ตอนที่ 180-4
ทำไมเขาถึงได้รับความโปรดปรานเพียงคนเดียว?
โหลวเสวียนเถี่ยกับเฮยมู่สบตากันแวบหนึ่ง แล้วจากไปอย่างเงียบๆ
ไท่สื่อเการู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงตามไป
หลังจากห่างออกไปจากบริเวณของตำหนักหลีกงไกลแล้ว โหลวเสวียนเถี่ยถึงได้ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าแซ่มู่คนนั้นกลับยังมีความเกี่ยวข้องกับมหาปราชญ์ถึงขั้นหนึ่ง มิน่าถึงได้หยิ่งผยองขนาดนั้น”
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของไท่สื่อเกาดำทะมึนมากยิ่งขึ้น
สีหน้าของเฮยมู่ก็ไม่น่าดูขึ้นมาก่อนจะเอ่ยว่า “นี่ออกจะเกินจากความคาดหมายของพวกเรา เจ้านี่ถือว่าเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก รู้จักกับมหาปราชญ์กลับไม่พูด กลับทำร้ายจนสร้างความแค้นเป็นตายกับพวกเรา”
“ผู้อาวุโสใหญ่ หรือจะเป็นเพราะเจ้าเลวนั่นมีความสัมพันธ์บางอย่างกับมหาปราชญ์ ความแค้นของพวกเราสำนักหมื่นอสูรจะไม่ล้างแค้นแล้วหรือ?” ไท่สื่อเกาเอ่ยอย่างไม่พอใจ
หากจะให้เขากลืนความแค้นนี้ลงไปนั้น เขาทำไม่ได้! เขาลืมไม่ได้ เขาเกือบตายภายใต้เงื้อมมือของมู่ชิงเกอมาสองครั้งแล้ว!
“ล้างแค้น?” เฮยมู่ยิ้มเย็นออกมา
โหลวเสวียนเถี่ยก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “เกรงว่าในตอนนี้การตัดสินใจไม่ใช่ของพวกเราแล้วว่าพวกเราจะยินยอมหรือไม่ยินยอม ถึงแม้ว่าพวกเรายอมกลืนความแค้นนี้ลงไป แต่คนแช่มู่ละ? ระหว่างพวกเราได้ผูกความแค้นเป็นตายกันไว้แล้ว ไม่ใช่เขาตายก็พวกเราก็ม้วย ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเห็นแก่หน้าของมหาปราชญ์ไม่เอาความต่อ ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าเขาจะไม่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้กับพวกเรา ถึงตอนนั้น พวกเราจะยอมรอให้เขาบุกเข้ามาทำลายสำนักรึ? หรือว่าจะลุกขึ้นต่อต้าน?”
คำพูดของโหลวเสวียนเถี่ยทำให้เฮยมู่พยักหน้า เขาถอนหายใจกล่าวว่า “เรื่องนี้หากว่าเพิ่งจะเกิดก็อาจมีโอกาสจะคลี่คลายลงไปได้บ้าง แต่ว่าในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น หอหลอมศาสตราหรือว่าสำนักหมื่นอสูรของข้า มีศิษย์กี่คนที่ตายภายใต้เงื้อมมือของเขา? อีกอย่างของศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหมื่นอสูร ขลุ่ยอสูรยังอยู่ในมือของเขา เรื่องบางเรื่องจำต้องใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดถึงจะลบล้างได้?
