Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 210

№ 210 หลงมายังสนามฝึกวิชา

“เป็นที่ใด?”

เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาด้วยความสงสัย “ข้าเห็นว่าในป่ามีธงเล็กหลากสี หนำซ้ำเดินมาครึ่งค่อนวันก็ยังออกไปไม่ได้ ที่นี่เป็นที่ใดกันแน่?”

ได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดทั้งสองคนก็เชื่อว่ามาถามทาง ตอนนี้ถึงจะถอนหายใจหนักๆ ชายหนุ่มที่ค่อนข้างอ้วนถลึงมองเด็กหนุ่ม เอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ข้าว่าน้องชายก็ใจร้ายเหลือเกิน ไล่ตามพวกเรามาเสียนานเพื่อถามทาง? ทำเอาพวกข้าตกใจแทบตาย”

“เอ่อ…ที่นี่เป็นที่ใดกันแน่? ทำไมเห็นข้าแล้วต้องสับขาวิ่งหนีด้วย?” เฟิ่งจิ่วถามอย่างไม่เข้าใจ

“ที่นี่เป็นสนามฝึกวิชา ภายในป่าผืนนี้มีพวกคนร้ายกับผู้ฝึกวิชามารที่ทั้งสามสำนักรวมถึงสำนักศึกษาหมอกดาราจับตัวมาหลายปี พวกเราเป็นผู้ฝึกตนจากสำนักเดียวกัน เข้ามาฝึกวิชาเหมือนๆ ผู้ฝึกตนสำนักอื่นและสำนักศึกษาหมอกดารานั่นแหละ”

“เช่นนั้นพวกท่านหนีอะไรกัน?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น ที่นี่เป็นสนามฝึกวิชางั้นรึ? มิน่าก่อนหน้านี้เธอถึงผ่านค่ายกลมามากมายเพียงนั้น ซ้ำยังมีเขตอาคมคุ้มกันนั่นอีก

หากไม่ใช่เพราะมีของวิเศษห้วงมิติติดตัว เดาว่าคงผ่านเขตอาคมนั้นมาไม่ได้แน่

“หากไม่ใช่เพราะพวกผู้ฝึกตนสมควรตายจากสำนักบุปผาหยกคิดจะปล้นสะดมและฆ่าคนล่ะก็!”

หนุ่มอ้วนผู้นั้นพูดด้วยความโมโห สีหน้าขุ่นเคือง “เดิมทีพวกเราพี่น้องสองสามคนร่วมทางมากับคนพวกนั้น ตลอดทางสังหารสัตว์ร้ายและวายร้ายผู้ฝึกฝนวิชามารได้ไม่น้อย แบ่งปันสิ่งของกันมากมาย แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเกิดความโลภ ละเมิดข้อตกลงระหว่างสำนักอื่นๆ และสำนักศึกษา ยังบอกอีกว่าฆ่าล้างไปก็ไม่มีใครรู้ คนเลวทรามสมควรตายพวกนั้น! พวกเราออกไปแล้วจะรายงานกับท่านอาจารย์เพื่อทวงคืนความยุติธรรมแน่นอน!”

“อ้อ!” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า แสดงท่าทีว่าเข้าใจ ถามอีกว่า “พวกท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าจะออกไปได้ยังไง?”

“อยากออกไปไม่ง่ายดายเช่นนั้น” ทั้งสองกล่าวอย่างท้อใจ “ที่นี่วางเขตอาคมไว้คนภายนอกเข้ามาไม่ได้แน่ พวกด้านในนี้เองก็ออกไปไม่ได้…”

สิ้นเสียง ทั้งสองก็คล้ายจะตั้งสติกลับมาได้ มองเฟิ่งจิ่วด้วยความตกตะลึง “เจ้าเข้ามาได้ยังไง เจ้าไม่ใช่คนของสำนักวิชาหรือสำนักศึกษา ไม่ใช่ผู้ร้ายหรือผู้ฝึกวิชามาร แล้วเจ้าเข้ามาได้ยังไง?”

เฟิ่งจิ่วลูบๆ คาง คิดไปคิดมาก็ชำเลืองมองทั้งสอง เอ่ยว่า “อันที่จริงข้าบอกพวกท่านแล้วกัน ข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาหมอกดารา แต่กระทำผิดโดยไม่ระวัง ถึงถูกสบโอกาสทำให้สลบแล้วโยนเข้ามา ดังนั้นแม้แต่ที่นี่คือที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย”

“เจ้าเป็นศิษย์สำนักศึกษาหมอกดารา?” ชายหนุ่มคนที่ผอมหน่อยมองมาด้วยใบหน้าเคลือบแคลงใจ “งั้นทำไมเจ้าถึงไม่สวมชุดลูกศิษย์ของสำนักศึกษาหมอกดารา?”

เฟิ่งจิ่วกลอกตา เอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “ก็บอกว่าข้าถูกทำให้สลบแล้วโยนเข้ามาไง จะสวมชุดลูกศิษย์ได้อย่างไร?”

ทั้งสองไม่รู้เรื่องภายในสำนักศึกษาหมอกดารามากนัก ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ค่อยคิดว่าด้านในนี้วางเขตอาคมไว้เป็นไปไม่ได้ที่คนภายนอกจะหลงเข้ามา คงเป็นอย่างที่เด็กหนุ่มพูดจริงๆ

เขาทำผิดจึงถูกโยนเข้ามาข้างใน ทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนไม่ถามอะไรอีก

หนุ่มอ้วนมองเฟิ่งจิ่ว กล่าวว่า

“จะต้องออกไปต้องสะสมแต้มประสบการณ์ให้ครบหนึ่งพัน ข้าว่าอย่างเจ้านี่ เดาว่าคงไม่มีแม้แต่ป้ายหยกประสบการณ์”

พูดได้เลยว่าเฟิ่งจิ่วเหมือนคนตาบอด ไม่รู้เรื่องสำนักศึกษาหรือสำนักวิชาพวกนั้นเลยจริงๆ ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ จึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างอดไม่ได้

“สะสมยังไง? เกี่ยวอะไรกับป้ายหยกประสบการณ์ด้วย?”

ได้ยินถึงตรงนี้ มุมปากทั้งสองคนก็กระตุก มองอีกฝ่ายอย่างเวทนา

“ข้าว่านะน้องชาย แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้ เจ้าคงไม่ได้เป็นแค่ศิษย์ชุดฟ้าที่ระดับต่ำสุดในสำนักศึกษาหมอกดาราหรอกกระมัง?”

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version