Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 146


บทที่ 146 ไม่ญาติดีและไม่มีวันสงบศึก! (ปลาย)

ในลานกว้างเวลานี้ เมื่อเห็นอาจารย์ใหญ่จี้เปิดฉากจู่โจม บรรดาศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ต่างมีสีหน้า

ประหลาดหวาดวิตก

บรรดาผู้กล้าแกร่งขั้นผสานเทพที่ล้อมกรอบพวกเยี่ยฉวนอยู่ในขณะนั้นต่างพากันล่าถอยออกห่างเป็น

ระลอก เพราะปะทะเข้ากับพลังผลักออกของอาจารย์ใหญ่จี้!

สีหน้าและแววตาของทุกคนต่างหวาดผวาสั่นคลอน

ขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์

หากผู้กล้าแกร่งเช่นอาจารย์ใหญ่จี้เลือกต่อสู้จนตัวตาย เมื่อนั้นย่อมหมายความว่าสถานศึกษาฉางมู่ไม่แคล้วโดยทำลายล้างจนสิ้นซาก แม้แต่เยี่ยฉวนและศิษย์อื่นแห่งฉางหลาน พวกเขาก็คงล้วนยอมพลีกายถวาย

ชีวิตในลานแห่งนี้!

สีหน้าของหลี่เสวียนชางบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งนัก เจตนาของตนมิได้ประสงค์จะสละชีวิตต่อสู้กับอาจารย์

ใหญ่จี้แม้สักน้อย สถานศึกษาฉางมู่มีทั้งบุคลากรและความยิ่งใหญ่ ส่วนสถานศึกษาฉางหลานเล่า? ใกล้จะล่มสลายลงในไม่ช้า!!!

ฉางมู่คงถึงขั้นโศกเศร้าเป็นอันมาก หากต้องมาล่มสลายไปพร้อมกับฉางหลานในตอนนี้!

ศึกระหว่างสองสถานศึกษาใกล้ถึงเวลาปะทุเต็มที่ พลันเกิดเสียงบางอย่างขึ้นในลานโล่ง “ช้าก่อน

อาจารย์ใหญ่จี้!”

จู่ๆ ร่างของชายชราสวมผ้าคลุมสีเทาพลันปรากฏกายออกมากลางลานโดยฉับพลัน

ผู้ถูกเรียกขานชะงักมือ เขาหันไปทางชายชราชุดเทาเจ้าของเสียง “มีธุระอันใดที่นี่หรือ ท่านผู้เฒ่า?”

ชายชราในชุดเทาผู้นี้คือเจียงเยว่เทียน อดีตฮ่องเต้แห่งแคว้นเจียง ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ผู้กล้าแกร่งขั้นพลัง

สุดยอดผนึกยุทธ์ในแคว้นเจียง

ผู้มาใหม่ยิ้มน้อยๆ “หากข้าไม่มา เจ้าก็คงทำลายเมืองหลวงจนพินาศกว่าครึ่งเมืองไปแล้ว!”

จากนั้นจึงหันไปทางหลี่เสวียนชางซึ่งยืนไม่ห่างออกไป “พี่หลี่ เวลานี้เรื่องราวมาถึงจุดแตกหักเสียแล้ว

ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เอาอย่างนี้ ข้าจะขอเป็นทูตสันติ เพื่อยุติทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เอง”

หลี่เสวียนชางเหยียดมุมปากอย่างเยาะหยัน “เหตุการณ์ทุกอย่างเช่นนั้นหรือ?”

ขณะนั้นเขาชี้มือไปยังร่างที่กลาดเกลื่อนของศิษย์อยู่ทั่วลาน “ศิษย์ที่ต้องตายโดยสูญเปล่าเหล่านี้เล่า?”

ชายชราเจียงเยว่เทียนนิ่วหน้า หากมิใช่ความกลัวว่าแคว้นเจียงจะต้องพินาศเพราะศึกครั้งนี้ เขาเองก็

ใคร่จะชมการประลองชี้เป็นชี้ตายจากทั้งสองสถานศึกษาอยู่ไม่น้อย ทว่าเวลานี้แคว้นเจียงต้องเผชิญศึกนอก

อย่างแคว้นถัง จึงไม่สมควรเกิดศึกในให้ยุ่งเหยิงเข้าไปอีก!

