ตอนที่ 116-3
บททดสอบการเข้าสู่โรงโอสถ
หลังจากที่ฟังจบ ในที่สุดเว่ยกว่านกว่านก็ได้กระจ่างถึงความซับซ้อนของเรื่องนี้ และพูดอย่างตะลึงว่า “โห! มู่เกอ ท่านเดาทุกอย่างออกตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ จึง ได้ทำเช่นนี้”
คำพูดนี้ทำให้สายตาของทุกคนไปหยุดอยู่ที่มู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอกลับแสร้งพูดว่า “ข้ามิใช่เทพเทวามาจากไหน จะรู้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”
“ไม่รู้จริงหรือ” เห็นได้ชัดว่าเว่ยกว่านกว่านไม่เชื่อ
หลังจากนั้นเป็นเวลา 2 วัน ทั่วทั้งเมืองซางจื่อก็เต็มไปด้วยข่าวที่ว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นลี่ ฟ่งอวี๋กุยเป็นผู้มีปรีชาสามารถและสามารถปรุงยาระดับสูงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
และความสามารถนี้ก็มีมากกว่า ผู้ที่อยู่ในอันดับหนึ่งของโรงโอสถอย่างเหมยจื่อจ้ง
ฟ่งอวี๋กุยยังไม่ทันได้เข้าสู่โรงโอสถก็ได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงของโรงโอสถไปเสียแล้ว ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็รอคอยการพบกับปรมาจารย์แห่งการปรุงยาผู้นี้ ทั้งหวังว่าจะได้เห็นเขาปรุงยาด้วยตาของตนเอง สำหรับพวกของมู่ชิงเกอ กลับถือโอกาสในวันว่าง 2 วันนี้ ในการท่องเมืองซางจื่อให้ทั่ว
ซือมั่วที่หายไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเมืองซางจื่อ ในตอนกลางวันมักจะหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่ทว่าทุกรุ่งเช้าที่มู่ชิงเกอตื่นจากฝันดี ก็จะพบว่าตนเองนั้นอยู่ใน อ้อมกอดของเขา ไม่ว่าก่อนนอนตนเองจะฝึกพลังเวท หรือทำสิ่งใดอยู่ก็ตาม
เพราะอย่างไรก็ตาม นางมักจะหลับลงไปโดยไม่รู้ตัว และหลังจากตื่นมาก็จะอยู่ ในสภาพเช่นนี้
“อรุณสวัสดิ์” มู่ชิงเกอค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น และสบกับดวงตาที่ฉายรอยยิ้มอันน่าเย้ายวนเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ราวกับว่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่ใช่คน หาก แต่เป็นเพียงของตกแต่งเท่านั้น
“วันนี้เสี่ยวเกอร์เอ๋อร์จะเข้าไปยังโรงโอสถแล้วใช่หรือไม่” ซือมั่วลุกขึ้น แล้วพูดอย่างกะทันหัน
มู่ชิงเกอไม่ตอบ
ซือมั่วจึงพูดต่อไปว่า “ช่วงนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องไปสะสาง จึงได้ละเลยเสี่ยวเกอเอ๋อร์ เสี่ยวเกอเอ๋อร์อย่าได้ถือโทษ”
เดี๋ยว! นางโกรธเพราะเรื่องนี้หรือ ชายผู้นี้จะทบทวนการกระทำที่มาอยู่บนเตียงของผู้อื่น โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุเช่นนี้เสียหน่อยดีหรือไม่ มู่ชิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเก็บอาการโกรธของตนเอง
หลังจากที่สงบลงแล้ว มู่ชิงเกอจึงก้าวเท้ายาวไปตรงประตู แล้วยื่นมือออกไปผลักประตู พลันก้าวออกไปในทันที
การกระทำอันเด็ดขาดเช่นนี้ ทำให้ซือมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตนเองว่า “ดูเหมือนว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์จะโกรธจริง ๆ เข้าแล้ว เคยได้ยินมาว่าหากผู้หญิงโกรธ ก็ต้องขอคืนดีด้วยของขวัญ ข้าควรจะไปหาสิ่งของสักชิ้นมาให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์รู้สึกดีขึ้นใช่หรือไม่”
