ตอนที่ 2
ความสามารถ ชาย หญิง ในร่างเดียวกัน
เศษฝุ่นลอยฟุ้งเหนือพื้นดิน ม้าเร็วที่ล้อมรอบตัว
เธอ ดูสูงใหญ่และว่องไวผิดปกติ
อย่างไรก็ตามถ้าเทียบกับม้าเร็วที่เธอรู้จักแล้ว
แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกัน แต่อย่างอื่นไม่
สามารถเอามาเทียบกันได้เลย
ม้ายังคงวิ่งไปมาไม่หยุด ทำให้เศษฝุ่นปลิว
กระจายจนเธอมองอะไรได้ไม่ค่อยชัด
นี่จงใจสินะ!
ต้องการจะเอาม้ามาล้อมเธอไว้ เพื่อให้เธอตกใจ
กลัวงั้นเหรอ?
“เหอะ โดนดูถูกบ้างก็เป็นประสบการณ์ที่แปลก
ใหม่อย่างหนึ่ง ประสบการณ์*เล่นเป็นหมูเพื่อจะกินเสือ
แบบนี้ เหมือนว่าจะยังไม่เคยเล่นมาก่อน”
“เฮ้ย!เจ้าหนู แกมัวพึมพำอะไรอยู่ เห็นข้าแล้ว
ยังจะไม่โขกหัวร้องขอชีวิตอีก! ฮ่าๆๆๆ——– ”ผู้นำที่นั่ง
อยู่บนหลังม้าน่าจะเรียกได้ว่า*หลังกว้างเหมือนเสือ เอว
ใหญ่เหมือนหมี รูปลักษณ์ของเขาแทบจะทำให้ทุกคน
มองข้ามเขาไป แต่เสียงพูดที่หยิ่งยโสและกวนประสาท
นั่นกลับทำให้คนจดจำได้ไม่ลืม
“ไม่ใช่สิ ลูกพี่ เหมือนจะเป็นผู้หญิงเลย”
“หืม?” ลูกพี่มองมาแวบหนึ่ง เถียงคำพูดของลูก
น้อง “ตาแกบอดรึไง? ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายผอมแห้งคน
หนึ่ง!”
“ใช่ๆๆ ลูกพี่พูดถูก เป็นเด็กผู้ชาย “ในน้ำเสียง
นั้นนอกจากการคล้อยตามแล้ว ยังดูมีความสงสัยอยู่
หลายส่วน
ผู้ชาย ? หรือผู้หญิง ?
หรือว่าหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชาย?
มู่เกอที่ไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับเพศของตัวเองมา
ก่อน หลังจากใช้ศพคืนชีพแล้วก็ยังคงไม่เคยสงสัยเกี่ยว
กับเพศของตัวเอง
ชาติที่แล้วเธอเคยมีประสบการณ์อยู่ในสงคราม
จนลืมไปแล้วว่า ก่อนยุคปัจจุบันที่เจริญแล้ว สนามรบ
และการทำสงครามเป็นหน้าที่ของผู้ชาย ไม่ได้เกี่ยวข้อง
อะไรกับผู้หญิง
“หึ ! เจ้าหนู คุกเข่าลงดีๆ โขกหัวให้ข้าดังๆ
สามครั้ง เลียรองเท้าของข้าให้สะอาด แล้วข้าจะยอม
เมตตารับเจ้ากลับไปด้วย ให้ข้าวเจ้ากิน” ลูกพี่คนนั้น
มอง ‘เด็กชาย’ ผู้โชคดีผู้รอดชีวิตมาจากสงครามที่
ถูกล้อมอยู่ตรงกลางวงอย่างได้ใจ
“คนเลว มักตายเพราะพูดไร้สาระมากเกินไป!”
มู่เกอเงยหน้าขึ้น 45 องศา ถอนหายใจแล้วพูด
มาประโยคหนึ่ง
“แกพูดว่าอะ………..”
พลั่ก!
ฮี้———–!
ม้าร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด และยังมี
เสียงตกกระแทกพื้นหนักๆ ตัดบทคำพูดชายร่างกำยำ
คนนั้น
เศษฝุ่นลอยฟุ้งขึ้น เหนือพื้นดิน ปกคลุมตัวของมู่
เกอเอาไว้
ท่าทางมู่เกอราวกับเสือซีต้า แล้วเริ่มเกมส์ที่ตน
คุ้นเคยดี———การล่านั่นเอง
“ฆ่ามันซะ!”
