Skip to content

พลิกปฐพี 181-1

ตอนที่ 181-1

อยู่ห่างเขาไว้เขาอันตรายมาก

เทียบสองฉบับวางอยู่เบื้องหน้ามู่ชิงเกอ ความจริงแล้วเทียบเชิญสองฉบับนี้มาจากที่เดียวกัน แต่กลับมีความแตกต่าง

หลังจากที่ส่งเจียงหลีกลับไปแล้ว มู่ชิงเกอก็หลุบตาเพ่งมองเทียบเชิญสองฉบับ

ฉบับหนึ่งมาจากการเชิญร่วมงานประมูลของหอสรรพสิ่ง

ฉบับหนึ่งมาจากหานฉายไฉ่ นึกไม่ถึงว่ามารร้ายหานฉายไฉ่จะอยู่ที่เมืองเทียนตูนี้ ด้วย จุดนี้เหนือความคาดหมายของมู่ชิงเกออย่างมาก นับๆ ดูแล้ว พวกนางก็ไม่ได้พบหน้ากันมาปีกว่าเกือบสองปีแล้ว

มู่ชิงเกอคิดแล้วคิดอีก หยิบเทียบเชิญที่เขียนชื่อผู้ส่งว่า หานฉายไฉ่ขึ้นมา

“นึกไม่ถึงเลยว่าหานฉายไฉ่จะนัดพบข้าคืนนี้? เขาเปลี่ยนไปมีมารยาทขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” มองดูรายละเอียดที่ระบุในเทียบเชิญแล้วมู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้นด้วย ความสงสัยแกมประหลาดใจ ในความทรงจำของนาง หานฉายไฉ่ทำอะไรโดยไม่ใส่ใจ ความคิดเห็นผู้อื่น คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา แม้ว่าอยากจะพบหน้านาง ก็จะไม่ใช่วิธีธรรมดาทั่วไปเช่นนี้

“ไม่รู้ว่าจะเล่นตลกอะไร” มู่ชิงเกอวางเทียบเชิญในมือลง เอ่ยรำพันกับตนเองหนึ่งประโยค จากนั้นก็หยิบจดหมายเชิญอีกฉบับขึ้นมา นี่คือจดหมายเชิญเข้าร่วมงานประมูลของหอสรรพสิ่ง นางเชื่อว่าในเทียนตูมีผู้ที่ได้รับเทียบเชิญนี้จำนวนไม่น้อย งานประมูลจะจัดในอีกครึ่งเดือนให้หลัง หรือเรียก ได้ว่าจัดขึ้นในระหว่างการจัดงานชุมนุมใหญ่ของหลินชวน?

มู่ชิงเกอลอบคำนวณเวลาอยู่ในใจเงียบๆ งานชุมนุมใหญ่ของหลินชวนจะจัดขึ้นในอีกห้าวัน ระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน หลังการแข่งขันทุกรอบจะมีเวลาให้ พักผ่อนสามวันเต็ม

ส่วนเวลาในการจัดงานประมูลของหอสรรพสิ่ง อยู่ในวันพักผ่อนหลังการแข่งขันรอบแรกเสร็จสิ้นพอดี

“ดูท่าว่าคนจากหอสรรพสิ่งจะคำนวณทุกอย่างมาเป็นอย่างดีแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยกับตัวเอง หลุบตาลง เปิดเทียบเชิญฉบับนั้น

รายละเอียดในนั้น ระบุเพียงวันเวลาและสถานที่ในการประมูลรวมถึงชื่อผู้รับเชิญ แล้วก็กฎระเบียบการเข้าร่วมงานอีกนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับงานประมูลเลย

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว ในใจเกิดความลังเลอยู่บ้าง

พละกำลังโดยรวมของแคว้นอันดับสาม คิดจะอยู่ในสี่ตำแหน่งที่เหลืออยู่แล้วได้รับผลประโยชน์มากมายกว่านั้น เดิมทีก็จำเป็นต้องทุ่มเทพลังทั้งหมด ทุ่มพลังทั้งหมด ที่ว่านี่ไม่ใช่แค่เพียงพลังยุทธ์ยังรวมถึงการคิดคำนวณและแผนการแต่ละขั้นตอน

ต้องใช้ค่ายกลจัดเรียงทหารที่มีประสิทธิภาพหลากหลายรูปแบบ ถึงจะมีโอกาสรับรองชัยชนะในขั้นสุดท้ายได้!

