Skip to content
Home » Blog » กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 918

กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 918

ตอนที่ 918 โชคชะตาที่มหัศจรรย์เกินบรรยาย (3)

ซูฉินพบว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่เขาพยักหน้า

“เธอดูเหมือนกับประมุขเทพธิดาอเวจีที่เกลียดพี่ใหญ่จนถึงแก่นหลังจากที่เจ้าปล้นบ้านของเธอ”

หลังจากพูดอย่างนั้น ซูฉินก็กล่าวเสริม

“พี่ใหญ่ เจ้ายังมีเสื้อผ้าของเธออยู่หรือเปล่า?”

สีหน้าของกัปตันดูแปลกไปเล็กน้อย บางครั้งก็น่ากลัว และบางครั้งก็นึกไม่ถึง ซูฉินเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเขา

“ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอ…” ซูฉินลังเล

กัปตันถอนหายใจยาว และขมขื่น

“คนๆ นั้นอาจจะเป็น… ร่างในชาติก่อนของข้า”

แม้ว่าอู๋เจี้ยนหวู่ และ หนิงหยางจะไม่รู้จักประมุขเทพธิดาอเวจี แต่พวกเขาก็คาดเดาได้ไม่มากก็น้อยเมื่อได้ยินคำพูดของซูฉิน ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงหายใจเข้าลึกๆ

“ขอแสดงความยินดีกับงานแต่งงาน พี่ใหญ่!” หนิงหยางลังเลและพูดเบาๆ

“จิตใจของข้าก็ปั่นป่วน โลเล ข้ารู้สึกมึนงงสับสน เมื่อวานเจ้าและข้าทะเลาะกัน แต่วันนี้เราอยากแก่เฒ่าไปด้วยกัน รักแท้ที่ตามหา!”

อู๋เจี้ยนหวู่รู้สึกประทับใจ ในใจของเขามีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับโชคชะตาเกิดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งบทกวี

ซูฉินยังคงนิ่งเงียบ กัปตันก็เช่นกัน

“แล้วถ้าพวกเขามีลูก พี่ใหญ่เออร์หนิว เด็กจะเรียกเจ้าว่าอะไร?” หนิงหยางไม่เต็มใจที่จะพลาดโอกาสนี้ และถามด้วยเสียงต่ำ

เส้นเลือดโป่งบนหน้าผากของกัปตัน

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ อู๋เจี้ยนหวู่ก็เลิกรังเกียจหนิงหยางชั่วคราว หลังจากไตร่ตรองจากด้านข้างแล้ว เขาก็มองไปที่กัปตันอย่างสื่อความหมาย

“ลูกเอ๋ย พ่อของเจ้าไม่ใช่ข้า แต่แม่ของเจ้าเป็นภรรยาข้า เจ้าถามว่าลูกของข้าควรเรียกข้าว่าอะไร พ่อเลี้ยง หรือแค่พ่อ!”

ขณะที่อู๋เจี้ยนหวู่พูดจบ กัปตันก็ต่อยออกไป ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม อู๋เจี้ยนหวู่คร่ำครวญ และร่างของเขาก็ร่อนลงห่างออกไปหนึ่งพันฟุต

หนิงหยางกำลังจะหลบหนี แต่กัปตันเตะเขาไป หลังจากส่งเขาไปร่วมกับ อู๋เจี้ยนหวู่ แล้วดวงตาของกัปตันก็แดงก่ำขณะที่เขามองดูท้องฟ้า

การจ้องมองของซูฉินเผยให้เห็นความเห็นอกเห็นใจ เขารู้ดีว่าอารมณ์ของกัปตันต้องซับซ้อนอย่างมากในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงตบไหล่ของอีกฝ่าย

เป็นเวลานานต่อมา กัปตันก็ร่ำไห้คร่ำครวญ

“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!”

“เหตุใดประมุขเทพธิดาอเวจีจึงเห็นคุณค่าของร่างในชาติก่อนของข้า!” สีหน้าของกัปตันมีความซับซ้อนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด

“พี่ใหญ่ เจ้าไม่ต้องเสียใจจริงๆ แล้ว ถ้าประมุขเทพธิดาอเวจีรู้ความจริง เธอก็จะรู้สึกซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” ซูฉินรู้วิธีปลอบโยนผู้คนและชักจูงจากด้านข้าง

คำพูดนี้ได้ผลจริงๆ เมื่อกัปตันได้ยิน เขาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หายเศร้าและกัดฟัน

“ทุกอย่างปกติดี เมื่อมองดูจากตอนนี้ ข้ามั่นใจแล้วว่าร่างในชาติก่อนของข้าถูกครอบงำโดยวิญญาณสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสิ่งของที่ฝังร่วมกับศพของข้าในตอนนั้น”

“ส่วนจะเป็นชิ้นไหนข้าก็ยังไม่แน่ใจ”

“ข้าจะเอามันเก็บมาให้ได้ ตราบใดที่ข้าสัมผัสมันได้ ฮึ่ม!” ความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของกัปตันขณะที่เขาดึงซูฉินไปด้วยเพื่อพูดคุย