เจียงเยว่เทียนนิ่งงันอย่างใช้ความคิด ในที่สุดเขาได้เอ่ยขึ้นว่า “พี่หลี่ นับตั้งแต่ยุคของอาจารย์ใหญ่กู้

สถานศึกษาฉางมู่มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองมานานนับพันปี ในหมู่แคว้นเพื่อนบ้านของเรา สถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียงนับว่าแข็งแกร่งและรุ่งเรืองมากที่สุด”

“ถึงกระนั้นหากพวกท่านยังยืนกรานจะทำศึกครั้งนี้ แน่ใจได้เลยว่าสถานศึกษาอีกฝั่งจะต้องหายไปจากแคว้นเจียงอย่างสิ้นเชิง ทว่าด้วยความกล้าแกร่งเกินมนุษย์มนาเช่นคนอย่างอาจารย์ใหญ่จี้ หากเขาต่อสู้ชนิด

ยอมตายถวายชีวิต เชื่อได้ว่าสามารถสร้างความพินาศย่อยยับบังเกิดแก่ฉางมู่ได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเหตุ

การณ์ครั้งนี้จะกลายเป็นตราบาปติดตัวท่านไปตลอดชีวิต พี่หลี่!”

เมื่อได้ยินผู้มาใหม่วิเคราะห์เหตุเรื่องราวทั้งหมด หลี่เสวียนชางพลันกำมือแน่น สีหน้าของเขาตอนนี้ดำคล้ำหม่นหมอง ทว่าหามีใครรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนิกคิดในใจของเขาเวลานี้ไม่

เสียงของเจียงเยว่เทียนเสริมขึ้นมาอีกว่า “ท่านเป็นผู้มีทักษะและความสามารถ ย่อมมีโอกาสถูกเชิญไปยังสถานศึกษาฉางมู่สำนักงานใหญ่ ณ ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเข้าสู่หออภิชนที่สำนักงานใหญ่นั้น ทว่า

ถ้าสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียงย่อยยับในมือของท่านเสียแล้ว นั่นก็ย่อมไม่เป็นผลดีกับท่านอย่างแน่นอน พี่หลี่”

สีหน้าของหลี่เสวียนชางบ่งชี้ว่าเวลานี้เขาเริ่มคล้อยตามคำเตือนอันน่าหวาดหวั่นนั่นแล้ว

หออภิชน!

สถานที่ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งปรารถนาของทั้งศิษย์และอาจารย์ ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ใหญ่แห่งฉางมู่!

อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นมาอีกว่า “ศึกนี้เป็นเรื่องระหว่างศิษย์ ไฉนจึงไม่ปล่อยให้ศิษย์จัดการและดิ้นรนกันเอง

เล่า? พวกท่านคิดเห็นอย่างไร พี่จี้และพี่หลี่?”

อาจารย์ใหญ่จี้ตอบเสียงเรียบเฉยดุจเดียวกัน “ข้าเห็นด้วย”

หลี่เสวียนชางจ้องหน้าคนพูดด้วยสายตาเย็นชา “ได้ ข้าก็เห็นด้วย”

จากนั้นเขาจึงหันไปทางเจียงเยว่เทียน “พี่เจียง รบกวนท่านช่วยเป็นสักขีพยาน จากนี้ไปสถานศึกษา

ฉางมู่และสถานศึกษาฉางหลานจะต่อสู้กันจนกว่าจะตาย ศิษย์ที่อายุเกินกว่ายี่สิบห้าของทั้งสองฝ่าย ห้ามมิให้มันเข้าร่วมในการประลอง ท่านคิดเห็นอย่างไร? ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญา ขอให้ท่านช่วยออกมาตัดสินให้

ความเป็นธรรม จะได้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินหลี่เสวียนชาง ทั้งอาจารย์ใหญ่จี้และเจียงเยว่เทียนต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว!

คำพูดมีนัยยะแฝงเร้น!

ด้วยเป็นที่ประจักษ์แน่แล้วว่าฉางมู่ไม่สามารถต้านทานต่อเยี่ยฉวนรวมทั้งศิษย์คนอื่นที่เหลือในเวลานี้ ทว่าครั้งนี้กลับเป็นข้อเสนอของหลี่เสวียนชางเองซึ่งนับว่ามีนัยแฝงเร้น!

ครานี้เจียงเยว่เทียนมีท่าทีลังเลเล็กน้อย และหันไปทางอาจารย์ใหญ่จี้ซึ่งยืนอีกด้านหนึ่ง ขณะที่อาจารย์

ใหญ่จี้หันไปมองเยี่ยฉวนและพวก ชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์ยักไหล่ “พวกเราไม่มีปัญหา!”

ดังนั้นเขาจึงหันมาบอกหลี่เสวียนชาง “ได้!”

