็นความตระหนักรู้ที่พวกเขามีต่อวิถี อาคมค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็คืออาคมที่ใช้กฎเกณฑ์ฟ้าดินวิถีมากมายซึ่งได้มาด้วยการตระหนักรู้
นอกเขตทะเลแห่งความจริง กองทัพแคว้นต่างๆ แยกย้ายกันพักผ่อน อาจารย์ปรุงยาของโรงโอสถกลางและสาขาย่อยทำงานกันทุกส่วน รักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาอย่างรู้หน้าที่
เหล่าทหารที่ตายอยู่ในก้นสมุทรทะเลแห่งความจริงเหล่านั้น ตอนนี้ไม่สามารถเก็บศพของพวกเขาได้ทำได้เพียงรอให้สงครามสิ้นสุดลงก่อน
พวกเขาเงยหน้ามองหลุมดำหลุมนั้นบนท้องฟ้า หลุมดำที่เดิมใหญ่ ราวกับฟ้ารั่ว ตอนนี้เล็กลงเรื่อยๆ แล้ว อาคมเหล่านั้นกระจายแสงสีทอง ต่างฝ่ายต่างหลอมรวมกันเชื่อมต่อกัน
วิถีใหญ่หมื่นพัน หมื่นพันวิถี!
วิถี มีมากมายหลากหลาย มีอยู่ในชีวิต ในความคิด
ดื่มน้ำก็เป็นวิถี เดินก็เป็นวิถี นอนหลับก็เป็นวิถี
วิถี คือกฎเกณฑ์คือความสามารถอย่างหนึ่ง คือความต้องการอย่างหนึ่ง คือของที่จำเป็นต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง
ต่อให้วิถีจะเยอะก็สามารถแพร่ขยายโดยการฟักตัวเช่นกัน
ดังนั้น อาคมที่รวมตัวจากวิถีเหล่านี้ สามารถหลอมรวมกันโดยที่ไม่ถูกกีดกันเลยแม้แต่น้อย แข็งแกร่งขึ้น สามารถผนึกทุกสิ่งทุกอย่างได้
หลุมดำถูกผนึก เผ่าฝูที่ออกมาจากหลุมดำก็น้อยลงเรื่อยๆ ยักษ์เหล่านั้นที่ลงมาในหลินชวนเป็นกลุ่มแรก รวมถึงโถวถัวต่างก็ถูกสังหารจนเกลี้ยง ก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง มีศพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เผ่าฝูก็น้อยลง เรื่อยๆ เช่นกัน
เผ่าฝู หนึ่งร่างสองชีวิต โจมตีอักขระกลางหน้าผากจึงจะสามารถฆ่าได้ในคราวเดียว
วิธีนี้ แผ่นดินเทพมารทั้งหมดทราบแล้ว แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้
ศพที่ก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง นอกจากเหล่านักรบหลินชวน แล้วก็ยังมีเผ่าเทพมาร สำหรับเผ่าฝู…ไม่ว่าจะเป็นยักษ์หรือว่าโถวถัว หรือว่าคนเผ่าฝูเอง หลังจากที่พวกเขาตายแล้วต่างก็กลายเป็นฝุ่นผง
ด้านล่างหลุมดำ แสงธนูสีเขียวอมดำลอยฉวีดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้า ไม่ขาดสาย ยิงโดนหน้าผากของเผ่าฝูเหล่านั้นด้วยความแม่นยำอย่างถึงที่สุด เสียชีวิตด้วยธนูดอกเดียว
นี่ทำให้มู่ชิงเกอกับซือมั่วผนึกปากหลุมได้โดยไม่ต้องกังวล ปากหลุมของหลุมดำนั้นค่อยๆ เหลือขนาดเพียงฝาบ่อนํ้า
เผ่าฝูที่ตกลงมาก็ใช้เวลานานกว่าจะตกลงมาทีละหนึ่งคน สองคน
อีกฝั่งหนึ่งของหลุมดำ ราชองครักษ์อักขระสีดำวิ่งกลับมาข้างหน้า ยักษ์ที่แบกราชรถบนศีรษะอย่างรีบร้อนอีกครั้ง ตะโกนกล่าวอย่างรวดเร็ว “องค์ราชา! พวกเขาปิดทางเข้าได้แล้ว!”
สตรีในราชรถค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและกล่าวเสียงตำหนิ “พวกสวะ!”
เมื่อนางบันดาลโทสะ คนเผ่าฝูรอบด้านต่างก็พากันคุกเข่า สีหน้าท่าทางหวาดกลัว
หลังจากนั้น เงาร่างหนึ่งสายก็พุ่งออกจากม่านโปร่งอย่างรวดเร็ว มุ่งไปยังทางเข้าหลุมดำ
เมื่อนางขยับ คนเผ่าฝูที่คุกเข่าอยู่ก็พากันลุกขึ้นตามไปยังหลุมดำ หลุมนั้นที่เล็กลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถเข้าออกได้แล้ว
ตอนที่ราชินีเผ่าฝูไปถึง จุดสุดท้ายของหลุมดำก็ถูกอาคมผนึกไว้แล้ว ทางเข้าหลุมดำทั้งหมด ถูกปิดตาย อาคมที่รวมตัวจากหลักวิถีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ปล่อยแสงสว่างแยงตาออกมา
เครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงามหยาดเยิ้มของนางเต็มไปด้วยความชั่วร้าย อักขระสีทองที่ซับซ้อนนั้นตรงหว่างคิ้วพลันปล่อยแสงละลานตาออกมา
ทันใดนั้น อักขระก็ยิงแสงทองหนึ่งสายออกมา พลังทำลายล้าง พังพินาศที่ซ่อนอยู่ในแสงทองนั้น ผ่าลงบนผนึกสายนั้นอย่างรุนแรง
ทว่า ผนึกไม่ได้แตกออกอย่างเช่นที่นางคิดไว้ แต่กลับสะท้อนการโจมตีกลับมา แว้งกัดไปที่นาง
“กรี๊ดดด!”
