Skip to content

สู่วิถีอสุรา 378

ตอนที่ 378 ภูเขาลูกนี้…

“เสียงบ้าอะไร?” ชายชราปากแหลมแก้มลิงถลึงตามอง ยกมือขวาตบศีรษะชายร่างกำยำไปหนึ่งที

“เจ้าว่ามันคือเสียงบ้าอะไร หุบปากเดี๋ยวนี้!” ชายชราตบอย่างแรง ชายร่างกำยำรีบหดศีรษะ ทว่าก็ไม่กล้าหลบ

ชายชราแค่นเสียงหึ ไม่สนใจอีกฝ่ายอีก ใบหน้าเขามืดทะมึน ก่อนวูบไหวตัวบินไปทางเทือกเขาของถ้ำซูหมิง หกคนด้านหลังรีบตามมา ทั้งเจ็ดคนจึงกลายเป็นสายรุ้งยาวบินลงแผ่นดินใหญ่

ทว่าเพิ่งบินลงมายังไม่ทันเข้าใกล้เทือกเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงระฆังดังก้องอีกครั้ง ฟ้าดินเกิดระลอกคลื่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่าหนึ่งชั้นแผ่กระจายออกรอบทิศ

ภายใต้เสียงระฆังและระลอกคลื่น ชายชราพลันมีสีหน้าตะลึงอีกครั้ง ส่วนหกคนด้านหลังก็ตัวโคลงเคลง มีสีหน้าตื่นกลัว

“นี่มันเสียงของผู้ดูดวิญญาณ ท่านปู่ หรือว่า…พวกเราจะกลับกันดี อีกฝ่ายเป็นผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลาง” ขณะเสียงระฆังกึกก้อง หนึ่งคนด้านหลังชายชรารีบกล่าวโน้มน้าว บุคคลนี้หน้าซีด ขั้นพลังอยู่ที่เชมันระดับต้น เสียงระฆังทำให้ในตัวเขาเหมือนมีเสียงอื้ออึง แทบจะยืนไม่อยู่

“เหลวไหล!” ชายชราปากแหลมแก้มลิงถลึงตา ใช้มือขวาตบศีรษะผู้กล่าวอย่างแรง

“ข้าจะบอกให้ว่ามันคือเสียงบ้าอะไร นี่เป็นเสียงของผู้ดูดวิญญาณจริงๆ พวกเจ้าไม่คิดบ้างรึว่าพอเรามาเขาก็ใช้เสียงนี้ทันที นี่เป็นเพราะว่าเขากลัว รู้หรือไม่ เขากลัว ฉะนั้นเลยสร้างเสียงนี้ขึ้น! เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร นี่คือเสียงเคาะหินภูเขา แค่เสียงนี้ก็ทำให้พวกเจ้ากลัวแล้วรึ?” ชายชราปากแหลมแก้มลิงแค่นเสียงหึกล่าว

“ท่านปู่หลักแหลม ความรู้กว้างขวาง ที่แท้ก็เป็นเสียงเคาะหินภูเขา” หกคนนั้นรีบหยักหน้า มองชายชราด้วยความยกย่อง

“หากเขาไม่ทำเสียงนี้ก็คงไม่เท่าไร แต่เขาดันทำเสียงนี้ขึ้นมา ข้าก็เลยรู้ว่าเป็นเด็กน้อยผู้ดูดวิญญาณจากที่ไหนสักแห่งกำลังหวาดกลัว” ไม่รู้ว่าชายชราปากแหลมแก้มลิงคาดการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ยามนี้ใช้มือขวาตบศีรษะคนทั้งหกไปคนละที

“ท่านปู่ เจ็บ!” ชายร่างกำยำที่เอ่ยคนแรกหดศีรษะอีกครั้ง พร้อมทั้งบ่นพึมพำ

“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ คอยดูว่าข้าจะไล่เด็กน้อยผู้ดูดวิญญาณไปอย่างไร มารดามันเถอะ กล้ามายึดถิ่นชนเผ่าของข้า” ชายชราปากแหลมแก้มลิงถลึงตามอง ไม่สนใจหกคนอีก แต่หมุนตัวบินไปทางเทือกเขาของถ้ำซูหมิง

