Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 295


บทที่ 295 เปิดเผยตัวออกมาฆ่าข้าได้เลย! (ปลาย)

หลังจากที่เยี่ยฉวนออกจากหอคอยแห่งเรือนจำ เขาเดินมุ่งหน้าไปยังค่ายพักของลู่ป้านจวง ขณะนั้น หญิงสาวกำลังนั่งกินขนมเปี๊ยะ มือซ้ายถือต้นหอม ปากเคี้ยวหงุบหงับอย่างเอร็ดอร่อย

เขาเดินเข้าทรุดนั่งต่อหน้า “ข้าอยากรู้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ มีหน่วยมือสังหารเหมือนอย่างดินแดนอันธการไหม?”

ลู่ป้านจวงหยุดทำท่าคิดพักใหญ่ หลังจากนั้นจึงพยักหน้า “มี” เยี่ยฉวนพยักหน้ารับทราบจากนั้นจึงว่า “เจ้าติดต่อพวกเขามาที่นี่ได้ไหม?” ครานี้หญิงสาวสั่นหน้าทันที “ไม่ได้”

“ทำไม?” เยี่ยฉวนข้องใจ ลู่ป้านจวงมองหน้าอีกฝ่ายขณะพูดว่า “เจ้าจ่ายไม่ไหวหรอก อีกอย่างมือสังหารเป็นพวกได้คืบจะเอาศอก เรียกมันมาไม่ยากแต่การสลัดออกนั้นยากกว่า เรื่องนี้ข้าว่าพวกเราควรหาหนทางแก้ไขเอาเอง!” เยี่ยฉวนจึงนิ่งเงียบไป

เขามิได้ขลาดกลัวมือสังหาร ด้วยมีทักษะดวงตากระบี่เหล่ามือสังหารจึงไม่กล้าเข้าใกล้เยี่ยฉวน ไม่ว่ามันจะโผล่มาตอนไหนเยี่ยฉวนก็สามารถมองเห็นได้ ซึ่งพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งด้วยทักษะการต่อสู้ แต่จะแข็งแกร่งเมื่อแอบซ่อนในที่ลับ

ประเด็นสำคัญเป้าหมายของมันมิได้เพ่งเล็งมาที่เยี่ยฉวนเท่านั้น หากแต่จู่โจมพุ่งเป้าไปที่กองทหารแห่แคว้นเจียง ซึ่งเป็นกองกำลังหลักที่สำคัญ

ไม่เพียงแต่ทหาร หลิงฮั่นและคนอื่นก็ตกอยู่ในอันตรายด้วย จนเวลานี้ทุกคนจะต้องรวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน หากพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครกล้าแยกตัวอยู่ตามลำพัง เพราะสถานการณ์ล่อแหลมเหลือเกิน

ตอนนั้นเอง มีเสียงของคนจากสำนักอัปสรเมรัยดังขึ้น “สหาย ข้าขอเวลาสักครู่กรุณาออกมาพบหน่อยเถิด”

จ้าวหอชั้นห้า!

เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงออกมาภายนอกค่าย และเมื่อเห็นคนมา เขาถึงกับนิ่งงันไปเล็กน้อย จ้าวหอชั้นห้ายืนคอยที่บริเวณหน้าค่าย เมื่อเห็นคนที่ตรงเข้ามาเขาจึงยื่นนิ้วชี้ออกไป พลันเบื้องหน้าเยี่ยฉวนปรากฏวงแหวนสัมภาระ “สหายทางเราจัดหาของที่เจ้าต้องการได้ครบแล้ว!” เยี่ยฉวนหน้าตาตื่นเต้นตกใจ “ท่านผู้อาวุโส เหตุใดจึงเร็วนัก?”

จ้าวหอชั้นห้าได้ยินเข้าก็หัวเราะลั่น “เจ้าไม่รู้อะไร หลังจากที่รู้ว่าเจ้ามีความประสงค์แรงกล้าต่อสิ่งเหล่านี้ จ้าวหอชั้นสองแห่งสำนักอัปสรเมรัยจึงรีบแจ้งไปยังสาขาสำนักอัปสรเมรัยที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาต้องจัดหาสิ่งของที่เจ้าต้องการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงรวดเร็วเช่นนี้!”

เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยฉวนรีบค้อมกายกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือต่อจ้าวหอชั้นห้าทันที “ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณในความกรุณาของพวกท่านอย่างไรแล้ว แต่ข้าจะจดจำความกรุณาครั้งนี้ไว้ในใจขอรับ!”

จากนั้นเขาหันหน้าไปทางลู่ป้านจวง หญิงสาวเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงหันไปออกปากเรียกหลิงฮั่นและคนอื่นเข้ามา จากนั้นคนทั้งหมดได้นำเหรียญทองคำตามสัดส่วนออกมามอบให้แก่จ้าวหอชั้นห้าโดยครบถ้วน

จ้าวหอชั้นห้าไม่ได้ปฏิเสธและยอมรับเงินไว้โดยดี เมื่อเขาขยับปลายนิ้วมืออีกครั้ง ขวดยาสีขาวสะอาดได้ปรากฏออกเบื้องหน้าเยี่ยฉวนและทุกๆ คน

โอสถพลังผสานเทพ!

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำให้หลิงฮั่นและคนอื่นๆ พากันตื่นเต้นยินดี เพราะมันคือโอสถพลังผสานเทพสิ่งที่เป็นตัวช่วยพวกเขาในการบรรลุพลังขั้นผสานเทพ มิเช่นนั้นอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองหรือสามปี หรือไม่ก็นานกว่านั้น!

ฉับพลันนั้นเองจ้าวหอชี้มือไปยังที่ว่างซึ่งต่อมาปรากฏวงแหวนสัมภาระต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง สายตาทุกคู่เบนมาที่ใบหน้าจ้าวหอชั้นห้า เจ้าตัวกล่าวยิ้มๆ ต่อทุกคนในที่นั้นว่า “ภายในสิ่งนี้คือศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นประกายแสง ซึ่งทางเราจัดซื้อมาให้ตามที่ขอยังไงล่ะ ถึงกระนั้นพวกเจ้าควรจะใช้ก็ต่อเมื่อภายหลังจากสำเร็จขั้นผสานเทพแล้วเพราะจะได้ประสิทธิผลดีกว่า”

เยี่ยฉวนหันไปทางหลิงฮั่นและคนอื่น “พวกเจ้ากลับเข้าไปที่ค่ายพักและกินโอสถเสีย ข้ากับปานจวงจะคอยคุ้มกันให้เอง” จ้าวหอเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามีท่าทางลังเลอะไรบางอย่างก่อนจะกล่าวด้วยว่า “สหาย การจะบรรลุขั้นพลังในยามนี้อาจเป็นอันตรายได้!”

ผู้เป็นสหายส่ายหน้า “พวกเราไม่มีเวลาอีกแล้วขอรับ อีกอย่างพวกศัตรูก็ไม่ยอมให้พวกเราได้มีเวลาด้วย ฉะนั้นยิ่งบรรลุขั้นพลังได้เร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น” คนอาวุโสนิ่งฟังสีหน้าหนักอกหนักใจก่อนพยักหน้า “ถูกของเจ้า!”

จากนั้นจึงกล่าวสืบไปว่า “เอ้อนี่แน่ะสหาย มีข่าวจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ เวลานี้สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังพุ่งเป้ามาที่เจ้าอย่างเต็มที่” เยี่ยฉวนได้ฟังแล้วเหยียดมุมปากออกเล็กน้อย “ข้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”

