Skip to content

พลิกปฐพี 124-4

ตอนที่ 124-4

ฟ่งอวี๋กุยผู้ขุดหลุมฝังตัวเอง

สายตาของมู่ชิงเกอฉายความแนบนิ่ง ในหัวกำลังคิดทบทวนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า วินาทีต่อมา ก็ได้หายไปจากที่ซ่อน

ซูม—!

หมัดกระทบลงพื้น ราวกับเสือร้ายเข้ามาเยือน

พื้นดินเกิดเป็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่ง เสียงนั่นราวกับสายฟ้าแลบในท้องฟ้ายามรัตติกาล และทำให้ทั้งผืนป่าสั่นสะเทือน

ถึงขั้นที่ดังเข้าไปในโรงโอสถ

คนจำนวนไม่น้อยต่างฟื้นขึ้นจากการฝึกพลังเวท และเดินออกไปมองไปยังส่วนลึกของผืนป่าหมีเมิ่ง

“ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้น” เหมยจื่อจ้งเดินเข้ามาอยู่ข้างหลังของโหลวชวนป่ายที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองฟ้า และถามด้วยความเป็นห่วง

โหลวชวนป่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีอะไร กลับไปพักก่อนเถิด หลายวันต่อจากนี้หากไม่มีธุระอะไรก็อย่าไปที่ผืนป่าหมีเมิ่ง” หลังจากที่สั่งลูกศิษย์แล้ว เขาก็หันหลังและเดินกลับห้องของตนเอง

เสียงของพลังที่ดังมาจากผืนป่าหมีเมิ่ง ช่างเก่งกาจและโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัตว์ป่ากำเริบหรือยอดฝีมือบังเอิญผ่าน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหล่าลูกศิษย์ที่มีพลังเวทอ่อนแออย่างพวกเขาสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

ณ หน้าผาตัดสำไล้ หมอกควันค่อย ๆ จางไป ตรงหน้าของฟู่เทียนหลง มีเพียงหลุมลึกหลุมหนึ่ง

ฟ่งอวี๋กุยได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

พลังเทพอสูรในตัวของฟู่เทียนหลงได้ค่อย ๆ จางหายไป เขามองไปยังบริเวณใดบริเวณหนึ่งตรงด้านขวาของตนเองด้วยสายตาที่แฝงความไม่จำยอม

ที่นั่น มีเงาร่างอันสูงโปร่งยืนโต้ลมอยู่ ใต้เท้าของเขามีฟ่งอวี๋กุยที่ราวกับเป็นสุนัขตายแล้วอยู่ เสื้อผ้าของเขายับยู่ยี่ ผมเผ้าหลุดลุ่ย ไม่มีความสูงศักดิ์หลงเหลืออยู่เลย ในตอนนี้เขาได้สลบไปแล้วและไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

เว่ยฉีรีบวิ่งเข้าไป ก้มตัวลงตรวจสอบลมหายใจของฟ่งอวี๋กุย ก่อนจะพูดอย่างโล่งใจว่า “โชคดีที่ยังไม่ตาย”

พูดจบ เขาก็หันไปมองฟู่เทียนหลง และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “พี่เทียนหลง ข้าไม่อยากจะเป็นศัตรูกับท่าน ในอนาคต คราวหน้าถ้าเราจะฆ่าใคร คิดวิธีการอ้อม ๆ ได้หรือไม่”

หลังจากที่เขาพูดจบ พลังเทพอสูรในตัวของฟู่เทียนหลงก็ได้หายไปจนหมดสิ้น และร่างกายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่กลับล้มตัวลง ก่อนจะล้มลงยังพูดว่า “ช่วยสุ่ยหลิง” จากนั้นก็สลบไป

“เอ้ย นี่!” เว่ยฉีรีบเดินเข้าไปรับร่างของทั้งสองเอาไว้

แล้วมองมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าอันไร้เดียงสา มู่ชิงเกอจึงพูดว่า “พาพวกเขากลับไปก่อน ที่นี่เกิดเสียงดังมากถึงเพียงนั้น บางทีอาจจะมีผู้ดูแลในโรงโอสถเข้ามาตรวจตรา”

เว่ยฉีพยักหน้า แล้วหันไปมองฟ่งอวี๋กุยและพูดว่า “แล้วเขาล่ะ จะพูดอะไรหรือไม่”

มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มอันเย็นเยียบ “ที่แห่งนี้เขาเป็นคนเลือก แน่นอนว่าเขาต้องอยู่ที่นี้ พูดอะไรอย่างนั้นรึ เขากล้าหรือ หากพูดความจริงก็จะเป็นการดึงเตียว หยวนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตอนนี้เขาปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ จะกล้าดึงเตียวหยวนเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร”

“ก็จริง เขาถูกเทียนหลงตีจนสภาพแย่ถึงเพียงนี้ ไม่กล้าป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปเป็นแน่” เว่ยฉีพูดอย่างเห็นด้วย แต่ก็พูดเสริมอีกว่า “แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงขั้นทำให้เกิดปัญหาระดับแคว้น แต่ก็เกิดเป็นความแค้นส่วนตัวไปแล้ว”

มู่ชิงเกอพูดพร้อมรอยยิ้มอันเยาะเย้ย “ความแค้นส่วนตัวนี้ ได้เกิดขึ้นตั้งนานแล้ว และก็ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้”

พูดจบ ทั้งสองก็เอาตัวอีกสองคนกลับไปคนละหนึ่งคน และออกจากหน้าผาตัดลำไส้อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นาน ก็มีผู้อาวุโสสี่คนพร้อมคลื่นแสงสีนํ้าเงินมาถึงหน้าผาตัดลำไส้ เมื่อเห็นสนามรบ กับหลุมที่เกิดจากหมัดของฟู่เทียนหลง ทั้งสี่ก็ขมวดคิ้วพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