แต่ช่วงที่ห่างจากเทือกเขาหนึ่งร้อยจั้ง ทันใดนั้นเสียงระฆังดังเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง แผ่กระจายระลอกคลื่นเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น กระทั่งยังเกิดพายุคลั่งถาโถมใส่ชายชรา

ชายชราปากแหลมแก้มลิงสูดลมหายใจ เมื่อครู่นี้พูดกับชาวเผ่าเสียดิบดี ทว่าความจริงแล้วเขาไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร พอได้ยินแล้วก็ตื่นกลัว ทว่าเขาเป็นจ้าวเชมันเผ่าโคขาว จะใจเสาะต่อหน้าชาวเผ่าไม่ได้

ยามนี้เขากัดฟัน บ่นพึมพำในใจก่อนพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

ชาวเผ่าหกคนด้านหลังพากันร่นถอย เห็นเงาร่างท่านปู่กำลังทะยานไปข้างหน้า ทั้งยังได้ยินเสียงระฆังเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จึงมองหน้ากันและกัน

“ท่านปู่ฉลาดนัก เขารู้ได้อย่างไรว่าเสียงนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายกำลังกลัว?”

“ถ้ามิเช่นนั้นแล้วท่านจะเป็นจ้าวเชมันได้อย่างไร เจ้าไม่ใช่จ้าวเชมัน ท่านปู่พูดถูก เจ้าดูสิ ยิ่งเข้าใกล้เสียงระฆังก็จะยิ่งดัง เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัว”

“ทว่าข้ารู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมือน…”

“ถูก กลัวเห็นๆ”

ขณะทั้งหกคนกำลังคุยกัน ชายชราปากแหลมแก้มลิงห่างจากเทือกเขาห้าสิบจั้ง ตอนที่กำลังจะเหยียบบนภูเขา เขาสูดลมหายใจแล้วเปล่งเสียงตะโกนดังสนั่น

“ภูเขาลูกนี้…”

ยังไม่ทันกล่าวจบก็พลันเบิกตากว้าง เสียงขาดหายไป กลิ่นอายพลังที่ทำให้เขาหวาดกลัวแผ่ขยายมาจากในเทือกเขา ก่อนพบว่าตรงหน้าชายชราปรากฏเงามายายักษ์ขนาดหนึ่งร้อยจั้ง เงานั้นมีลักษณะเป็นระฆัง เมื่อปรากฏขึ้นแล้ว แรงกดดันรุนแรงก็ทำให้เมฆลมบนท้องฟ้าเปลี่ยนสี

ชายชราปากแหลมแก้มลิงถูกแรงกดดันถาโถม ทั้งยังตกใจกับระฆังยักษ์ที่ปรากฏอย่างกะทันหัน จึงกระเด็นถอยอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันนั้น เสียงระฆังที่เด่นชัดอย่างยิ่งดังมาจากในระฆังมายายักษ์ เสียงชัดเจนกว่าเมื่อครู่หลายเท่านัก เป็นเสียงดังอื้ออึงในหู ชายชราปากแหลมแก้มลิงรีบถอย ก่อนกลับมาอยู่หน้าชาวเผ่าคนอื่นๆ

“ย่ามันเถอะ นี่มันอะไร…” ชายร่างกำยำด้านหลังหลุดเสียงกล่าวอีกครั้ง

“มันไม่ใช่เสียงเคาะหิน นั่นมันอะไร?” หลายคนด้านหลังชายชราพากันตื่นตกใจ

“อะไรๆ พวกเจ้ารู้จักแต่คำว่าอะไรรึ!” ชายชราเหมือนอับอายและแค้นใจเล็กน้อย หันกลับไปถลึงตามองทีละคน ก่อนใช้มือขวาตบไปอีกคนละที

“ข้าจะบอกให้ว่ามันคืออะไร มันคือชามยักษ์!”

