Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 947


บทที่ 947 : คนที่ว่าเก่งจริงไปอยู่ไหนกันหมด? (ต้น)

ณ ที่ประตูจวนเจ้าเมือง เสียงหัวเราะดังสนั่นของเยี่ยฉวนดูราวกับจะทำให้ทั้งผืนฟ้าสั่นไหว!

ช่วงเวลานั้นบนที่อยู่ในนครผู้คุมกฎ ต่างได้ยินเสียงของชายหนุ่มเกือบทุกคน!

ภายในจวนเจ้าเมือง สายตาของหลิ่วสือไป้ที่จับตามองไปยังเยี่ยฉวน ขณะอยู่ด้านนอกประตูแฝงรอยเคร่งขรึมจริงจัง

เยี่ยฉวนคนนี้ ไม่เป็นเพราะความเชื่อมั่นก็ต้องเสียสติเป็นแน่!

ทันใดนั้นด้านนอกคฤหาสน์เจ้าเมืองมีเสียงตวาดอย่างโกรธจัดดังขึ้น “ไอ้คนสารเลว อย่าโอหังให้มากนัก เห็นทีข้าต้องสั่งสอนจะได้รู้สำนึกเสียบ้าง!”

จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวเหนือศีรษะของเยี่ยฉวน เมื่อชายคนดังกล่าวทำท่าขยับตัวเตรียมเคลื่อนไหวนั้นเอง คลื่นลำแสงกระบี่พุ่งเป็นแนวโค้งขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

ฉัวะ!

บนอากาศ ศีรษะของชายคนหนึ่งกระเด็นหวือไปทันที โลหิตสาดกระเซ็นกระจายไปโดยรอบพื้นที่ ต่อมาศีรษะคนผู้นั้นตกปุลงบนพื้นดินใกล้แทบเท้าของเยี่ยฉวน!

ชายหนุ่มยกเท้าเตะจนมันกระเด็นไปไกล จากนั้นเงยหน้ามองขึ้นไปพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะ “อ่อนหัดมาก คนที่ว่าเก่งจริงไปอยู่ไหนกันหมด?”

เสียงรอบข้างเงียบกริบ และไม่มีผู้ใดออกมาสู้กับเยี่ยฉวนอีก

ส่วนคนที่เหลือ ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่คนเดียว!

ยอดฝีมือที่เยี่ยฉวนเพิ่งสังหารปลิดชีพมันนั้น เป็นยอดฝีมือพลังขั้นศักดิ์สิทธิ์!

แม้แต่ยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ยังถูกสังหารอย่างง่ายดายเพียงชั่วพริบตา!

ต่อจากนั้นเยี่ยฉวนมุ่งหน้าเดินออกไปด้านนอกเมือง

ตลอดระยะทางที่เดินผ่านไป ไม่มีใครออกมายับยั้งอีกเลย

ถึงกระนั้น ลมหายใจแข็งแกร่งปรากฏล้อมรอบกายอยู่ทั่วไป

ต่อมาไม่นานเยี่ยฉวนได้มาถึงประตูเมือง เวลานั้นบริเวณด้านนอกประตูปรากฏกลุ่มคนจำนวนสามสิบคน คนที่เป็นหัวหน้าคือผู้อาวุโสเยว่แห่งเผ่าถัง และที่ตามมาข้างหลังล้วนเป็นกองพลม้าเผ่าถังอีกจำนวนหนึ่ง!

พวกเขาพร้อมที่จะถล่มนครผู้คุมกฎให้ราบเป็นหน้ากลองได้ง่ายดาย หากชุมนุมผู้คุมกฎไม่ยอมยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้อาวุโสเยว่เขม้นสายตามองตรงไปยังเยี่ยฉวน “เจ้าทำอะไรกับคุณหนูใหญ่?”

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ “แม่นางถังกับข้าเราเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกันโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสเยว่ต่อแต่นี้เป็นต้นไปถือว่าพวกเราเกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว!”

ใบหน้าของอาวุโสเยว่แดงก่ำด้วยความโกรธจัด “ไร้สาระ เจ้า……”

ทันใดนั้น ถังชิงก็ปรากฏตัวออกมายืนข้างชายหนุ่ม

……ดูเหมือนว่าพลังของถังชิงถูกผนึกไว้จนหมดสิ้น

ผลงานนั่นไม่ได้เกิดจากหอคอยแห่งเรือนจำ ทว่าเป็นคนที่อยู่บนชั้นที่หกต่างหาก เมื่ออยู่ภายในหอคอยแห่งเรือนจำ ขั้นพลังของถังชิงจะถูกหอคอยผนึกไว้ แต่ทันทีที่นางออกสู่ภายนอก อำนาจหอคอยแห่งเรือนจำไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป คนที่ชั้นหกบอกว่าไม่อยากให้เต๋าแห่งสวรรค์ที่มาจากโลกสี่มิติจับสังเกตได้

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้าหอคอยไปแล้วจะได้รับเคราะห์ทุกคน!

เยี่ยฉวนขยับเข้าใกล้ถังชิง จากนั้นใช้มือโอบรอบเอวแบบบางของหญิงสาวพลางกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผู้อาวุโสเยว่ กรุณากลับไปรายงานว่าที่พ่อตาของข้าด้วยว่าอาชิงกับข้าผูกสมัครรักใคร่ซึ่งกันและกัน ขออย่าได้แยกพวกเราจากกันเลยเดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะได้!”