ครั้งนี้ มีตัวแทนแคว้นอันดับสามมาสามแคว้น มู่ชิงเกอย่อมคาดหวังว่าสุดท้ายแล้วสามแคว้นนี้จะผ่านการรับรองไปด้วยกัน แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ความกดดันของผู้เป็นผู้นำย่อมเพิ่มมากขึ้น

ตลอดทั้งวันต้องวุ่นวายใจกับเรื่องงานชุมนุมใหญ่หลินชวน นางจึงมีความรู้สึกสนใจงานประมูลของหอสรรพสิ่งอยู่หลายส่วน

คิดแล้วมู่ชิงเกอก็รำพึงกับตนเองว่า “คืนนี้ไปพบหานฉายไฉ่ก่อนค่อยว่ากันอีกที”

ว่าแล้วมู่ชิงเกอก็เก็บจดหมายเชิญร่วมงานประมูลกับเทียบเชิญของหานฉายไฉ่ไว้ด้วยกัน

 

ยามคํ่าคืน ราวกับว่าเทียนตูเปลี่ยนไปเป็นอีกโฉมหน้าหนึ่ง

เทียนตูยามกลางวันมีบรรยากาศสวยงามราวกับห้องนอนสตรีสูงศักดิ์ เทียนตูยามคํ่าคืนกลับเปลี่ยนไปมีมนต์เสน่ห์ เต็มไปด้วยความบรรยายกาศน่าหลงใหลหลายรูปแบบคละเคล้ากันไป

มู่ชิงเกอออกมาจากเรือนรับรองเพียงลำพัง ไม่ได้พาผู้ใดติดตามไปพบปะนัดหมายด้วย

เมื่อออกมาพ้นประตู นางก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ลอบจับจ้องมาจากรอบด้าน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายไม่มี มู่ชิงเกอเดินเข้าไปในตลาดยามค่ำคืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตอนกลางวัน นางถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าที่ตำหนักหลีกงเพียงลำพัง เกรงว่าจะมีคนมากมายเก็บความสงสัยใคร่รู้เอาไว้ในใจไม่อยู่ ต้องการจะมาสืบข่าวคราว

พวกเขารีบร้อนอยากจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมหาปราชญ์ตรงจุดนี้นับจากออกมาจากตำหนักหลีกงนางก็รู้แจ้งแก่ใจ เงาร่างของมู่ชิงเกอหายไปในฝูงชนที่หลั่งไหลในตลาดยามคํ่าคืน เพิ่มความยากให้กับผู้ที่ลอบมองอยู่ขึ้นมา

ทันที

ร้านค้าแผงลอยเรียงรายริมถนน ขายของแปลกๆ มากมาย

ริมบึงริมทะเลสาบมีผู้คนจุดประทัดไฟ ปล่อยโคมดอกบัว บรรยากาศครึกครื้นเป็นพิเศษ

มู่ชิงเกอเดินไปข้างหน้าอย่างสบายอารมณ์ส่วนคนที่ลอบมองนางอยู่ข้างหลังกลับตามติดนางด้วยความลำบาก ไหนจะต้องกลบเกลื่อนร่องรอยของตนเองอีก

“เถ้าแก่ หน้ากากนี้ขายอย่างไร?” มู่ชิงเกอเดินไปหยุดลงตรงหน้าแผงขายหน้ากากแผงหนึ่ง สุ่มชี้ไปที่หน้ากากโฉมหน้าดุร้ายลายเส้นนํ้าหมึกสีเข้มอันหนึ่งแล้วเอ่ยถามขึ้น

“ห้าอีแปะ…โอ๊ะ…” เถ้าแก่เจ้าของร้านเงยสายตาขึ้นตอบ แต่ว่าพอได้เผชิญหน้ากับหน้าตาหล่อเหลาของมู่ชิงเกอก็ตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง

พอเขาได้สติกลับมา เบื้องหน้าไหนเลยจะยังมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ลวงใจผู้คนอยู่อีก? แม้แต่หน้ากากโฉมหน้าดุร้ายที่วางอยู่บนแผงก็ไม่อยู่แล้ว เหลือไว้เพียงเงินห้าอีแปะที่วางทิ้งอยู่บนแผงเท่านั้น

“ข้าตาลายหรือเปล่า? คุณชายรูปงามเกินใครผู้นั้นใช่ปีศาจจำแลงกายมาหรือไม่?” เถ้าแก่เจ้าของร้านขยี้ตา เอ่ยพึมพำ

เมื่อเขาเก็บเงินห้าอีแปะขึ้นมา ความรู้สึกเป็นจริงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

ขณะที่เขาแยกไม่ออกระหว่างความฝันกับความจริงนั้น จู่ๆ ก็มีชายสามคนพุ่งถลาเข้ามาที่แผงร้านของเขา เบิกตามองมาด้วยท่าทางวิตกกังวล

“โอ๊ะ ท่านลูกค้าต้องการซื้อหน้ากากหรือไม่?”เถ้าแก่เจ้าของร้านเห็นว่าการค้ามาเยือนก็เอ่ยสอบถามด้วยความเบิกบานใจ

แต่ว่าชายเสื้อเขากลับถูกคนผู้หนึ่งกระชากอย่างแรง ลากเขามาหยุดลงตรงหน้า “ข้าถามเจ้าหน่อย เมื่อครู่นี้มีคุณชายรูปงามสวมชุดสีแดงมาที่ร้านเจ้าใช่หรือไม่?”

นํ้าเสียงเกรี้ยวกราดดุดันทำให้เถ้าแก่เจ้าของร้านรู้สึกหวาดกลัว อ้าปากพะงาบๆ อยู่นานกว่าจะเอ่ยขึ้นว่า “เขา…เขาไป ตั้งนานแล้ว…”

“ไปแล้ว? น่าตายนัก!” เมื่อได้รับข้อมูลนี้แล้ว คนผู้นั้นก็ออกแรงสะบัดเถ้าแก่เจ้าของร้าน ไปรวมกับคนที่เหลือ รีบร้อนฝ่าเข้าไปในฝูงชน

เถ้าแก่เจ้าของร้านถูกการกระทำนี้ทำให้ตระหนกจนใบหน้าซีดขาว ไม่กล้าที่จะค้าขายต่อรีบร้อนเก็บแผงและเข็นรถจากไป

คนพวกนั้นกลืนไปกับฝูงชน ทว่าละเลยคนผู้หนึ่งที่สวมหน้ากากโฉมหน้าดุร้ายไว้บนใบหน้าซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของฝูงชน

กระบอกตาของหน้ากากโฉมหน้าดุร้ายเผยให้เห็นดวงตาสุกใสคู่หนึ่ง สงบนิ่งไร้คลื่นลมราวกับสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้ตรงๆ หลังจากที่นางมองดูหางของพวกที่สะกดรอยตามมาเหล่านั้นหายไปในฝูงชนแล้ว ก็หมุนตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง

หน้ากากโฉมหน้าดุร้ายที่นางสวมไว้บนใบหน้า ไม่เพียง แต่ผู้คนจะไม่รู้สึกหวาดกลัว กลับเพิ่มเสน่ห์ให้ดูลึกลับน่าค้นหาขึ้นหลายส่วน ราวกับว่าบนถนนสายนี้ผู้คนที่สวมใส่หน้ากากออกมาเที่ยวเล่นไม่มีใครโดดเด่นเท่านาง

ในเมืองเทียนตู มีทะเลสาบที่มีทัศนียภาพงดงามแห่งหนึ่ง

ทะเลสาบคดเคี้ยวสวยงามกินพื้นที่บริเวณกว้าง ยามกลางวันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมชมชอบของชาวเทียนตู ยามกลางคืนก็เป็นสถานที่นัดพบ บอกกล่าวความในใจของบรรดาหนุ่มสาว

บนผิวนํ้าทะเลสาบมีเรือสำราญล่องตามระลอกคลื่นยามคํ่าคืน

บนเรือสำราญแว่วเสียงเครื่องดนตรีลอยมา เงาร่างอรชรเคลื่อนกายพลิ้วไหวอ่อนช้อย ร้องรำทำเพลงสนุกสนานครื้นเครง ดื่มสุราเคล้าความรื่นเริง