ชายชราเพิ่งกล่าวจบก็มีเสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ฉับพลันนั้น ระฆังมายาบนน่านฟ้าเหนือเทือกเขากลายเป็นของจริง เผยภายนอกอย่างสมบูรณ์

มันเป็นสีดำทุกส่วน ปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ ลอยอยู่กลางอากาศ แผ่กระจายแรงกดดันรุนแรง ทำให้ชายชรารวมถึงหลายคนด้านหลังทนไม่ไหว รีบบินลงมายังผืนดิน

“ท่านปู่ นี่…นี่ไม่ใช่ชาม…”

“ท่านปู่ มันไม่ใช่ชามจริงๆ นั่นมันอะไร?” ชาวเผ่าเหล่านั้นหน้าซีดตัวสั่น ด้วยแรงกดดันนั้น แม้แต่ขั้นพลังยังแข็งค้าง ยามนี้ขณะตัวสั่นก็ล้วนมีสีหน้าอึ้งตะลึง

“หึ ข้าจะบอกให้ มันคือชาม นั่นก็เพราะเด็กน้อยผู้ดูดวิญญาณหวาดกลัว ฉะนั้นเลยเอาชามนี้มาขู่พวกเรา เจ้า และก็เจ้า พวกเจ้าสองคนเข้าไปล่อเด็กน้อยผู้ดูดวิญญาณออกมาให้ข้า” ชายชราปากแหลมแก้มลิงตึงเครียดในใจ ทว่ากลับกัดฟันกล่าวเช่นนี้ ชี้ไปยังชาวเผ่าสองคนข้างๆ เมื่อเห็นพวกเขาไม่กล้าไป จึงถลึงตามองแล้วยกมือขวาขึ้น

ชาวเผ่าสองคนนั้นจึงต้องกัดฟันพุ่งไปทางเทือกเขา แต่เพิ่งมาได้เพียงสิบกว่าจั้ง เสียงร้องสะเทือนฟ้าพลันดังมาจากในระฆังเขาหาน

เสียงร้องนั้นน่าสะพรึงกว่าเสียงระฆัง ทั้งสองคนกระอักเลือด โซเซล้มลงกับพื้น ตอนที่หันกลับไปมองก็เห็นสหายทั้งสี่คนด้านหลังท่านปู่กระอักเลือด พากันล้มลงเช่นกัน

ชายชราปากแหลมแก้มลิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ทว่าตัวสั่นเทา

“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าแกล้งตาย พวกเจ้ารออยู่นี่ รอข้าจัดการกับเด็กน้อยผู้ดูดวิญญาณก่อนแล้วจะกลับมาจัดการกับพวกเจ้า” ชายชรากระทืบเท้า กางแขนสองข้างพลางกัดปลายลิ้นพ่นโลหิต จากนั้นกลิ่นอายพลังทั้งตัวเขาเป็นดุจสายรุ้งโค้ง อีกทั้งด้านหลังยังปรากฏหมอกขาวมายาใหญ่ยักษ์ หมอกนั้นไหลตลบ ก่อตัวขึ้นเป็นลักษณะวัว

ชายชรายกมือขวาแล้วพลิกฝ่ามือ ในมือเขาปรากฏชามยักษ์หนึ่งใบ ในชามนั้นมีน้ำใสอยู่เต็มเปี่ยม เขาถือชามนั้น แล้วเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ในใจยังแอบร้องทุกข์ เขาเป็นจ้าวเชมันเผ่าโคขาวเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อหลายวันก่อนได้ยินชาวเผ่ามารายงานว่ามีผู้ดูดวิญญาณปรากฏกายขึ้น เขาก็ยังลังเลอยู่

จนหลายวันต่อมาเขาส่งคนไปตรวจสอบกลับมา บอกว่าทุกอย่างเป็นปกติแล้ว ผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางนั่นก็ไม่อยู่แล้ว เขาถึงตัดสินใจพาชาวเผ่ามาที่นี่ เพื่อเสแสร้งแกล้งทำสักครั้ง กลับไม่คิดเลยว่าเพิ่งมาถึงก็ต้องเจอกับเสียงน่าสะพรึงเข้าให้