ผู้อาวุโสเยว่เดือดดาลจนพูดไม่ออก “เยี่ยฉวน เจ้า……”

เสียงคนพูดเรื่อยเจื้อยดังขึ้นอีก “อาชิงกำลังท้องกำลังไส้ บอกพ่อตาของข้าด้วยว่าลูกของเราคลอดเมื่อใด จะพาพวกเขากลับไปเยี่ยมเยียน……อ้อ สมบัติล้ำค่านั่นจะมอบให้อาชิงเพื่อเป็นสินสอดทองหมั้น”

ครานี้คนฟังถึงกับสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความโกรธ เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่ทันได้เอ่ยปาก เยี่ยฉวนพาถังชิงหายวับไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว!

เมื่อผู้อาวุโสเยว่ขยับจะออกไล่ตาม พลันเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เป็นถังชิงพูดกับเขาว่า “ไม่ต้องตาม หยุดอยู่แค่นั้น!”

ฝ่ายนั้นจำต้องยั้งฝีเท้าหยุดชะงัก บัดนี้สีหน้าของอีกฝ่ายบูดบึ้งน่าเกลียดน่ากลัวเป็นที่สุด

ในมุมมืด ยอดฝีมือที่กำลังซุ่มอยู่โดยรอบพากันพิศวงงงงวย

เยี่ยฉวนเป็นลูกเขยของเผ่าถังไปแล้วงั้นหรือ?

มิหนำซ้ำสมบัตินั่น……กลายเป็นสินสอดทองหมั้นให้แก่เผ่าถังไปแล้วงั้นหรือ?

เกิดอะไรกันขึ้น?

หลายคนเชื่อว่าเป็นความจริง ทว่าอีกหลายคนไม่เชื่อ ถึงกระนั้นสถานการณ์กลับกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น เดิมทีมียอดฝีมือหลายคนต้องการจู่โจมเยี่ยฉวนก็เริ่มลังเลใจ ในขณะที่คนอื่นๆ พากันเลิกล้มแผนการจู่โจมชายหนุ่มไว้ก่อนและรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ยิ่งกว่านั้น บางคนพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง อย่างไรก็ตามตัวเยี่ยฉวนเองไม่กล้าบุ่มบ่ามเช่นกัน

ภายในตำหนักจวนเจ้าเมือง

ชายชราพูดกับหลิ่วสือไป้ท่าทางครุ่นคิด “ถังชิงตกอยู่ภายใต้อำนาจของอะไรบางอย่าง!

อีกฝ่ายพยักหน้า “เยี่ยฉวนคนนี้ไม่ธรรมดา!”

ขณะที่ชายชราขยับปากเตรียมพูดนั้นเอง หลิ่วสือไป้เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า “คนของชุมนุมผู้คุมกฎมาถึงแล้ว ถึงกระนั้นก็สายไปหน่อย!

จากนั้นเหนือหลังคาตำหนักจวนเจ้าเมือง มีกลุ่มยอดฝีมือปรากฏให้เห็น……

นอกเขตนครผู้คุมกฎ ท่ามกลางหุบเขาสลับซับซ้อนยาวไกลนับพันลี้ เยี่ยฉวนพบน้ำตกแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มทรุดนั่งลงกับพื้นและถังชิงนั่งอยู่ไม่ห่างไปมากนัก

เสียงฝ่ายสตรีพูดขึ้นขณะมองคนตรงหน้า “เจ้าจะชักนำคนทั้งโลกให้หันเหความสนใจไปที่เผ่าถังสินะ!”

เยี่ยฉวนพยักหน้าแทนคำตอบ

ถังชิงเอ่ยเสียงกร้าว “คนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อคำพูดของเจ้า ทว่าคิดหรือว่าคนที่ฉลาดเฉลียวมีหัวคิดเขาจะเชื่อ?”

ชายหนุ่มฟังแล้วยิ้มออกมา “อย่างน้อยๆ พวกมันคงไม่มายุ่งกับข้าสักพัก ซึ่งเท่านี้ก็พอแล้ว หรือเท่านี้นับว่าเพียงพอให้คนพุ่งมาหาและหมายเอาชีวิตข้าเหมือนกัน!”

ถังชิงหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย “เจ้าจะทำให้ทุกหันมาเกลียด หวังจะให้พวกเขาเพ่งเล็งมายังเจ้าคนเดียว เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้น จะได้ไม่มีใครไปรังควานน้องสาวที่นครอานุภาพ”

เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากยิ้มโดยไม่กล่าวว่าอะไร

หญิงสาวได้แต่มองนิ่งนาน ก่อนจะขยับเข้าใกล้เยี่ยฉวน แล้วหย่อนกายลงนั่งข้างๆ พลางยื่นเท้าลงไปในแอ่งน้ำแล้วแกว่งเท้าไปมาเบาๆ

ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งขัดสมาธิ ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอีกฝ่าย ซึ่งนางก็มิได้หลบหนีไปแต่อย่างใด

ไม่มีใครสามารถทำลายสิ่งกีดขวางที่คนชั้นหกสร้างขึ้น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีพลังเหนือกว่าขั้นไขว่คว้าเต๋าก็ตาม แม้แต่คนที่พลังสูงกว่าขั้นไขว่คว้าเต๋ายังไม่อาจทำลายได้สำเร็จ

พลันถังชิงถามขึ้นมาเสียงดัง “ขอถามหน่อยว่าใครเป็นคนสร้างสิ่งกีดขวางพลังของข้า?”

เยี่ยฉวนตอบพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “ผู้อาวุโสท่านหนึ่งน่ะ”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version