บนผิวทะเลสาบอันสุดแสนกว้างใหญ่ มีเรือสำราญลำหนึ่งจัดได้ว่าแปลกตา

ความพิเศษที่ว่านี้คือพิเศษที่มันไม่ครึกครื้นเฉกเช่นเรือสำราญลำอื่นๆ มองดูแล้วช่างสงบนิ่ง ไม่มีหญิงคณิการูปร่างอรชรออกมาฟ้อนรำและไม่มีเสียงดนตรีที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

ความสงบเงียบของมัน ทำให้มันไม่เข้าพวกกับสถานที่แห่งนี้

แต่ว่า นี่เป็นเพียงภาพผิวเผินเพียงเท่านั้น

มู่ชิงเกอนั่งอยู่ในห้องโดยสารที่สุดแสนโอ่โถงบนเรือ หน้ากากโฉมหน้าดุร้ายถูกถอดออกวางไว้ข้างๆอย่างไม่ใส่ใจ

นางพิจารณารอบด้านของห้องโดยสาร พื้นหลังสีชมพู แกะสลักลวดลายสีทองสีสันฉูดฉาด ช่างสมกับตัวตนของหานฉายไฉ่เสียจริง มู่ชิงเกอเกรงว่าชั่วชีวิตนั้นนางคงไม่มีทางลืมครั้งแรกที่ได้พบหานฉายไฉ่ ฉากที่ปรากฏตัวออกมาจากรถม้า

การประดับตกแต่งแบบศิลปะพื้นๆ แบบอลังการ นอกจากหานฉายไฉ่แล้วเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน นางปรากฏตัวตามนัดหมายบนเรือที่หานฉายไฉ่จองเอาไว้ แต่ว่าเจ้าภาพกลับหายตัวไป การกระทำที่ไม่มีมารยาทเช่นนี้คล้ายกับหานฉายไฉ่ในความทรงจำของนางอยู่บ้าง

ทันใดนั้นก็มีเงาคนเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกผ้าม่าน

ชั่วพริบตาเดียว หญิงรับใช้หน้าตาสะสวยสี่ห้านางก็ก้มหน้ายกสุราเลิศรสและอาหารอันโอชาก้าวเข้ามา จัดเรียงลงบนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้ามู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว

หลังจากจัดเรียงเสร็จ พวกนางก็ถอยออกไปเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองมู่ชิงเกอเลยแม้แต่นิด และไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด

หลังจากรอพวกนางออกไปแล้ว มู่ชิงเกอก็หลุบตาลง มองโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง

หน้ากากที่นางวางทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ถูกวางไว้ข้างๆ ด้วย ความระมัดระวัง พื้นที่ที่เหลือปูด้วยผ้าคลุมที่ทอด้วยดิ้นทอง บนผ้าคลุมนั่นจัดเรียงไปด้วยอาหารเจ็ดแปดอย่าง และสุราเลิศรสหนึ่งกา

ตะเกียบและชามสำหรับกินข้าวแกะสลักมาจากหยกอ่อนสีขาวดุจนํ้านมแพะคุณภาพดี วิจิตรประณีตอย่างยิ่ง

มู่ชิงเกอมองดูรายการอาหารแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อยแทบไม่ทันได้สังเกต ในบรรดาอาหารเหล่านี้มีอาหารขึ้นชื่อของแคว้นฉินอยู่เกินครึ่ง ที่เหลือน่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของอาณาจักรเซิ่งหยวน

การรับรองที่เอาใจใส่เช่นนี้ทำเอามู่ชิงเกอตื่นตะลึงในความเอาใจใส่ที่ได้รับอย่างคาดคิดไม่ถึง

เบนสายตาจากอาหารอันโอชา แต่มู่ชิงเกอก็ยังไม่ได้จับตะเกียบ

นางมองไปยังตำแหน่งเจ้าภาพที่เว้นว่างอยู่ หรี่ตาลงเล็กน้อย “หานฉายไฉ่ ข้ามาตามนัดแล้ว เจ้ายังแสร้งทำเป็นลิงหลอกเจ้าอีกหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version