เขายังพูดเรื่อยเปื่อยต่อไป และพูดซี้ซั้วถึงเสียงนั้นได้อีกครั้ง ทว่าหลังจากระฆังยักษ์ปรากฏ เขากลับหวาดกลัว แต่ถ้าจะให้ถอยไปแบบนี้ ตัวเขาที่เป็นจ้าวเชมันคงทำไม่ได้ ยามนี้จึงกัดฟันคิดจะสู้สุดชีวิต ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปต่อสู้กับผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับกลางให้ได้

อีกทั้งเขาคิดว่าต่อให้ตนไม่ใช่ผู้ฝึกฝนดูดวิญญาณ แต่ก็เป็นจุดสูงสุดในเชมันระดับกลาง การต่อสู้ครั้งนี้แพ้ชนะยังไม่รู้

เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้า สีหน้าเคร่งขรึม น้ำใสในชามบนมือขวาเกิดคลื่นกระเพื่อม กลายเป็นไอน้ำรอบตัวเขาเพื่อต้านทานเสียงระฆังสั่นไหว

ช่วงที่เขาเดินหน้า ชายร่างกำยำสองคนที่ล้มลงพลันลืมตา รีบยืนขึ้นอย่างเร็ว แล้วกลับมายังจุดที่สหายพวกเขากระอักเลือดล้มลงกับพื้น

แทบจะเป็นตอนที่พวกเขาสองคนกลับมา สหายร่วมเผ่าที่ล้มนอนสี่คนพากันลืมตาขึ้น มองหน้ากันไปมา ก่อนรีบคลานไปด้านหลังโดยไม่กล่าวสิ่งใดปานรู้ใจกัน

มีเพียงชายชราที่ยังห้อเหยียดไปข้างหน้า เมื่อเข้าใกล้เทือกเขา ชายชราไม่มีเวลามาสนใจทั้งหกคนที่แกล้งตายด้านหลัง ยกเท้าขวากระทืบลงพื้น ตัวลอยขึ้นสูงแล้วบินไปทางยอดเทือดเขา ขณะเดียวกันก็เปล่งเสียงตะโกน

“ภูเขาลูกนี้เป็น…”

แทบจะทันทีที่กล่าวครั้งที่สอง รอบระฆังเขาหานยักษ์บนท้องฟ้าพลันเกิดมวลอากาศขมุกขมัวผืนใหญ่ กลางมวลอากาศขมุกขมัวนั้นปรากฏเป็นเงาสัตว์ร้ายตัวยักษ์ที่ไม่อาจบรรยาย

สัตว์ร้ายนี้เหมือนมังกรน้ำเก้าหัวรวมเข้าด้วยกัน รูปร่างใหญ่ยักษ์ ยามนี้เก้าหัวแยกออกปานยึดครองทั้งผืนฟ้า ช่วงที่สัตว์ร้ายปรากฏตัวก็ทำให้คำพูดชายชราติดขัดอีกครั้ง เขาเบิกตากว้าง นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนก รีบถอยหลังขณะขนลุกชัน

วินาทีที่แรงกดดันชั่วร้ายถาโถมเข้ามา ในเก้าหัวมีห้าหัวที่หลับตาอยู่ปานหลับใหล ทว่าอีกสี่หัวที่เหลือลืมตา นัยน์ตาของมันเย็นชา ในลูกตาของหัวทั้งสี่ปรากฏเงาของซูหมิง

“ภูเขานี้เป็นอะไร!” เสียงซูหมิงดังแว่วมาจากหัวทั้งสี่ที่เขาครอบครอง

“ภูเขาลูกนี้เป็นของท่าน…” ชายชราปากแหลมแก้มลิงไม่รู้ว่าไปเอาไหวพริบมาจากที่ใด ไม่กล้าถอยต่อ แต่รีบยิ้มขอโทษ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version