“ยังมีผู้อาวุโสหลายคนของหอหลอมศาสตราและศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทำลายภายใต้เงื้อมมือของเขาที่หอหลอมศาสตราสาขาย่อย หากว่าไม่ล้างแค้นในครั้งนั้น หลังจากนี้หอหลอมศาสตราจะมีหน้าอยู่ในหลินชวนนี้ต่อไปได้อย่างไร?” โหลวเสวียนเถี่ยก็เอ่ยด้วยความแค้นออกมา
“ในเมื่อไม่อาจจะสานไมตรีดับความแค้นได้แล้ว เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร?” ไท่สื่อเกาเอ่ยอย่างแข็งกร้าว
เฮยมู่คิดแล้วก็เอ่ยออกมาว่า “พวกเราไม่ควรเคลื่อนไหวโดยพลการในระยะนี้ก็ให้คนจับตาดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างของคนแซ่มู่ ทั้งยังต้องสนใจในข่าวสารของ ตำหนักหลีกงด้วย ถ้าหากว่าพวกเราจะลงมือ ก็ต้องมั่นใจว่าลงมือแล้วจะฆ่าได้สำเร็จ ไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดได้ถึงตอนนั้น ถึงแม้ว่ามหาปราชญ์จะทรงกริ้ว ท่านผู้เฒ่าก็คงไม่เป็นเพราะการตายของคนตายคนหนึ่ง ทำลายล้างพวกเราครั้งใหญ่หรอก”
โหลวเสวียนเถี่ยพยักหน้า “ไม่ผิด เรื่องนี้ต้องวางแผนอย่างรัดกุม ข้าจะเขียนจดหมายให้เหล่าผู้อาวุโสในหอที่ เก็บตัวฝึกวิชากันอยู่ให้ออกมา ครั้งนี้จะต้องไม่ให้คนแซ่มู่คนนั้นหลุดรอดไปได้”
“นายน้อย ข้าก็ต้องขอให้ท่านเขียนจดหมายให้เจ้าสำนักด้วยเช่นเดียวกัน รายงานถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด หากว่าเขาเห็นด้วยในข้อคิดเห็นของพวกเรา ก็เชิญเขาส่งผู้อาวุโสคนอื่นๆ ให้มาช่วยเหลือด้วย” เฮยมู่เอ่ยกับไท่สื่อเกา
จะลงหมากตายให้กับมู่ชิงเกอ แน่นอนว่าไท่สื่อเกาไม่ รีรอ ไม่มีการลังเลใดๆ เขาก็รับปากออกไป
แผนการร้ายต่อมู่ชิงเกอเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างลับๆ
เรื่องนี้นั้นนางก็ไม่รู้เลยแม้แต่
เมื่อกลับถึงเรือนรับรอง นางก็ถูกเจียงหลีลากเข้าไปในห้อง ห้ามไม่ให้ใครเข้าไป
มู่ชิงเกอถูกนางกดไว้บนเก้าอี้ พลังของเจียงหลีหดตัวกลายเป็นเชือก ผูกมัดนางเอาไว้
มู่ชิงเกอขัดขืนเล็กน้อย แต่เชือกก็แน่นยิ่งขึ้น นางจึงทำได้เพียงเงยหน้ามองเจียงหลี หัวเราะอย่างขมขื่นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทำอะไรนี่?”
“เจ้ายังไม่ได้บอกความจริง!” เจียงหลีขบฟันเอ่ย
มู่ชิงเกอถอนหายใจ “เจ้าคิดจะถามอะไรก็ถาม สิ่งที่สามารถบอกเจ้าได้ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า เหตุใดต้องมัดข้าไว้?”
“ข้ากำลังทำให้เจ้ารู้สึกถึงความสำคัญของเรื่องนี้!” เจียงหลีเชิดหน้าขึ้น
มู่ชิงเกอเร่งรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “รู้สึกแล้ว! รู้สึกอย่างแท้จริงแล้ว ปล่อยข้าก่อนได้ไหม”
เจียงหลีขบริมฝีปาก เก็บเชือกที่มัดร่างของมู่ชิงเกอกลับ เมื่อได้รับอิสรภาพคืนมา มู่ชิงเกอก็ขยับยืดไหล่ แล้วถึงได้มองไปที่นางพร้อมเอ่ยว่า “เจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เถอะ”
เจียงหลีมองนาง เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าพูดว่ามหาปราชญ์เป็นของเจ้านั้น เขาเป็นคนที่เจ้าเคยพูดว่าจะรอพบเขาใช่หรือไม่?”
มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก ถอนหายใจและพยักหน้ายอมรับ
เจียงหลีสูดลมหายใจเย็น เบิกตากว้าง สำรวจร่างของมู่ชิงเกอไปมา
“เจ้าทำอะไร?” มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างขมขื่นอดพูดออกมาไม่ได้
เจียงหลีตบมือจากนั้นก็เอ่ยเสียงดังว่า “มีความสามารถจริงๆ! มู่ชิงเกอ! เจ้าไม่ให้สุ้มให้เสียงก็จับผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในหลินชวนเอาไว้ได้?”
นี่เป็นคำพูดอะไรกัน?
มู่ชิงเกอขบริมฝีปาก
“รีบเล่าให้ข้าฟังถึงเรื่องราวความรักของพวกเจ้า!” เจียงหลีพุ่งเข้าไปข้างกายของมู่ชิงเกอแล้วสบตานาง
มู่ชิงเกอกลอกตาขาวไปมา “ไม่มีอะไรน่าพูดถึง”
“นี่! เจ้าเป็นคนไม่ดีเอาเสียเลย!” เจียงหลีเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
มู่ชิงเกอผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีจริงๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ข้าพบกับเขาในตอนที่ข้าน่าอับอายมากที่สุด จากนั้นไม่ทันรู้ตัวก็…”
อยู่ดีๆ มู่ชิงเกอก็หยุดลง
เจียงหลีรีบเอ่ยเร่ง “ไม่รู้ตัวอะไร? พูดซิ!”