จากนั้น พวกเขาก็พบตัวฟ่งอวี๋กุยและอีกสามคน

ฟ่งอวี๋กุยมีฐานะเป็นองค์ชาย แต่สำหรับผู้ดูแลโรงโอสถเหล่านี้แล้วก็ไม่ได้มีความสำคัญอันใด

หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ฟ่งอวี๋กุย “จะจัดการอย่างไร”

ท่าทางของอีกสองคนแนบนิ่ง ราวกับไม่ใส่ความเป็นความตายของคนพวกนั้น แต่กลับหาร่องรอยอย่างเข้มงวด อีกคนที่เหลือกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “คนพวกนี้ ราวกับจะเป็นลูกศิษย์ของโรงโอสถ แต่กลับไม่ทำตามกฎของโรงโอสถ เข้าสู่หน้าผาตัดลำไส้ ถ้าเช่นนั้นเอาไปขังในคุกน้ำก่อนเถิด”

“บาดแผลของพวกเขาเล่าจะทำอย่างไร” ผู้อาวุโสที่พูดขึ้นเป็นคนแรกเอ่ยถาม

ผู้อาวุโสที่เสนอให้ขังในคุกนํ้าพูดอย่างเหลือทนว่า “พวกเขาเป็นนักปรุงยามิใช่หรือ รอให้พวกเขาฟื้นแล้ว รักษาตนเองก็พอแล้ว สำหรับลูกศิษย์ที่ลักลอบเข้ามา ยังพื้นที่ต้องห้าม ไม่ต้องไปเป็นห่วง”

ท่ามกลางทั้งสองที่เงียบอยู่ ในที่สุดหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้น เขาเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง ภารกิจของเรา คือดูแลโรงโอสถอย่าให้คนนอกเข้ามา และรักษากฎของโรงโอสถไม่ให้ใครละเมิด เรื่องอื่นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา!”

หลังจากที่ทั้งสี่ปรึกษากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และสืบไม่เจอหลักฐานอันใด ก็ลากตัวพวกเขาคนละคน ก่อนจะหายออกไปจากหน้าผาตัดลำไส้

บางทีฟ่งอวี๋กุยเองก็คงคิดไม่ถึงว่า ในวันนี้ตนเองจะมีจุดจบที่ยํ่าแย่เช่นนี้ ไม่เพียงแค่ไม่สามารถกำราบฟู่เทียนหลงได้ แต่กลับถูกเขาเล่นงานเกือบตาย สุดท้ายก็ถูกผู้ดูแลโรงโอสถจับได้ และถูกโยนลงบนคุกนํ้าที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

ทางนี้ ฟ่งอวี๋กุยกำลังชดใช้ในการกระทำของตนเอง

ในอีกด้านหนึ่ง มู่ชิงเกอและเว่ยฉีได้พาตัวฟู่เทียนหลง และสุ่ยหลิงกลับถึงบ้านไม้อย่างไร้ร่องรอย และได้มารวมตัวกับเว่ยกว่านกว่าน

เมื่อเห็นฟู่เทียนหลงและสุ่ยหลิงที่หมดสติไป เว่ยกว่านกว่านก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที และรีบเรียกอีกห้าคนให้เข้ามาช่วย

พวกเขากระจายงานกันอย่างรวดเร็ว ช่วยฟู่เทียนหลง และสุ่ยหลิงทำความสะอาดร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และพาพวกเขากลับไปอยู่ในห้องของตนเอง

เว่ยกว่านกว่านเดินออกจากห้องของสุ่ยหลิง พลันพูดกับมู่ชิงกอและเว่ยฉีที่ยืนเผ้าอยู่ข้างนอกว่า “พวกเจ้าเข้ามาได้แล้ว”

ทั้งสามเข้าไปอยู่ในห้องของสุ่ยหลิงอีกครั้ง มู่ชิงเกอจับชีพจรของสุ่ยหลิง เม้มปากและพูดว่า “ถูกวางยาจริง ๆ ด้วย”

“เลวมากจริง ๆ! ไอ้องค์ชายสามฟ่งนั่นไม่มีความเป็นองค์ชายเลยแม้แต่น้อย!” เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความโกรธ

เว่ยฉีถามขึ้นว่า “มู่เกอท่านมียาถอนพิษหรือไม่”

“ยาถอนพิษนั้นไม่ยาก” มู่ชิงเกอไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นางล้วงยาเม็ดหนึ่งออกจากอกแล้วยัดเข้าปากของสุ่ยหลิง ก่อนจะหันไปอธิบายกับพี่น้องตระกูลเว่ย “ยาพิษที่สุ่ยหลิงกินเข้าไป คงจะเป็นยาที่เตียวหยวนปรุงขึ้น เพียงแค่อยู่ในระดับกลาง ยาเม็ดนี้ของข้าเป็นยาถอนพิษพิเศษในบรรดายาระดับสูง สามารถถอนพิษได้มากกว่าร้อยชนิด ยาระดับสูงเจอกับระดับกลาง ไม่เป็นปัญหามากนัก”

และก็เป็นเช่นนั้นจริง หลังจากที่กินยาถอนพิษลงไป สีหน้าของสุ่ยหลิงก็คล้ำลง ก่อนจะค่อย ๆ กลับมาขาวและมีสีโลหิตตามปกติ สุดท้ายควันสีดำที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวได้ลอยออกจากปากของนาง ก่อนจะกระจายหายไป

“ถอนพิษสำเร็จแล้ว” มู่ชิงเกอพูด

ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง สุ่ยหลิงที่กำลังหลับไหลก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version