หากคนจ้าวหอชั้นห้ากลับมีสีหน้าแสดงออกว่ายุ่งยากใจไม่น้อย “พวกมันรู้ทั้งรู้ว่าเซียนกระบี่อยู่เบื้องหลังเจ้า ยังกล้ามาตอแยอีกหรือนี่? แถมยังไปร่วมมือกับอาณาจักรต้าอวิ๋น กองกำลังมหาอำนาจสามแห่งร่วมมือกันเช่นนี้ พวกเจ้าและแคว้นเจียงต้องระมัดระวังให้มาก”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เตือน” จ้าวหอพยักหน้ารับและกล่าวต่อไปว่า “อีกอย่างหนึ่ง สำนักอัปสรเมรัยได้ส่งขุนศึกเต๋าจำนวนสามสิบคนมุ่งหน้ามาที่นี่ คาดว่าพรุ่งนี้คงจะมาถึง!” เพียงได้ยินประโยคถัดมาของจ้าวหอ ลู่ป้านจวงรวมทั้งคนอื่นขยับตัวหันสบตากัน สำนักอัปสรเมรัยตกลงที่จะให้การสนับสนุนเยี่ยฉวนเต็มที่แล้วสินะ!

อันที่จริงย่อมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ด้วยสำนักอัปสรเมรัยเดิมพันข้างเยี่ยฉวนและสตรีลึกลับมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้ พวกเขายืนหยัดแน่วแน่ไม่ยอมถอย พร้อมสนับสนุนเยี่ยฉวนจวบจนวาระสุดท้าย!

เยี่ยฉวนกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือ ค้อมกายคารวะต่อจ้าวหอชั้นห้าทันที “โอกาสหน้าข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือครั้งนี้ให้ได้ขอรับ!”

ผู้อาวุโสสั่นศีรษะน้อยๆ “สิ่งที่พวกเราทำนั้นส่วนหนึ่งเพราะสำนักอัปสรเมรัยต้องการผูกมิตรกับเจ้าอย่างเด็ดขาด ทว่ามิใช่สาเหตุนั้นเพียงประการเดียว ความเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันก็มีส่วน เอาล่ะข้าจะไม่พูดมาก พวกเจ้าดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน” หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แยกตัวกลับออกไป

เยี่ยฉวนหันหลังกลับตามไปสมทบกับพวกหลิงฮั่นซึ่งย้อนกลับเข้าค่ายพักไปก่อนหน้า เมื่อพบกับทุกคนพลันเขาออกคำสั่งว่า “พวกเรา ออกไปนอกเมือง!” ทุกคนมองคนพูดด้วยสายตาพิศวงสงสัย

เยี่ยฉวนเหยียดมุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกเราจะสำเร็จขั้นพลังให้พวกมันได้ชมเป็นบุญตา ข้าจะทำให้พวกมันออกมาขัดขวางพวกเจ้า!” หลิงฮั่นหน้าเหยพลางถามด้วยความไม่แน่ใจ “พี่ใหญ่ ทำอย่างนี้จะไม่บ้าไปหน่อยหรือ?”

เยี่ยฉวนตอบยิ้มๆ “พวกเราจะทำให้มันคิดว่าบ้าไงล่ะ เราจะทำให้มันเห็นว่าเรากล้าเสี่ยงชีวิต เชื่อใจข้าเถอะหากต้องตาย พี่ใหญ่คนนี้พร้อมที่จะตายก่อนใคร!” พูดจบก็ยกมือขึ้นโบก “ไปนอกเมือง!”

คนที่อยู่ข้างหลังหันมาสบตากันก่อนจะติดตามเยี่ยฉวนออกนอกเมืองทันที เมื่อออกไปอยู่ในที่โล่ง หลิงฮั่น โม่อวิ๋นฉี และคนอื่นๆ ต่างหยิบโอสถพลังผสานเทพขึ้นมาโยนใส่ปากแล้ว ทุกคนทรุดลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นดิน โดยลู่ป้านจวงยังยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง

เยี่ยฉวนสะบัดกระบี่หลิงซิ่วใช้ปลายชี้ลงไปที่พื้นดิน ขณะหันหน้าไปรอบด้านพลางเปล่งเสียงเย้ยหยันลอยตามลม “ไม่ต้องทำเป็นหลบซ่อน เปิดเผยตัวออกมาฆ่าข้าเลยสิ!”

ฟิ้ว! เสียงกระบี่สะท้อนก้องทั่วท้องฟ้า!

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version