ชายคนนั้นพอตกลงมาจากหลังม้าก็รู้สึกเหมือน
ว่ากระดูกทั้งตัวแตกหัก เขาสะบัดมือชี้สั่งให้ลูกน้องโจม
ตีร่างอันผอมบางนั่น
แต่มู่เกอ กลับไม่รู้สึกตื่นกลัวแม้แต่น้อย ที่มุม
ปากเผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา ดวงตาทั้งคู่นอก
จากความสงบนิ่งแล้วก็ไร้ซึ้งระลอกคลื่นใดๆ
คนสิบกว่าคนชูอาวุธขึ้นมา บนร่างมีแสงสีแดง
ปรากฏขึ้น แตกต่างกันเพียงแค่ความเข้มของสีเท่านั้น
มู่เกอดวงตาสาดประกายแวบหนึ่ง ไม่ทันได้
สังเกต “เรื่องแปลก” ที่เกิดขึ้น บนตัวคนพวกนี้ อาศัยแค่
ความสามารถและประสบการณ์ของเธอ เธอก็สามารถ
จบสงครามได้ในเวลาอันสั้น
อย่างน้อย ทุกอย่างก็ต้องจบก่อนที่ร่างกายของ
เธอจะไม่ไหว
การเคลื่อนไหวรวดเร็วคล่องแคล่ว ทุกกระบวน
ท่าล้วนหมายชีวิต มู่เกอหลบการโจมตีจากอาวุธที่มีแสง
สีแดงพวกนั้น ใช้กระบวนท่าของตนเด็ดทุกชีวิต
“มือลื่นเป็นปลาไหลเลยนะ……….อ้า!”
‘กร็อบ!’
เสียงกระดูกคอหัก จบคำพูดนั้นลง
มู่เกอหัวเราะอย่างไร้เสียง หันหลังสะบัดหมัด
เข้าตรงหัวใจของคนที่คิดจะลอบกัดจากทางด้านหลัง
ตอนที่ถอนมือกลับมา ไม่มีใครทันสังเกตเห็นแสงสีม่วง
อ่อนจางหลายสายที่ค่อยๆ จางหายไปจากหมัดของเธอ
ในตอนนี้เอง มู่เกอสัมผัสได้ถึงพลังอย่างหนึ่งที่คุ้น
เคย ดวงตาที่สงบนิ่งมีแววยินดีวาบผ่าน เพราะมันทำให้
การลงมือของเธอมีกำลังมากขึ้น อีกหลายเท่า
“อ๊าก——–!”
ผู้ถูกโจมตี กระเด็นไปด้านหลังเหมือน
โดนกระสุนปืนใหญ่ วินาทีที่ล้มลงพื้นนั้นก็ไร้ซึ่งเสียง
ใดๆ เหลือเพียงกลิ่นไหม้จางๆ บนร่างกาย
คนสิบกว่าคนรวมทั้งลูกพี่ร่างกำยำคนนั้น ถูกมู่
เกอจัดการในเวลาอันสั้น
ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง ในขณะที่มู่เกอคุกเข่า
ลงข้างหนึ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ปรับลมหายใจของตัวเองให้
คงที่พร้อมกับมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง
ระหว่างนิ้วทั้งสิบมีแสงสีม่วงราวกับเส้นด้ายวูบ
วาบขึ้นมา เกี่ยวพันราวกับเด็กน้อยที่แสนซุกซน
“เจ้ายังอยู่ งั้น …….”
มู่เกอพึมพำ พลันหลับตาลง เหมือนกำลัง
สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง
แต่ว่า วินาทีต่อมา เธอก็ลืมตาขึ้น ดวงตาสงบ
นิ่งใสกระจ่างทั้งคู่ปรากฏความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เธอเกิด
ใหม่แล้ว แต่กลับไม่คิดว่าความสามารถในการใช้สาย
ฟ้าและช่องว่างของเธอเมื่อชาติก่อนจะติดตามตัวเธอมา
ด้วย
ใช่แล้ว! ชาติที่แล้ว เธอเกิดมาเป็นผู้ที่มีสองพลัง
เพราะความกล้าหาญของเธอ ประเทศจึงรับตัว
เธอไปอย่างลับ ๆ เพื่อเข้ากระบวนการทำการฝึกฝนใน
แต่ละด้าน จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นมีดแหลมคมที่มี
ประโยชน์มากที่สุดเล่มหนึ่ง เพื่อที่จะเป็นมีดเล่มนี้ เธอ
ต้องเสียสละทุกสิ่ง ทุกอย่างที่คนธรรมดามี แต่ว่า ตอน
จบกลับไม่ได้สวยงามอย่างที่หวัง สุดท้ายเธอกลับต้อง
มาตายอย่างอยุติธรรมเพราะกับดักของพวกเดียวกันเอง
“แค่กๆ!”