หลังจากนั้นเขาจึงหันไปทางเยี่ยฉวน “กลับกันได้แล้ว!”

จากนั้นเยี่ยฉวนและพวกจึงออกจากสถานศึกษาฉางมู่โดยการนำของอาจารย์ใหญ่จี้!

เจียงเยว่เทียนเองถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนออกจากฉางมู่ไปเช่นเดียวกัน

ยามนี้เหลือเพียงหลี่เสวียนชาง เขากวาดตามองร่างไร้วิญญาณที่เกลื่อนกล่นอยู่ในลานกว้าง ใบหน้าดำคล้ำหมองเศร้า ไม่มีใครเดาออกว่าเขาคิดของเขาออก

หลีซิ่วทำท่าจะเอ่ยปากพูด ทว่าหลี่เสวียนชางพลันหันขวับมาและมองด้วยสายตาเยือกเย็น “เห็นหรือ

ยังว่าเจ้าทำอะไรลงไป!”

หลีซิ่วหน้าเหยเก

บรรดาผู้กล้าแกร่งซึ่งรายรอบล้อมอยู่มองเขาด้วยสายตาปราศจากความเป็นมิตร

เมื่อเยี่ยฉวนสมัครเข้าเป็นศิษย์ฉางมู่ในครั้งแรก ก็เป็นทั้งหลี่ซิ่วและชางจงที่บีบบังคับเยี่ยฉวนจนออก

จากการคัดเลือกไป……และในตอนนี้ เยี่ยฉวนก็ได้กลับมาเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามของสถานศึกษาฉางมู่ไปแล้ว!

ถ้าเขาได้เป็นศิษย์ฉางมู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานศึกษาฉางหลานจะต้องประสบแต่ความพ่ายแพ้ต่อ

ไปอีกนานนับศตวรรษ!

น่าเสียดายแท้ เขาไปเป็นศิษย์ฉางหลาน!

น่าเสียดายยิ่งนัก!

เสียดายอะไรเช่นนี้!

พวกเขาไม่เคยมีความรู้สึกว่าเสียดายเช่นนี้มาก่อน ด้วยตอนนี้พวกเขาทุกคนได้ประจักษ์ต่อความกล้า

แกร่งและศักยภาพของเยี่ยฉวน คงไม่จริงถ้าจะบอกว่าไม่เสียใจและเสียดาย

แม้แต่หลี่เสวียนชางเอง ตัวเขาก็ยังรู้สึกเสียใจและเสียดายไม่น้อย เสียใจที่ไม่ได้ตรวจสอบสถานะของ

เยี่ยฉวนตั้งแต่ครั้งแรก ถ้าได้ตรวจสอบ ฉางมู่ย่อมไม่พลาดต่อเยี่ยฉวน สุดยอดแห่งยอดคนเช่นนี้อย่างแน่นอน!

ขณะต่อมาหลี่เสวียนชางหันมาถาม “ชางจงยังอยู่ที่ฉางมู่หรือไม่?”

ชายชราที่ยืนใกล้พยักหน้ารับ “ใช่แล้วขอรับ!”

หลี่เสวียนชางออกคำสั่งอย่างใจเย็น “เหตุใดมันจึงยังอยู่? เอามันไปแขวนคอทันที!”

ผู้รับคำสั่งมีท่าทางลังเลเล็กน้อย สุดท้ายผงกศีรษะรับ “ขอรับ!”

จากนั้นรีบผละออกไปโดยเร็ว

ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่หันมามองหลี่ซิ่ว “ส่วนเจ้า จากสิ่งที่เกิดขึ้น จงพิจารณาตัวเอง”

จากนั้นเขาหันหลังออกเดินตรงไปทางภูเขา “จงส่งข่าวไปยังสถานศึกษาฉางมู่ทุกแห่งในแผ่นดินชิง แจ้ง

ว่าสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียงต้องการกำลังหนุน หากใครสามารถสังหารเยี่ยฉวนหรือแม้ศิษย์ฉางหลาน

คนอื่นได้ ข้ามีรางวัลให้เป็นคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีด้านอาคมเวทย์หนึ่งเล่ม คัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีด้าน

กายาพลวัตหนึ่งเล่ม คัมภีร์ยุทธ์ฝึกยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีทั่วไปอีกหนึ่งเล่ม และตบท้ายด้วยศิลาจิตวิญญาณชั้น

ยอดจำนวนห้าแสนชิ้น!!”

เขาขอกำลังเสริมจากต่างสาขา!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version