ตอนที่ 967 ตกดวงอาทิตย์ในแม่น้ำสังเวยหยิน (1)
ในภูมิภาคจันทร์บวงสรวงทั้งหมด ยกเว้นเทือกเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ติดกับดินแดนด้านนอก ล้วนถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำสังเวยหยิน
แม่น้ำสายนี้เปรียบเสมือนเส้นกั้นที่โอบล้อมทุกสิ่งเหมือนวงกลม
สถานที่ๆ ซูฉินมาถึงในขณะนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูมิภาคจันทร์บวงสรวง มีภูเขามากมายและพืชพรรณกระจัดกระจายที่นี่ เนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ำ ลมที่พัดจากแม่น้ำสังเวยหยินจึงส่งกลิ่นอายแห่งความตาย และการเสื่อมสลายกระจายไปทุกทิศทุกทาง
ในบรรยากาศที่มืดมนนี้ เสียงที่พัดมาตามสายลมดูเหมือนจะทำลายความ เศร้าโศกที่นี่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศชั่วขณะหนึ่ง
ซูฉินดูแปลกใจเล็กน้อย หลิงเอ๋อก็มองไปข้างหน้าอย่างเขินอายและพูดอย่างเงียบๆ
“พี่ซู พวกเขากำลังทำอะไรอยู่?”
หลังจากพูดจบ เธอก็เอาปกเสื้อของซูฉินปิดหน้า
หลี่โหยวกงที่อยู่ด้านข้างเขาไม่เคยรู้เลยว่าซูฉินจะพาเขาไปที่ไหน ในขณะนี้ บนฝั่งแม่น้ำสังเวยหยิน เมื่อฟังเสียงที่มาจากระยะไกลสีหน้าของเขาก็แปลกเล็กน้อย เขาก็ก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของซูฉิน ในการให้ยาแก้คำสาปมากมายแก่เขา และความเด็ดขาดของอีกฝ่ายในการปฏิเสธจิ้งจอกแสนสวยนั่น
“คงไม่…” หลี่โหยวกงปลอบใจตัวเองด้วยอาการสั่นสะท้านในใจ
ซูฉินไม่เข้าใจความวิตกกังวลของเขา ในขณะนี้เขามองไปในระยะไกล และสังเกตสภาพแวดล้อมของเขา
มีข้อจำกัดในพื้นที่นี้
นอกเหนือจากการปกปิดแล้ว หน้าที่ของข้อจำกัดนี้ยังหมายถึงการแบ่งแยก ไม่เพียงแต่จากเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจากการมองเห็นด้วย
เมื่อซูฉินเข้ามาใกล้ก่อนหน้านี้ เขารับรู้ได้แล้วและเห็นว่ามันถูกสร้างด้วยเลือดของกัปตัน มีออร่าของเขาด้วย เพื่อที่เขาจะได้ก้าวเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรค
ดวงตาของซูฉินเต็มไปด้วยความคิด หลังจากเดินไม่กี่ก้าว เขาก็ย่อตัวลง และ ยกมือขึ้นแตะพื้น
ตามการวิเคราะห์ของเขา สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแกนกลางของข้อจำกัดนี้
ในขณะที่มือของซูฉินกำลังสัมผัสโดน ทันใดนั้นมีดวงตาโผล่ออกมาจากกรวด บนพื้นและ กะพริบตามองไปที่ซูฉิน จากนั้นดวงตาที่คล้ายกันก็ปรากฏขึ้นใน ทุกทิศทาง
หนอนสีฟ้าบางตัวก็คลานออกมาเช่นกัน
ขอบเขตนั้นใหญ่มากจนครอบคลุมระยะทางหลายพันลี้ สิ่งนี้ทำให้หลี่โหยวกง ใจสั่นราวกับว่าเขากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขารู้สึกได้ว่าความแปลกประหลาดของสถานที่แห่งนี้น่าสะพรึงกลัวมากกว่าลมสีขาวเสียอีก
ในทำนองเดียวกัน ทั้งหมดนี้กระตุ้นซูฉินด้วยเช่นกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำอยู่ในใจ
“เมื่อพี่ใหญ่จากไป เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ … สิ่งเล็กๆ อะไรกินพื้นที่กว้างหลายพันลี้?”
เมื่อซูฉินกำลังไตร่ตรองอยู่ที่นี่ ดวงตาเหล่านั้นและหนอนสีน้ำเงินต่างก็สั่น และ ส่งเสียงพร้อมอารมณ์แปรปรวน และเขาได้ยินเสียงของกัปตันจากพวกมัน
“ฮ่าๆๆ เสี่ยวฉิน เจ้ามาแล้ว มานี่เร็วเข้าช่วยเราดึงมันออกมา!”
