Skip to content

พลิกปฐพี 148-5

ตอนที่ 148-5

บอกว่าจะสั่งสอนเจ้า ก็ไม่มีทางไว้หน้าเจ้า!

ตอนที่ทั้งห้าคนตามมู่ชิงเกอกลับไปที่ห้อง จูหลิงก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเซี่ยกล่าวไว้แล้วว่าการประลองในวันพรุ่งนี้ให้เตรียมตัวเอง ศิษย์น้องมู่ก็มีหม้อปรุงยาที่ถูกชะตาแล้วหรือยัง?”

พอคำพูดนี้กล่าวออกไป ที่เหลืออีกทั้งสามคนก็หันมองไปทางมู่ชิงเกอ

แต่มู่ชิงเกอกลับกล่าวว่าอย่างเรียบๆ สบายๆ “ครั้งที่แล้ว ไปหอเก็บสมบัติก็ไม่ใช่ได้มาอันหนึ่งรึ”

“เจ้าหมายถึงหม้อดำๆ ไม่น่าดูใบนั้น?” จ้าวหนานซิงโผล่งปากพูดออกไป แต่หลังจากกล่าวจบแล้วก็รู้สึกได้ว่าไม่ถูกต้อง เร่งรีบแสร้งไอขึ้นกลบเกลื่อน เหมยจื่อจ้งกล่าวปลอบโยนขึ้น “ศิษย์น้องมู่ไม่สู้ใช้หม้อหลอมของข้า?”

“ใช่ หม้อหลอมของพวกเราทุกคนเจ้าก็สามารถเอาไปใช้ได้” จ้าวหนานซิงเร่งรีบกล่าวเสริม

ซางจื่อซูกับจูหลิงก็พากันพยักหน้าขึ้นหนักๆ

มู่ชิงเกอมองไปทางทั้งสี่คนอย่างหมดวาจาจะกล่าว สัมผัสได้ว่าพวกเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัว ‘เสี่ยวเฮย’ ของนางจริงๆ

นางเกาจมูกเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างทำตัวไม่ถูกว่า “หม้อหลอมที่สามารถเก็บอยู่ในหอเก็บโอสถได้ สมควรที่จะไม่ใช่ของที่ผุพังเสียหายกระมัง”

ทั้งสี่คนมองหน้าสบตากัน ไม่กล้ากล่าวความจริงออกไปทำร้ายจิตใจนาง

หม้อสีดำมะเมื่อมรูปลักษณ์บิดเบี้ยวนั้น ก็มองไม่ออกว่าเป็นหม้อหลอมอยู่จริงๆ หรือไม่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นมู่ชิงเกอเอามันออกมาจากหอเก็บโอสถเองกับตา พวกเขาก็คงจะนึกว่ามันเป็นเศษเหล็กชิ้นหนึ่งเพียงเท่านั้น การประลองในวันพรุ่งนี้ก็เกี่ยวพันไปถึงหน้าตาของสาขาย่อย หากมู่ชิงเกอหยิบหม้อที่ดูผุพังขึ้นไปบนสนามประลอง ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกพวกหัวสูงของสาขาหลักกลุ่มนั้นหัวเราะเยาะเอาหรอกรึ?

พอคิดถึงเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ จ้าวหนานซิงก็อดไม่ได้ที่จะฝืนกล่าวเกลี้ยกล่อมขึ้น “นี่ศิษย์น้องมู่ ไม่สู้ลองทบทวนดูอีกครั้ง? หม้อหลอมของพวกเราก็ล้วนแต่เอาออกมาจากหอเก็บโอสถ ไม่มีทางด้อยไปไหนได้”

แต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่จำเป็นแล้ว ก็ใช้เสี่ยวเฮยนี่แหละ”

“เจ้ายังตั้งชื่อให้มันว่าเสี่ยวเฮย(เจ้าดำน้อย)?” จ้าวหนานซิงรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ตอบกลับ นางก็ไม่ได้จะตั้งใจตั้งชื่อให้มัน เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์ของมันจริงๆ แล้วก็ บวกกับหลังจากได้หม้อหลอมมาแล้ว หม้อหลอมใบนี้ก็ไม่ได้ส่งปฏิกิริยาอะไรให้นางอีก ดังนั้นนางก็เลยเรียกมันเล่นๆ ว่า ‘เสี่ยวเฮย’

เหมยจื่อจ้งยกมุมปากขึ้น กล่าวว่าเสียงเรียบ “อืม เข้ากันมาก”

มู่ชิงเกอปากขยับ คิดจะอธิบายว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

‘เฮ้อ เสี่ยวเฮยก็เสี่ยวเฮย’ มู่ชิงเกอคิดขึ้นในใจ

ใครจะรู้ว่า คำพูดในใจของนางเพิ่งจะกล่าวจบ ‘เสี่ยวเฮย’ ที่ถูกนางทิ้งไว้ในช่องมิติก็พลันสั่นไหวขึ้นมา ราวกับจะบอกถึงความไม่พอใจของมัน

แต่ว่าน่าเสียดายนักที่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้สัมผัสถึงจุดนี้