พลังสะท้อนกลับนั้นจู่โจมกองทัพเผ่าฝูอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ยังโจมตีไปยังราชินีเผ่าฝู เพราะว่าไม่ทันตั้งตัว หน้าอกนางจึงได้รับบาดเจ็บอย่างแรง โลหิตที่ซ่อนสีดำอมเขียวไว้ก็พุ่งออกจากปาก ร่างล้มกระเด็นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“โฮกกก!”
ยักษ์ของนางส่งเสียงร้องคำราม ก้าวยาวไปตามทิศทางที่นางล้มลง ยื่นมือออกไปรับนางไว้กลางอากาศ
หลินชวน บนท้องฟ้าเหนือทะเลแห่งความจริง
หลุมดำที่ถูกผนึกก็เหมือนรอยปะบนท้องฟ้า
เมื่อการโจมตีของราชินีเผ่าฝูตกลงบนผนึกก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นที่ฝั่งนี้ สั่นสะเทือนจนแสงสว่างบนผนึกสาดกระจายออกไป มู่ชิงเกอกับซือมั่วถอยไปสองก้าวทันที มอง ‘รอยปะ’ ชิ้นนั้นอย่างตื่นตัว
ทางเข้าที่ถูกผนึกค่อยๆ สงบลง เมฆดำที่เกาะกลุ่มบนท้องฟ้าก็หายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ผนึกที่เต็มไปด้วยอาคมหายไปจากท้องฟ้าช้าๆ
ทางออก มองไม่เห็นแล้ว
คนของเผ่าฝูก็ถูกปิดกั้นอยู่ในโลกของพวกเขา ส่วนคนที่เหลืออยู่ที่นี่…
สายตาของมู่ชิงเกอละออกมาจากท้องฟ้าเบาๆ ตกลงกลางสนามรบที่ยังคงดำเนินต่อไป นางยกมือเรียก หยวนหยวนกลายร่างเป็นทวนหลิงหลง พุ่งออกมาจากสนามรบ ตกลงมาในมือนาง
นางลอยตัวสูงกุมทวนหลิงหลงไว้ เสียง ‘ฟิ้ว’ หนึ่งคราดังออกมาจากในทวน
สายตามู่ชิงเกอเยือกเย็น มองเผ่าฝูเหล่านั้นและกล่าวเสียงดัง “ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
พูดจบ นางก็กุมทวนหลิงหลง พุ่งตัวลงไปที่ก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง
เสื้อเกราะสีสด วาดสีสันงดงามหนึ่งสายในอากาศ
ฆ่าาา! ฆ่าาา! ฆ่าาา!
มู่ชิงเกอพุ่งเข้าไปในก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง เปิดฉากการสังหารของนาง ตรงหน้านางปรากฎภาพสนามรบเหล่านั้นที่นางเคยใช้ปัญญาเทวะกวาดผ่านบนท้องฟ้าก่อนหน้านี้
พลทหารหลินชวนที่น่าเศร้าน่านับถือสละชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองเหล่านั้น
วินาทีนี้ สายตามู่ชิงเกอก็พลันเกิดไอสังหาร ดวงตานางแดงกํ่า เพราะกับกดความรู้สึกปวดร้าวไว้ในใจ
การบุกเข้ามาที่ทรงพลังของนางทำให้คนเผ่าฝูที่เหลืออยู่ตื่นตระหนกยิ่งขึ้น
ทว่า นี่ยังไม่หมด ทันใดนั้น ซือมั่วก็เข้ามาในสนามรบ อินเจวี๋ยเองก็นำนักรบเผ่าภูติภูเขาลงมาจากท้องฟ้า เข้าสู่สนามรบเช่นเดียวกัน
ศึกใหญ่แห่งยุคครั้งนี้จำนวนเผ่าที่เข้าร่วมทำลายสถิติแผ่นดินเทพมาร
ส่วนเหล่าวีรบุรุษของหลินชวน ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นผู้ชมเพียงหนึ่งเดียว มองดูกลุ่มตัวประหลาดที่คิดอยากจะบุกรุกบ้านเมืองของพวกเขาเหล่านั้นถูกฆ่าลงทีละตัวๆ
ฆ่าหมดไม่เหลือ
ผู้บุกรุกของเผ่าฝู ไม่อาจเหลือไว้แม้แต่คนเดียว
“ฆ่าาา!”
กองทัพแผ่นดินเทพมารฝั่งนี้ขวัญกำลังทหารพุ่งสูง เครื่องหน้าทั้งห้าของพวกเขาดุร้ายเนื่องจากการสังหาร แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อความกระหายสงครามที่เดือดพล่านของพวกเขาในตอนนี้
คล้ายกับว่า พวกเขาได้รู้สึกถึงความหมายที่แท้จริงของสงครามในครั้งนี้แล้ว
พวกเขาไม่ได้รบเพื่อตัวเอง แต่รบเพื่อปกป้อง
คนที่ปกป้อง ไม่เพียงแต่เป็นตัวเอง แต่ยังเป็นสหายร่วมเผ่าทั้งหมดอีกด้วย
‘เมื่อรังพลิกควํ่า ไหนเลยจะเหลือไข่ที่สมบูรณ์’ คำพูดของมู่ชิงเกอในตอนนั้น ผุดขึ้นอีกครั้งในสมองของราชาเทวะที่ร่วมรบหลายคนอย่างไม่รู้ตัว