การทำเช่นนี้ค่อนข้างยาก ประการแรก ออร่าที่ปล่อยออกมาจากประมุขเทพธิดาอเวจีนั้นชัดเจนที่สลักวิญญาณขั้นสมบูรณ์

นี่สอดคล้องกับรายงานการต่อสู้ที่ซูฉินได้อ่านเกี่ยวกับการหายตัวไปของประมุขเทพธิดาอเวจีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ

“การหลบหนีของเธอจงใจทำให้เป็นไปได้โดยผู้อาวุโสใหญ่ของมณฑลหยิงหวงเพื่อควบคุมองค์ชายเจ็ด เดิมทีข้าคิดว่าเธอถูกผู้อาวุโสใหญ่ควบคุมตัวไว้อย่างลับๆ แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว เขาปล่อยเธอไปจริงๆ”

“อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสใหญ่ต้องเตรียมการอื่นไว้แล้ว”

“น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากเขตเฟิงไห่มากเกินไป ไม่อย่างนั้นข้าก็ถามเขาได้”

ซูฉินคิดและพูด

กัปตันหรี่ตาลง และพูดช้าๆ

“สำหรับร่างในชาติก่อนของข้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ไม่มีความผันผวนของอาคมเลย ซึ่งสอดคล้องกับการคาดเดาของข้า ท้ายที่สุดเขาตายไปนานแล้ว วิญญาณที่เข้าสิงครอบครองได้เพียงเปลือกนอกเท่านั้น”

“ความแข็งแกร่งทางกายภาพของร่างในชาติก่อนของข้าก็เทียบได้กับสลักวิญญาณ ขั้นสมบูรณ์”

กัปตันขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถจัดการกับร่างในชาติก่อนได้ ตอนนี้ก็มีประมุขเทพธิดาอเวจีด้วย ด้วยเหตุนี้ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสัมผัสกับร่างของอีกฝ่ายได้

“ตัดสินจากความใกล้ชิดระหว่างประมุขเทพธิดาอเวจี และร่างในชีวิตก่อนของพี่ใหญ่ อัตลักษณ์ในเวลานี้ของเขาควรเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งของเทือกเขาไร้สิ้นสุด ซวนหมิงซี”

“แต่ข้าสับสนเล็กน้อย ทำไมประมุขเทพธิดาอเวจีถึงอยู่ที่นี่? ทำไมเธอถึงตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นถึงขนาดนั้น?”

ซูฉินยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่กัปตัน

“เราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับซวนหมิงซีคนนี้”

“ข้ามีข้อมูลเกี่ยวกับเขา แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะไม่ได้สนใจมดตัวเล็กๆ เหล่านี้ แต่ข้าก็รวบรวมมาบ้างระหว่างทาง” ขณะที่กัปตันพูด เขาก็เปิดถุงเก็บของค้นดูในนั้น ในไม่ช้า เขาก็พบใบหยกที่มีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับซวนหมิงซี

อีกฝ่ายได้ก่อตั้งนิกายหนึ่งในเทือกเขาไร้สิ้นสุดที่เรียกว่านิกายลี้ลับ

(***ซวนหมิงแปลว่า ชีวิตลี้ลับ)

คนผู้นี้อยู่ในความสันโดษในนิกายตลอดทั้งปีไม่ค่อยออกไปข้างนอก ใครๆก็จินตนาการได้ว่าสถานที่บ่มเพาะของเขาจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ความเสี่ยงในการแทรกซึมมีมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายค้นพบพวกเขา สถานการณ์ของซูฉินและคนอื่นๆจะอันตราย อย่างยิ่ง

ดังนั้น หลังจากที่ซูฉินพูดคุยกับกัปตัน พวกเขาตัดสินใจว่าพวกเขาจะต้องใช้กลอุบายบางอย่าง

“พี่ใหญ่ ร่างในชาติก่อนของเจ้า และงานแต่งงานของประมุขเทพธิดาอเวจี…” ซูฉินจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดลึกๆ ขณะที่แผนการปรากฏขึ้นอย่างลึกลับในใจ ของเขา

เมื่อกัปตันได้ยินดังนั้นเขาก็มีความรู้สึกไม่ดี

“พี่ใหญ่ ประมุขเทพธิดาอเวจีจะไปที่สระวิญญาณของนิกายบุปผาหยินหยางเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อชำระล้างใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้น เราต้องคิดหาวิธีจับตัวเธอ”

“หลังจากนั้น พี่ใหญ่ เจ้าต้องปลอมตัวเป็นประมุขเทพธิดาอเวจี”

ขณะที่ซูฉินพูดสิ่งนี้ ดวงตาของกัปตันก็เบิกกว้าง อู๋เจี้ยนหวู่ และหนิงหยางกลับมาแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทั้งคู่ก็แสดงสีหน้าตื่นเต้น โดยเฉพาะหนิงหยางที่อดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความสุข แต่ยังกังวลเกี่ยวกับการถูกทุบตี ดังนั้นเขาจึงบังคับตัวเองอย่างแข็งขัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version