เพราะความอ่อนแอของร่างกาย ทำให้ไม่
สามารถเปิดช่องว่างได้ มู่เกอแค่สามารถรับรู้ได้ถึงการมี
อยู่ของช่องว่างของตนเองเท่านั้น
แต่ว่า นี่ก็เป็นข่าวดีมากแล้ว
อย่างน้อยก็ทำให้ความรู้สึกแปลกแยกในการมา
อยู่ในโลกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนของเธอลดน้อยลงได้บ้าง
“แสงสีแดงที่เกิดขึ้น จากตัวของคนพวกนั้น เป็น
เพราะอะไรกันนะ” เธออดทนต่อความเจ็บปวด และ
พลิกตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า มู่เกอจึงได้มีเวลาคิดทบทวนถึง
ความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ตอนต่อสู้เมื่อครู่นี้
อาศัยกำลังของม้าเร็ว จึงทำให้มู่เกอเดินทางมา
ถึงสุดขอบของพื้นที่รกร้างแห่งนี้ แต่ว่าแรงสั่นสะเทือน
ตอนที่นั่งอยู่บนหลังม้า ก็เกือบจะเอาชีวิตเธออยู่หลาย
ครั้ง
นอกพื้นที่รกร้าง เต็มไปด้วยสีเขียวขจีของพืช
พรรณ นานา ในแม่น้ำ ไหลเอื่อยใสจนเห็นก้น
ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองไม่ว่าใครก็คงยาก
จะจินตนาการว่าพื้นที่ ที่ห่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ กลับมี
ทิวทัศน์ที่แตกต่างราวฟ้ากับเหวขนาดนี้
“ฮี้——–!”
ม้าที่ขโมยมา พามู่เกอมาหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำสาย
หนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยต้นกก
ตอนนี้พระจันทร์ขึ้นเหนือยอดไม้ รอบๆ เงียบ
สงบ นานๆ ทีจะมีเสียงร้องของแมลง
มู่เกอกัดฟันแน่น อดทนต่อความเจ็บปวดของ
บาดแผลแล้วโดดลงม้า สภาพแวดล้อมที่เห็น ยังมี
หิ่งห้อยที่บินต่ำๆ ไปมา แสงสีเขียวที่ส่องประกายวิบวับ
พวกนั้น ทำให้แววตาที่เย็นชาของเธออ่อนโยนลงหลาย
ส่วน
เธอทิ้งเชือกม้าไว้แถวๆ นั้น มู่เกอหันไปยักคิ้วให้
ม้า พูดกับมันว่า” แกนี่เข้าใจเลือกที่จริงๆ”
พูดจบ เธอก็เดินไปทางแม่น้ำเพราะปีนออกมา
จากกองศพทั้งตัวจึงมีแต่กลิ่นเหม็นที่ยากจะทานทน ได้
ล้างทำความสะอาดและพักผ่อนสักหน่อย เป็นสิ่งที่เธอ
อยากทำมากที่สุดในเวลานี้
ในน้ำที่ใสบริสุทธิ์สะท้อนให้เห็นดวงจันทร์เย็น
เยียบท่ามกลางสีรัตติกาล
ถ้าไม่ได้รู้สึกไปเอง มู่เกอรู้สึกว่าพระจันทร์ดวงที่
จมอยู่ในน้ำถ้าเทียบกับดวงที่อยู่บนโลกแล้ว ทั้งใหญ่
กว่าและกลมกว่า
*คืนพระจันทร์เต็มดวง เวลาที่ครอบครัวได้อยู่
พร้อมหน้า?
มู่เกอสะบัดหัว รู้สึกดูแคลนตัวเองที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึก
เศร้าขึ้นมา เธอคุกเข่าลงข้างริมแม่น้ำ มือทั้งคู่จุ่มลงไป
ในน้ำ รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบของน้ำใต้แสงจันทร์
ซ่า!