มู่ชิงเกอเดินหน้ามู่ทู่ออกจากห้องไป ทันทีที่เงยสายตาขึ้น ก็เห็นโย่วเหอกับฮวาเยวี่ยที่ยืนอยู่ในสวนด้วยท่าทีอึดอัด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสองพักอยู่ที่นี่และคอยรักษาการติดต่อกับพวกของมั่วหยาง เฝ้าติดตามสถานการณ์ทางแคว้นฉิน หากเกิดเหตุอันใดก็รีบมารายงานข้า ทางโรงโอสถมีวันหยุดในทุกเดือน ถึงเวลานั้นข้าเองจะมาพบกับพวกเจ้าที่นี่” มู่ชิงเกอสั่งการด้วยนํ้าเสียงอันเย็นเยียบและอารมณ์ที่ไม่ได้ดีมากนัก
เมื่อเห็นว่าเจ้านายดูอารมณ์ไม่ดี โย่วเหอและฮวาเยวี่ย จึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่พยักหน้าตอบรับและจำทุกอย่างที่นางสั่งเอาไว้
“คุณชาย ท่านเข้าไปโรงโอสถแล้วอย่าลืมดูแลตนเอง” ก่อนจากไปฮวาเยวี่ยพูดอย่างอาลัยอาวรณ์
มู่ชิงเกอพยักหน้านิ่ง ๆ และเดินออกจากเรือนไปโดยลำพัง
จนกระทั่งเดินพ้นจากบริเวณเรือน มู่ชิงเกอจึงได้ผ่อนคลายจากความอึดอัด
มองทอดไปยังท้องฟ้าเมฆขาวของเมืองซางจื่อ นางถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปยังสนามที่อยู่ในตัวเมือง
ตอนที่นางเดินเข้าไปในสนาม ภายในสนามก็มีคนจำนวนมากยืนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
เมื่อนางเดินเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คน เสียงคำรํ่าลือต่าง ๆ นานาๆ ก็ได้ลอยเข้าหู
เรื่องที่พูดถึงมากที่สุด แน่นอนว่าเป็นเรื่องของฟ่งอวี๋กุย
“นี่ ท่านรู้หรือยังว่า องค์ชายสามแห่งแคว้นลี่ที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้ก็มาที่โรงโอสถ”
“ตลกเสียจริง ในเมื่อปรุงยาระดับสูงได้แล้วยังจะมาทำอะไรที่โรงโอสถอีก หากข้าจำไม่ผิด ในตอนนี้ที่โรงโอสถสาขาย่อยแห่งนี้ มีผู้ที่สามารถปรุงยาระดับสูงได้เพียงสามคนใช่หรือไม่”
“ไม่แน่ว่าต้องการจะมาโอ้อวดตนเอง” มีคนหัวเราะเยาะ
“จริงดังที่พูด บางทีอาจคิดว่าตนเองมีความสามารถเหนือผู้อื่น จึงอยากจะมาแสดงตนที่โรงโอสถ”
“หลังจากที่เข้าไปในโรงโอสถแล้ว ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าองค์ชายสามผู้นั้นจะมีความสามารถดังที่เล่าลือกันมาหรือไม่”
“ไม่เพียงแค่ท่านที่อยากจะเห็น ข้าเองก็เช่นกัน”
เมื่อมู่ชิงเกอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ราวกับจะเห็นสภาพของฟ่งอวี๋กุยในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ จึงเผยรอยยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่
“มู่เกอ ทางนี้” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกชื่อนางดังขึ้นท่ามกลางผู้คน
นางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเว่ยกว่านกว่านกำลังโบกมือให้นางอย่างตื่นเต้น
ผู้ที่อยู่ข้างนางยังมีเว่ยฉี สุ่ยหลิงและฟู่เทียนหลงทั้งหมดสามคน
มู่ชิงเกอค่อย ๆ เก็บความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสายตาไว้ แล้วจึงเดินเข้าไปหาทั้งสี่
เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาที่ฉายความตื่นเต้นของเว่ยฉี “มู่เกอ เป็นอย่างที่ท่านกล่าวเอาไว้ ผลลัพธ์ชัดเจนเป็นอย่างมาก” คำพูดนี้แม้จะลึกลับ ทุกคนต่างก็เข้าใจ
เมื่อเห็นมู่ชิงเกอปรากฏตัวขึ้น พี่น้องตระกูลเว่ยและลุ่ยหลิงต่างก็ทำตัวราวกับจิ้งจอกตัวน้อยที่เห็นจิ้งจอกตัวใหญ่ ในสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มีเพียงฟู่เทียนหลงเท่านั้นที่ยังคงแสดงความไม่ชอบใจ ราวกับไม่อยากจะร่วมกลุ่มกับเขา แต่ก็เพราะสุ่ยหลิงจึงจำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน
แน่นอนว่า เขายังไม่ลืมว่าเรื่องที่ตนคิดจะปองร้ายมู่ชิงเกอ เพราะฉะนั้นความไม่พอใจที่สามารถแสดงออกมาในตอนแรก แต่เมื่อสบกับสายตาของมู่ชิงเกอ จึงได้แต่ก้มหน้าลงอย่างอึดอัด
“สองวันมานี้ คนผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้น เว่ยฉีตอบกลับไปว่า “หลบอยู่ในที่พักมิได้ออกไปไหน ดูเหมือนจะสั่งคนออกมาแก้ข่าว คิดจะกลบเรื่องนี้แต่กลับไม่ได้ผลเลย”
มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ “ดูสิ เพิ่งจะเข้ามายังโรงโอสถก็มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นเสียแล้ว” ในขณะที่พูด มู่ชิงเกอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่จับจ้องอยู่ เมื่อนางหันกลับไปมองก็พบว่าคนผู้นี้คือ ฟ่งอวี๋กุยที่หลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คน
หวนคิดถึงความเย่อหยิ่งและความสูงศักดิ์ขององค์ชายแห่งแคว้นลี่เมื่อครั้งที่พบกันครั้งแรก ในวันนี้กลับมีท่าทีหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ท่ามกลางผู้คน มุมปากของมู่ชิงเกอก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
รอยยิ้มนั้นสะท้อนอยู่ในแววตาของฟ่งอวี๋กุย ทำให้ไอสังหารในสายตาของเขาเข้มข้นขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งความโกรธแค้นที่เหลือล้น!
“ทุกคนคงจะมากับครบแล้วนะ!”
ด้านหน้าของทุกคน มีชายในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้น เขายืนอยู่บนเวทีและพูดกับคนนับร้อยที่อยู่ข้างล่าง
ทันทีที่เขาปรากฏตัวก็ได้เรียกความสนใจจากสายตาของทุกคนรวมทั้งฟ่งอวี๋กุยและมู่ชิงเกอ
ทุกคนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกเพียงว่ารูปลักษณ์ของคนผู้นี้แม้จะดูธรรมดา แต่ทว่ากลับฉายความโดดเด่นอย่างเรียบง่าย ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบอันใด จากโลกใบนี้
“เขาเป็นผู้ใด?” ท่ามกลางผู้คนมีคนถามคนข้าง ๆ ตนเองอย่างแผ่วเบา
“ดูท่าแล้วคงจะเป็นคนของโรงโอสถ” ทันใดนั้นคนนับร้อยก็เริ่มวิเคราะห์และคาดเดาฐานะของคนผู้นี้ ในขณะนี้ สุ่ยหลิงเองก็ยืนเบียดอยู่ข้าง ๆ มู่ชิงเกอและ พูดกับกลุ่มของตนเองว่า “ได้ยินมาว่า ทุกครั้งที่โรงโอสถมีการรับศิษย์ใหม่ จะมีอาจารย์ที่ให้คำปรึกษามาคอยให้คำแนะนำ ดังนั้นคนผู้นี้คงจะเป็นอาจารย์ที่ ปรึกษาในครั้งนี้”
“สุ่ยหลิง เหตุใดเจ้าจึงรู้มากถึงเพียงนี้” ฟู่เทียนหลงพยายามมาเบียดอยู่ตรงกลางระหว่างมู่ชิงเกอและสุ่ยหลิง แล้วมองมู่ชิงเกออย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นก็พูดกับสุ่ยหลิงด้วยความฉงนใจ