คืนนี้ในโรงโอสถกลาง ก็ล้วนแต่ผ่านพ้นไปด้วยหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประลองโอสถของมู่ชิงเกอกับจิ่งเทียน

ข่าวการเดิมพันที่เจ๋อซิ่วตั้งขึ้นก็พลันแผ่ขยายไปยังทั่วทุกซอกทุกมุมในโรงโอสถกลาง ราวกับว่าศิษย์ของสาขาหลักทุกคนก็จะเข้าร่วมกับการเดิมพันครั้งนี้ทั้งหมด

ไปจนถึงขนาดมีข่าวมาว่า แม้แต่ผู้อาวุโสของโรงโอสถก็พากันแอบเข้าร่วมการเดิมพันครั้งนี้อย่างลับๆ

วันที่สอง ในขณะที่มู่ชิงเกอที่อยู่ภายใต้การร่วมทางของศิษย์จากสาขาย่อย เหมยจื่อจ้ง จ้าวหนานซิง ซางจื่อซู จูหลิงเดินออกจากตำหนักย่อย ก็พลันได้ยินถึงความ คึกคักของการเดิมพัน

“อยู่ดีไม่ว่าดี กลับคิดหาเรื่องใส่ตัว!” จ้าวหนานซิงหลังจากสืบความได้ว่าเจ๋อซิ่วเป็นเจ้ามือในครั้งนี้ ก็พลันยิ้มขำขึ้นมา

โดยเฉพาะตอนที่เขารู้ว่า อัตราการเดิมพันของจิ่งเทียน คือ 1 ต่อ 1 ส่วนมู่ชิงเกอคือ 1 ต่อ 3 นั้น แววตาของเขาก็ยิ่งกลายเป็นมีประกายเจิดจ้าขึ้นมา

“ศิษย์พี่จ้าว” อยู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังเข้ามา

จ้าวหนานซิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปทางซางจื่อซู เทพธิดานํ้าแข็งเช่นนางถึงกับเป็นฝ่ายพูดกับเขาด้วยตัวเอง? นี่เขากำลังฝันอยู่หรือไม่?

อาการตกตะลึงของจ้าวหนานซิงก็ไม่ได้ทำให้ซางจื่อซูกระดากอายแต่อย่างใด นางเพียงแค่ค่อยๆหยิบเอาตั๋วเงินสีทองจำนวนหนึ่งออกมา ส่งไปให้จ้าวหนานชิ ง “รบกวนศิษย์พี่จ้าวแล้ว” ความต้องการของนาง จ้าวหนานซิงพริบตาก็เข้าใจได้ในทันใด

เขารับเอาตั๋วเงินมาก่อนจะพยักหน้ารับ

พอมีซางจื่อซูเป็นคนนำ ศิษย์สาขาย่อยที่รวมเหมยจื่อจ้งอยู่ในนั้นก็ต่างพากันยื่นตั๋วทองของตนออกมา มอบไปให้จ้าวหนานซิง ความต้องการก็ถือว่าชัดเจนมาก

จ้าวหนานซิงพลันเชิดหน้ากล่าวรับขึ้น “วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน!”

พอกล่าวจบ จ้าวหนานซิงก็เดินอาดๆ ไปยังจุดลงเดิมพัน ท่าทางเช่นนั้นก็ราวกับว่าจะไปขึ้นสนามประลองเองอย่างไรอย่างนั้น!

คนที่เหลือไม่กี่คนก็พากันเดินไปยังสนามประลองต่อไป

เพิ่งจะเดินมาถึงเขตของสนามประลอง พวกเขาก็ถูกคลื่นมนุษย์ตรงหน้าทำเอาตกตะลึงจนต้องนิ่งชะงักอยู่กับที่

“ทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้?” จูหลิงกล่าวว่าอย่างตกตะลึง กวาดมองไปรอบๆ บนอัฒจันทร์ราวกับว่าจะมีคนหกเจ็ดพันกำลังนั่งอยู่ จำนวนมากมายขนาดนั้นก็มี มากกว่าสาขาย่อยสี่ห้าเท่า!

เหมยจื่อจ้งกล่าวว่าทอดถอนใจ “สาขาหลักก็ยังเป็นสาขาหลักอยู่วันยันคํ่า”

ลูกศิษย์สาขาย่อยที่ตามอยู่ด้านหลังพวกเขาไม่กี่คน พอเห็นเข้ากับบรรยากาศโดยรอบ สีหน้าก็พลันกลายเป็นซีดขาว แข้งขาอ่อนเปลี้ยขึ้น ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แต่ว่า พอพวกเขาเห็นท่าทางมั่นใจไม่หวั่นเกรงของมู่ชิงเกอแล้ว ก็ราวกับได้กินยาสงบใจเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น พริบตาก็ขจัดความกลัวในใจออกไปได้ในทันใด

“ศิษย์น้องซาง เจ้ามาแล้วรึ?” เสียงตื่นเต้นยินดีอยู่ๆ ก็ดังเข้ามา ดึงดูดความสนใจของพวกมู่ชิงเกอไม่กี่คนเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version