ตอนที่ 108-3
ยื่นหน้าเข้ามาขนาดนี้แล้ว จะไม่ตบได้อย่างไร
ทันทีที่โอสถเข้าไปในปากก็ละลายโดยไม่จำเป็นต้องกลืน เพราะโอสถนั้นเมื่อเข้าไปในปากก็จะกลายเป็นไอร้อนไหลไปทั่วทั้งร่างกายของฮูหยินเว่ย กระจายไปที่ชีพจรทั่วตัวอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นร่างกายของฮูหยินเว่ยก็เกิดอาการกระตุกอย่างรุนแรง เหงื่อเม็ดโตทำให้เส้นผมรวมทั้งเสื้อผ้าของนางเปียกปอน
เพราะระดับความรุนแรงในการกระตุกของร่างกาย สีหน้าของนางจึงซีดเผือดลงเรื่อยๆ ลมหายใจขาดๆ หายๆไม่เป็นจังหวะ
สายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอคอยจับจ้องนางอยู่และมองเห็นทุกปฏิกิริยาของนาง ในทุกๆ วินาที แห่งความอันตราย นางมักจะบอกว่า “ฮูหยิน สามีและลูกๆ ของท่านกำลังรอท่านอยู่ ท่านสามารถทนเห็นพวกเขาผิดหวังได้อย่างนั้นหรือ”
ในทุกๆ ครั้งที่พูดจบ ลมหายใจของฮูหยินเว่ยก็จะเป็นปกติขึ้นมาในทันที ราวกับมีพลังบางอย่างที่เข้าไปช่วยเสริม
ภายในสวน เว่ยหลินหลางยืนอยู่กับที่ ร่างกายราวกับถูกสะกด จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เขาเม้มปากแน่น มีเพียงข้อนิ้วที่ขึ้นข้อขาวเท่านั้นที่แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดและเป็นกังวลของเขาในตอนนี้
เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านเดินไปเดินมาและคอยยื่นคอออกไปดูประตูที่ถูกปิดสนิท ในตอนนี้ นอกจากความกังวลแล้วก็ไม่มีความรู้สึกอันใดเลย
พวกเขาทั้งหวังให้มู่ชิงเกอปรากฎตัว แต่ก็กลัวการปรากฎตัวของเขา
เพราะว่า การปรากฎตัวของเขานั้นหมายถึง ความเป็นไปได้สองประการ หากไม่ใช่ท่านแม่หายจากอาการป่วย ก็คือท่านแม่ได้สิ้นชีพลงแล้ว พวกเขาหวังให้ เป็นอย่างแรกและปฏิเสธอย่างหลังอย่างเป็นที่สุด
ความสับสนและการโต้แย้งที่เกิดขึ้นภายในใจ ราวกับเป็นมดที่กำลังกัดกินตัวพวกเขาอยู่
ใช้เวลาในการรอตลอดทั้งวัน
พอตะวันลับฟ้า ท่ามกลางความกังวลและการรอคอย ในที่สุดประตูที่ถูกปิดสนิทมาตลอดทั้งวันก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นสีแดงอันน่าเย้ายวน
“มู่เกอ!”
“มู่เกอ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง”
พอเห็นชัดแล้วว่าคนที่เดินออกมาคือใคร เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านก็พุ่งเข้าไปถามอย่างไม่อาจจะทนต่อไปได้
ใบหน้าที่เหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออกสองดวงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกลัวที่ปะปนกันอยู่
สายตาอันแน่วนิ่งของมู่ชิงเกอกวาดมองพวกเขา จนสุดท้ายก็หยุดอยู่ที่เว่ยหลินหลางผู้ที่ยังคงยืนอยู่กับที่และก็มองนางเช่นกัน
ยอดฝีมือ 1 ใน 3 ของแคว้นลี่เจ้าเมืองแห่งเมืองถัว ในตอนนี้กลับเป็นเหมือนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใช้สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังวิงวอนในการมองนาง อยากจะได้ยินอาการของภรรยาจากปากของนาง
มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก เสียงอันชัดเจนและเย็นชาดังขึ้น “โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”
คำพูดธรรมดาคำนี้ทำให้พลังของทั้งสามพลันมีเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที
เว่ยกว่านกว่านขาอ่อนและนั่งลงบนพื้นหินอันเย็นเยียบพลันร้องไห้ออกมาในทันที
เว่ยฉียังถือว่าเข้มแข็งอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงก็แฝงการสะอื้น เขามองตาของมู่ชิงเกอ ด้วยความรู้สึกอันมากมาย ที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้นํ้า เสียงที่แฝงความจริงใจ ออกจากปากของเขา “มู่เกอ ขอบคุณ!”
มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ แต่ไม่ได้ตอบกลับ
ร่างกายที่แข็งจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ของเว่ยหลินหลาง ได้อ่อนลงบ้าง เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงมาหยุดอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ และพูดด้วยน้ำเสียงอันเคร่งขรึมว่า “ตอนนี้ภรรยาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยนํ้าตาที่นองอยู่
มู่ชิงเกอมองเขาและพูดว่า “ฮูหยินอ่อนเพลียมาก ตอนนี้หลับอยู่ ต่อจากนี้หากคอยดูแลและบำรุงอย่างดี ไม่นานนางก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจต้องการ”
“ข้า ข้าเข้าไปหานางได้หรือไม่” ท่าทางของเว่ยหลินหลาง ตื่นเต้นราวกับนกที่เพิ่งได้ออกจากรังเป็นครั้งแรก
มู่ชิงเกอพยักหน้า
เมื่อได้รับอนุญาตจากมู่ชิงเกอ เว่ยหลินหลางก็ผุดรอยยิ้มยินดี ก้าวเท้ายาวพุ่งไปภายในเรือน พอเดินถึงครึ่งทาง เขาก็หยุดลงอย่างกะทันหันและหันมาก้มหัวลงตํ่าเพื่อโค้งคำนับให้กับมู่ชิงเกอ
เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านได้สติในทันที พลันโค้งคำนับอย่างนอบน้อมใหักับมู่ชิงเกอ
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” มู่ชิงเกอส่ายหน้าเบาๆ ค่อยๆ ถอยออก เพื่อเลี่ยงการคำนับของพวกเขา
เว่ยหลินหลางพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “บุญคุณนี้ ไม่อาจจะทดแทนได้ด้วยคำขอบคุณ ต่อจากนี้ชีวิตของข้าแซ่เว่ยเป็นของน้องมู่ ท่านคงเหนื่อยมากแล้ว พวกเจ้าทั้งสองส่งท่านกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้จวนตระกูลเว่ยของเราจะจัดงานเลี้ยง เพื่อแสดงความขอบคุณต่อคุณชายมู่ ผู้มีพระคุณ!”
“ไม่เป็นไร ข้ากลับคนเดียวได้” มู่ชิงเกอปฏิเสธ ในขณะที่ทั้งสองพี่น้องยังคงไม่ได้สติ
นางมองเว่ยหลินหลางด้วยสายตาอันลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วหันหลังเดินออกไป
เว่ยหลินหลางหลบสายตาแวบหึ่งและหันหลังเดินเข้าไปภายในเรือน
เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ยังคงไม่ได้สติ
ครู่หนึ่ง เว่ยกว่านกว่านจึงหันไปมองพี่ชาย “เหตุใดท่านพ่อจึงเรียกมู่เกอเช่นนั้น”
“มู่…น้องมู่” ท่าทางของเว่ยฉีดูอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก
“ท่านพ่อทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” เว่ยกว่านกว่าน โกรธจนกระทืบเท้า พุ่งเข้าเรือนไปทั้งนํ้าตา เพื่อที่จะถามท่านพ่อของตนเองให้รู้เรื่อง
เว่ยฉียังคงยืนอยู่กับที่ หวนคิดทบทวนคำพูดเมื่อครู่ที่ผ่านมาของท่านพ่อแล้วพึมพำว่า “เหตุใดอยู่ๆ มู่เกอจึงได้กลายเป็นน้องมู่ของท่านพ่อไปได้ ถ้าเช่นนั้นข้าและกว่านกว่านจะต้องเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าอาอย่างนั้นหรือ”
ในอีกด้านหนึ่ง มู่ชิงเกอที่กลับไปพักในเรือนของตนเอง ก็นึกถึงคำสรรพนามที่เว่ยหลินหลางใช้เรียกตนเองที่ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนั่น
นางไปเป็นพี่น้องกับเว่ยหลินหลางตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เหตุใดนางจึงไม่รู้
เมื่อไม่สามารถหาคำตอบได้ มู่ชิงเกอเองก็ไม่คิดต่อ ทุ่มเทพลังไปแล้วทั้งวัน นางเหนื่อยมากแล้ว หลังจากที่รับประทานอาหารเลิศรสที่โย่วเหอและฮวาเยวี่ยเตรียมเอาไว้ให้ นางก็เตรียมจะอาบนํ้าและเข้านอน
ส่วนช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นของครอบครัวตระกูลเว่ย นางไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง