บทที่ 554 วินาทีสังหาร! (ปลาย)
เมืองอวิ๋นคง!……
เยี่ยฉวนนิ่งคิดเพียงนิดเดียว จากนั้นจึงตอบว่า “ตกลง!” ……
เมืองอวิ๋นคง!..
เขาไม่เคยลืมชื่อของเมืองเมืองนี้แม้สักชั่วขณะหายใจ ด้วยลู่เฟิงและบุตรชายของมันเคยคิดร้ายกับเยี่ยหลิงครั้งก่อนนั่นเอง!
เสียงจ้านเถี่ยพูดมาอีกว่า “อย่ามาโทษข้าทีหลังว่าไม่เตือนเจ้า ที่นั่นเต็มไปด้วยยอดฝีมือซึ่งไม่มีใครรู้จัก ถ้าเจ้าจะไปที่นั่น อาจไม่ได้กลับมาอีกเลยก็เป็นได้!”
จากนั้นคนพูดก็กลับออกจากหอโถง
และไม่นานนักเยี่ยฉวนตามหลังออกไป!
ชายหนุ่มออกจากสำนักชางเจี้ยน และมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองอวิ๋นคงทันที
แน่ละคนอย่างเขาต้องมีชั้นเชิงกันบ้าง!
จึงไม่ปรารถนาจะทำตัวให้เป็นที่จับสังเกต!
ราวสองก้านธูปต่อมาเยี่ยฉวนได้เข้าสู่เขตเมืองอวิ๋นคง ที่นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเขตปกครองของสำนักผู้ตรวจการเขตแดน ด้วยทุกปีสำนักผู้ตรวจการเขตแดนจะได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจากเมืองแห่งนี้
ภายในเมืองยังประกอบด้วยกองกำลังอื่น หากทว่าทุกกองกำลังที่นี่ล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนด้วยกันทั้งสิ้น
การจะลักลอบเข้าไปในเมืองเยี่ยฉวนจึงต้องใช้พลังชี่โกลาหล จึงสามารถไปถึงยังจวนเจ้าเมืองได้ ซึ่งในเวลานี้มีการวางเวรยามอย่างเข้มงวดกวดขัน ตามมุมอาคารปรากฏพลังจิตตรวจตรา แผ่กระจายเป็นครั้งคราว
ถึงกระนั้นพลังจิตตรวจตราก็ไม่ละเอียดพอที่จะค้นพบพลังชี่โกลาหลของเยี่ยฉวน
จากนั้นเพียงหนึ่งก้านธูป ชายหนุ่มก็กลับออกมาจากจวนเจ้าเมือง
ที่มุมตึกแห่งหนึ่งบริเวณนอกจวนเจ้าเมือง เยี่ยฉวนยืนนิ่งงันใบหน้าหมองคล้ำ ด้วยเขาเข้าไปค้นจนทั่วหาได้พบแม้แต่ร่องรอยของสิ่งที่ตนกำลังตามหาไม่!
จากนั้นชายหนุ่มจึงคิดได้ว่า ลู่เฟิงอาจเก็บซ่อนสมบัติล้ำค่านั้นไว้กับตัว
ถ้าเขาต้องการหม้อต้มหว่านฉี ก็ต้องสังหารลู่เฟิง
ทว่าลู่เฟิงมีขั้นพลังควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริง!
ลอบสังหาร!
ทันทีที่คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ว่าจะกระทำลอบสังหารคนผู้นั้นโดยไม่ลังเล
เมื่อเขาดอดเข้าไปในจวนเจ้าเมืองอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็สามารถแอบเข้าไปในห้องพักของลู่เฟิงได้สำเร็จ ทว่าในนั้นว่างเปล่าไม่ปรากฏตัวเจ้าของห้อง!
ชายหนุ่มขยับเข้าไปที่มุมห้องขณะมองกวาดสำรวจไปรอบๆ ในที่สุดจึงตัดสินใจเลือกตำแหน่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูพอดี
ทันทีที่ลู่เฟิงย้อนกลับเข้ามาและผลักบานประตู ก็จะเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง!
ชายหนุ่มขยับมือข้างขวาที่ถือกระบี่ไว้มั่นและไม่กล้าปลดปล่อยพลังปณิธานกระบี่และแรงผลักกระบี่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากเกิดการปะทะเขาจะต้องผลักออกพลังทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที!
จะต้องใช้พลังกระบี่เดียวในการสังหาร!
มิเช่นนั้น อาจพลาดถูกรุมล้อม!
ที่จวนพักของเจ้าเมืองมีเวรยามยอดฝีมือขั้นควบยุทธ์สะท้านภพอย่างน้อยสามคน! หากถูกรุมคงยากที่จะฝ่าวงล้อมออกไปได้!
คอย!
ในเวลานี้จึงทำได้แค่คอย!
ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงยืนนิ่งโดยไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ประหนึ่งกลายเป็นประติมากรรมรูปปั้นอยู่ที่ด้านหลังประตูนั้นเอง
คืนหนึ่งผ่านไป และไม่มีทีท่าว่าลู่เฟิงจะกลับมายังห้องพัก ทว่าชายหนุ่มยังคงคอยอยู่ที่เดิม
คืนต่อมาลู่เฟิงก็ยังไม่กลับ เยี่ยฉวนไม่ออกจากที่นั่นและยังคงคอยอยู่เช่นเดิม
คืนที่สามผ่านไป……
คืนที่สี่ก็แล้ว……
เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้กระทั่งคืนที่ห้า มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกประตู
เยี่ยฉวนยืนนิ่งไม่ไหวติง!
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาทุกทีๆ ขณะเดียวกันเสียงหัวใจของเยี่ยฉวนก็ดังระรัว ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหยุดตรงหน้าประตู
ต่อมามีเสียงพูดดังมาจากด้านนอกประตูว่า “เจ้าเป็นใคร! แอบเข้ามาในห้องข้าทำไม?”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยฉวนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
เขารู้?
รู้ได้ยังไง?
ขณะที่เยี่ยฉวนครุ่นคิดด้วยความรู้สึกสับสนอยู่นั้น พลันต่อมาเขาค่อยๆ ข่มสติอารมณ์ให้ใจเย็นลง
เป็นไปไม่ได้……
เจ้าหมอนั่นจะหาเขาเจอได้อย่างไรเป็นไปไม่ได้แน่!
ทันใดนั้นบานประตูเปิดผลัวะออกอย่างแรง
ลู่เฟิงยืนอยู่ที่หน้าประตู
เขาก้าวเท้าผ่านเข้าช่องประตูมา ทว่าทันใดนั้นเขารับรู้ถึงความผิดปกติ ลู่เฟิงสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิงและขณะกำลังจะก้าวถอยหลังนั้นเอง พลันปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งฟาดจากข้างบนลงมาที่ศีรษะ
พลังฟาดจู่ๆ เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณใดๆ
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
จังหวะเดียวกับลู่เฟิงก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เยี่ยฉวนได้ผลักออกทักษะกระบี่หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา ยิ่งกว่านั้นยังเสริมด้วยพลังปณิธานกระบี่และแรงผลักกระบี่ซึ่งผลักออกในคราวเดียวกัน!
สำหรับลู่เฟิง พลังฟาดชนิดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและน่ากริ่งเกรงยิ่ง!
ในช่วงเวลาเป็นกับตายเท่ากัน สัญชาตญาณของลู่เฟิงทำให้ยกแขนขึ้นสกัดกั้นพลังกระบี่ที่ฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว
กระบี่ฟาดรุนแรง!
ฉัวะ!
แขนข้างนั้นของลู่เฟิงขาดกระเด็น!
กระบี่ตวัดลงมาคนจึงถอยกรูดอย่างไม่คิดชีวิต ถึงกระนั้นส่วนที่กำลังล่าถอยเป็นดวงวิญญาณหาใช่กายเนื้อของเขาไม่!
ฉัวะ!
กระบี่ของเยี่ยฉวนฟาดจากบนลงล่าง และตวัดเฉือนอย่างรวดเร็วกระทั่งร่างกายเนื้อของลู่เฟิงกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ทว่าดวงวิญญาณถอยร่นหลุดไปไกลกว่า 30 ชุ่น และพยายามหลีกหลบหมันตภัยพลังฟาดชนิดหัวซุกหัวซุน!
ในตอนนั้นเองเยี่ยฉวนพุ่งตัวไปข้างหน้า พร้อมเสือกกระบี่แทงสวบออกไป!
หนึ่งกระบี่พิฆาตวิญญาณ!
ทักษะพลังกระบี่ที่ว่ารังสรรค์ขึ้นมาเพื่อกำจัดดวงวิญญาณหรือจิตโดยเฉพาะ!
เมื่อกายเนื้อถูกทำลายจนสิ้น ลู่เฟิงจึงสูญเสียความแข็งแกร่งอย่างสิ้นเชิง ยามนี้เขาจะต้านทานพลังกระบี่ที่ใช้กำจัดดวงวิญญาณโดยเฉพาะของเยี่ยฉวนเช่นนี้ได้อย่างไร?
การรับรู้สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของพลังกระบี่ จิตของลู่เฟิงเกิดความหวาดกลัวและต้องการหลบหนีตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตามกระบี่ของเยี่ยฉวนก็รวดเร็วหาใดเปรียบ
ฉัวะ!
กระบี่เสียบทะลุกึ่งกลางหน้าผาก ดวงวิญญาณของลู่เฟิงกลับกลายเป็นพร่าเลือน!
เยี่ยฉวนชะงักหยุด เขาโบกมือข้างหนึ่งพลันวงแวนสัมภาระของอีกฝ่ายก็ปลิวมาตกลงบนฝ่ามือ จากนั้นชั่วไม่กี่อึดใจทั้งคนทั้งของได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยประดุจภูตผีปีศาจ
ทันทีที่เยี่ยฉวนคล้อยหลังไป ปรากฏมีชายชราสองคนขึ้นมาแทนที่
ยอดฝีมือขั้นควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริง!
สายตาของทั้งคู่มองกวาดไปเห็นร่างย่อยยับกระจัดกระจายของลู่เฟิง คนต่างหันไปมองหน้ากันพลันชั่วพริบตาสีหน้าของทั้งสองกลายเป็นเผือดซีด!