มู่ชิงเกอส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น “ในเวลาอันสั้นนั้น เป็นเขาที่พูดว่า หวังจะให้ข้าเป็นภรรยาของเขา ส่วนข้าก็เป็นเพราะไม่ได้ชัดเจนในความรู้สึกของเขามาโดยตลอด จึงไม่ได้ตกลง”
เจียงหลีเบิกตากว้างมองมู่ชิงเกอ ผ่านไปครู่ใหญ่ นางถึงได้ยกหัวนิ้วแม่มือยกย่องนับถือนาง “มู่ชิงเกอเจ้าเยี่ยมมาก! ถึงกับสามารถทำให้มหาปราชญ์เอ่ยปากขอแต่งงานกับเจ้าเองได้! ส่วนเจ้าก็ยังหยิ่งปฏิเสธไปอีก นับจากวันนี้ไป เจ้าจะเป็นตัวอย่างให้ข้า!”
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากยิ้มออกมา “ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเหตุใดจึงกล้าปฏิเสธออกไป บางทีอาจเป็นเพราะในใจของข้าคงเชื่อมั่นว่าไม่ว่าเวลาไหนเขาก็คงไม่มีทางทำร้ายข้ากระมัง”
“เช่นนั้นในตอนนี้เจ้าคิดชัดเจนดีแล้วหรือยัง?” เจียงหลีถามอย่างสนใจ
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “คิดชัดเจนดีแล้ว”
ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกายขึ้น ไต่ถามว่า “เช่นนั้นเจ้าพูดแล้วหรือยัง?”
ที่นางดูมา ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในตำหนักหลีกง ทั้งสองคนพูดคุยกันตั้งนานขนาดนั้น มีคำพูดอะไรก็น่าจะพูดได้อย่างชัดเจนดีแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอจะส่ายหน้า
“เจ้าเกิดอะไรขึ้น!” เจียงหลีเอ่ยออกมาด้วยความโมโห
มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างเศร้าใจว่า “นี่ไม่อาจโทษข้า มันไม่มีเวลาพอได้พูด”
เจียงหลีกะพริบตา เอ่ยขึ้นในทันใด “เจ้าจะบอกว่า…”
มู่ชิงเกอส่งสายตามองกลับมา นางก็รีบเก็บเสียงในทันที พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เสียเวลาไปตั้งนาน ที่แท้มหาปราชญ์ก็ไม่ได้อยู่ในตำหนักหลีกง ทิ้งไว้แค่เพียงเงามายา มิน่ามู่ชิงเกอจึงไม่มีโอกาสพูดความในใจออกมา
หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดชัดเจนดีแล้ว เจียงหลีก็ส่ายหน้า เอ่ยปลอบมู่ชิงเกอ “เรื่องราวดีๆ มักมีอุปสรรค!”
“เรื่องนี้ให้เจ้ารู้ก็พอ คนอื่นๆ อย่าให้รู้เลย” มู่ชิงเกอเอ่ยกับเจียงหลี
เจียงหลีพยักหน้า ทำท่าทางเป็นสัญญาณเงียบ “ข้าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ วางใจเถอะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
มู่ชิงเกอมองไปทางนอกประตู เอ่ยถามว่า “ใคร?”
เสียงของฟ่งอวี๋เฟยดังเข้ามา “คุณชาย ข้างนอกมีคนส่งเทียบมาและหนึ่งในนั้นก็ยังมีจดหมายเชิญอีกฉบับหนึ่ง”
เทียบ? จดหมายเชิญ?
คิ้วของมู่ชิงเกอขมวดขึ้น เปิดประตูแล้วเดินออกไปกับเจียงหลี
“คุณชาย” เมื่อพบกับพวกเขา ฟ่งอวี๋เฟยก็ส่งสาส์นสองฉบับนั้นให้แก่มู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอรับแล้วก็เปิดออก อ่านเนื้อหาด้านใน
เจียงหลีเอ่ยถามอย่างสนใจ “เป็นเทียบจากใคร?”
“หอสรรพสิ่ง” มู่ชิงเกอหรี่ตาลง ปิดเทียบแล้วเอ่ยตอบ