ซูฉินมองอย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่ลังเลเลย เขาแกว่งตัวเดินไปข้างหน้า ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า ดวงตาและหนอนบนชายฝั่งเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วกระจายออกไป
เมื่อซูฉินมุ่งหน้าไปต่อไป เสียงหอบในหูของเขาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งธูปผ่านไปครึ่งก้าน เขารู้สึกได้ว่าเขาได้เข้าไปในเยื่อหุ้มบางอย่างเหมือนม่านน้ำ สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ที่นี่ สะท้อนอยู่ในดวงตาของซูฉิน
สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของซูฉิน คือวัตถุขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งในระยะไกล
นี่คือวัตถุที่มีรูปทรงเหมือนประตูขนาดใหญ่ ทำด้วยหินสีบรอนซ์ สูงสามพันฟุต กว้างหนึ่งพันฟุต มันถูกสร้างขึ้นบนริมฝั่งแม่น้ำ เหมือนกับยักษ์โบราณเต็มไปด้วย แรงกดดันและแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่
เมื่อเขามองอย่างระมัดระวัง เขาสามารถเห็นอักษรรูนโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนที่แกะสลักไว้บนหินสีบรอนซ์ซึ่งอัดแน่นไปทั่ว ให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนแก่ผู้คน
สิ่งที่ทำให้ซูฉินตกใจมากที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในกรอบประตูไม่ใช่ประตู แต่เป็น สิ่งแปลกๆ ที่ทำจากโลหะสีดำล้อมรอบด้วยวงแหวน
วงแหวนบนและล่างมีขนาดเล็กที่สุด ส่วนตรงกลางใหญ่ที่สุด เหมือนน้ำพุรูปทรงกรวย
มันเปื้อนไปด้วยสนิม มีหยดน้ำสีแดงจากแม่น้ำในบางจุด ราวกับว่ามันถูกดึงออกจากแม่น้ำสังเวยหยินเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อมองดูวัตถุนี้ ซูฉินไม่สามารถเดาได้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นเขาจึงมองไปยัง ริมแม่น้ำซึ่งกัปตัน อู๋เจี้ยนหวู่และหนิงหยางอยู่
พวกเขาทั้งสามเข้าแถวในแนวตั้งโดยมีกัปตันอยู่ข้างหน้าถือเถาวัลย์อยู่ในมือ ร่างของเขาโค้งตัวและเขาก็ดึงต่อไป
ข้างหลังเขาคือ อู๋เจี้ยนหวู่ และทายาทของเขา แต่ละคนดึงเถาวัลย์อย่างแรง
ส่วนหนิงหยางอยุ๋ท้ายสุด เขานั่งบนพื้นกางขากว้าง ส้นเท้าจมอยู่ในทราย ขณะใช้กำลังก็จับเถาวัลย์ในท้องด้วยมือทั้งสองข้าง เขาคร่ำครวญพยายามอย่างหนัก และกรีดร้องในเวลาเดียวกัน
“ไม่ มันกำลังจะขาดจริงๆ…”
เถาวัลย์เชื่อมต่อกับสะดือของเขา และแผ่ออกไปยาวมาก ขยายไปแม่น้ำสังเวยหยิน ที่อยู่ตรงหน้า
ขณะที่พวกเขาดึง น้ำในแม่น้ำก็ปั่นป่วนดูเหมือนว่ามีวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ถูกดึงขึ้นมาทีละน้อยจากก้นแม่น้ำ
“เสี่ยวฉิน มาช่วยเถอะ”
กัปตันส่ายผม ปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก แล้วตะโกนบอกซูฉิน
อู๋เจี้ยนหวู่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูฉินที่หอบ
ในทางกลับกัน หนิงหยางรู้สึกหมดหนทาง และเริ่มร้องไห้
“ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย…”
เกือบจะในเวลาเดียวกันในขณะที่เขาพูด แสงก็พุ่งออกมาจากซูฉิน มันคือนกแก้ว ในขณะนี้ มันมีขนที่ยังไม่งอกเต็มที่บนตัวของมัน มันดูเรียบๆ น่าเกลียดกว่าเดิม
มันบินไปหาอู๋เจี้ยนหวู่ทันที ร้องไห้เหมือนเด็กที่หนีจากปีศาจและได้เห็นครอบครัวของตน
“พ่อ ข้านึกว่าจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้ว”
แต่ก่อนที่มันจะคร่ำครวญถึงประสบการณ์นั้น พ่อของมันส่ายหัวแล้วคำราม
“มาช่วยข้าดึง!”
นกแก้วอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกเศร้าและโกรธในใจ รู้สึกว่าตนไม่ควรเกิดมาในโลกนี้ แต่เมื่อพ่อพูด มันก็ไม่กล้าขัด มันทำได้เพียงเข้ามาช่วยเท่านั้น
แม้ว่าซูฉินจะสับสน แต่เขาก็ก้าวไปข้างกัปตันคว้าเถาวัลย์แล้วดึงอย่างสุดกำลัง
หลี่โหยวกงก็มาช่วยอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยิ้มให้อู๋เจี้ยนหวู่เหลือบมอง หนิงหยางแล้วมองไปที่กัปตัน เขาวิเคราะห์ในใจทันทีว่าใครมีสถานะสูงสุดในบรรดาทั้งสามคน
การรวมพลังกันทำให้เกิดแรงดึง น้ำในแม่น้ำปั่นป่วนอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงคำราม มีวงแหวนขนาดใหญ่ปรากฏบนแม่น้ำในระยะไกล