เสียงน้ำไหลดังขึ้น มู่เกอวักน้ำ ด้วยมือทั้งสอง
ก้มหน้าลงเพื่อจะล้างคราบสกปรกบนใบหน้า
ทันใดนั้นการกระทำของเธอก็หยุดชะงัก
เธอเบิกตาโต จ้องเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ใน
น้ำจนน้ำที่วักขึ้นมาไหลลงมาตามร่องนิ้ว แต่เธอก็ยังไม่
รู้สึกตัว
เฮ้ย ใครตอบเธอได้บ้างว่าไอ้เงาครึ่งหญิงครึ่ง
ชายในน้ำนั่นเป็นใครกัน?!
ใบหน้าเล็กๆ สกปรกจนมองไม่ชัดว่าหน้าตาเป็น
อย่างไร ยิ่งไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเป็นหญิงหรือชาย
แต่ว่า ‘สิ่งที่’ ปรากฏอยู่บนลำคอนอกเสื้อของเธออย่าง
ผลุบๆ โผล่ๆ นั่นกลับทำให้มู่เกอที่ปีนออกมาจากกองศพ
รู้สึกตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก
ลูกกระเดือก สิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นเพศชายหรือ
หญิงได้ชัดเจนที่สุด
เธอตื่นตระหนก! ทำไมเจ้าสิ่งที่เป็นของผู้ชายนี่ถึงมาอยู่
บนร่างเธอได้
เธอไม่ใช่ผู้หญิง …………..
เธอสูดอากาศที่เย็นๆ เข้าไปเฮือกหนึ่ง บท
สนทนาก่อนหน้านี้ของคนพวกนั้นลอยขึ้นมาในหัวของเธอ
มู่เกอที่ร่างแหลกเป็นชิ้นๆ เพราะระเบิด มู่เกอที่
ปีนออกมาจากกองศพ คนที่สงบนิ่งไม่เคยตื่นกลัว ในที่
สุดก็มารู้สึกเสียศูนย์เอาวินาทีนี้
เธอนั่งอึ้งอยู่ตรงริมแม่น้ำ ที่เปียกชื้นไม่ใส่ใจต่อ
ดินโคลนใต้ร่าง
มือหนึ่งยันอยู่บนพื้นอีกมือคลำลำคอของตัวเอง
โดยไม่รู้ตัว
ตอนมือส่งสัมผัสมาถึงตัวเธอนั้นเธอก็สั่นไปทั้ง
ร่าง ก้มมองหว่างขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อคาดเดา
ได้ถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา เลือดในตัวของเธอ
ก็พลันเย็นเฉียบจนติดลบ
ใต้ผ้าผืนนั่นไม่สามารถมองออกได้ว่ามีอะไรผิด
ปกติ
แต่ว่า มู่เกอที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ในตอนนี้กลับไม่
กล้าที่จะยื่นมือออกไปพิสูจน์
ถ้า……….. ถ้าตรงนั้นมีอะไรเพิ่มขึ้นมาจริงๆ
ล่ะ……………
มู่เกอตัวสั่น เลือดสูบฉีดขึ้นที่สมอง ทำให้แก้ม
และหูทั้งสองข้างแดงเห่อ
ถ้าการทะลุมิติ การใช้ร่างของคนอื่นกลับมามี
ชีวิตอีกครั้งของเธอ ทำให้เธอต้องกลายเป็นผู้ชายหรือ
เป็นตัวประหลาดครึ่งหญิงครึ่งชาย………..ผลลัพธ์แบบ
นี้คงทำให้เธอโกรธและอับอายจนยอมตาย
แน่ๆ…………..
*เล่นเป็นหมูเพื่อจะกินเสือ มีที่มามาจากการที่นายพราน
ต้องการที่จะจับเสือ จึงเรียนเสียงร้องของหมูเพื่อล่อให้
เสืออกมา จึงหมายถึงการทำท่าทางซื่อๆ ยิ้มแย้มตลอด
แต่แอบลับมีดเอาไว้ข้างหลัง เป็นวิธีหลอกล่อเพื่อให้ศัตรู
ที่แข็งแกร่งกว่าตายใจแล้วค่อยลงมือ
*หลังกว้างเหมือนเสือ เอวใหญ่เหมือนหมี หมายถึงตัว
ใหญ่แข็งแรงกำยำ
*คืนพระจันทร์เต็มดวง เวลาที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า
หมายถึง เวลาที่พระจันทร์เต็มดวง ก็ควรจะเป็นคืนที่
ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันเหมือนพระจันทร์ที่กลม
เต็มไม่เว้าแหว่ง ดังนั้นในนิยายหรือคำกลอนของจีนจึง
มักจะใช้ประโยคนี้มาบรรยายถึงความเหงา คิดถึงครอบ
ครัว