Skip to content

พลิกปฐพี 3

ตอนที่ 3

วิญญาณของเจ้าของร่างคนเดิม ถ้ำมอง

“สบายใจเถอะ ภายในและภายนอกของร่างนี้

เป็นผู้หญิงทั้งหมด ”

ในขณะที่มู่เกอกำลังจะแข็งเป็นหินและกำลังจะ

พังทลายเป็นเศษฝุ่นในอีกไม่กี่วินาที ก็พลันมีเสียงเยือก

เย็นดังมาจากข้างหลังเธอ

เสียงตอบกลับนั่นสำหรับมู่เกอในตอนนี้แล้ว

เป็นเสมือนเสียงจากสวรรค์

เธอหันหลังทันที เพื่อหาต้นเสียง แต่ก็ต้อง

ประหลาดใจ ทำไมเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ไม่ทำให้

สัญชาตญาณในการระวังภัยของเธอทำงาน

แต่ว่า เมื่อเธอได้เห็นผู้ที่พูดก็อึ้งงันไป

“คน? ผี? หรือเทพ ?” บริเวณถัดจากตรงหน้า

เธอประมาณครึ่งเมตรมีเงาโปร่งแสงลอยอยู่ มู่เกอเอ่ย

ปากถามอย่างไม่ตื่นตระหนก

ใช่ เธอเป็นคนที่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน ‘สิ่ง

ที่’อยู่ตรงหน้า ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เธอตกใจได้

‘คน’ตัวโปร่งแสงมองมาที่เธอนิ่งๆ แล้วละสาย

ตาอย่างเย่อหยิ่ง พร้อมพูดอย่างเย็นชาว่า “*นกพิราบ

ครอบครองรังของนกกางเขน”

“!” มู่เกอยกมุมปาก หรี่ตาลงพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

เสอื้คลุมยาวสีแดงเป็นประกายราวกับเปลวไฟ

เสื้อเกราะเบาที่ประเมินค่าไม่ได้ ผมเงาดำถูกมัดรวบไว้

ด้วยที่เกล้าผมหยก ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามสะดุดตา

‘งาม งามมาก” สามารถทำให้มู่เกอยอมรับเรื่อง

นี้ได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่ว่า…….มู่เกอที่ตาเป็น

ประกายคิดในใจว่า ‘น่าเสียดาย ไอดำที่หว่างคิ้วทั้งสอง

ข้างเข้มเกินไป จึงทำลายความสวยงามที่หาได้ยากนี้

มู่เกอมองประเมินอย่างไม่หลบเลี่ยงทำให้ ‘คน’

โปร่งแสงคนนั้นหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา สายตายิ่งดู

ถูกกว่าเดิม “สมองเชื่องช้า ไม่คิดเลยว่าร่างของข้าจะถูก

คนแบบเจ้ายึดครอง”

เฮอะ !

สมองเชื่องช้า หมายถึงเธอเหรอ?

มู่เกอกะพริบตา มั่นใจว่ารอบข้างไม่มีบุคคลที่

สามอยู่ คิ้วงามดกดำก็ขมวดเข้าหากันน้อยๆ

“เจ้าไม่ยินยอมรึ?” มู่เกอพลันยิ้มเย็น

ความสามัคคีของคนและผีคู่นี้ในตอนแรก กลาย

เป็นความเคร่งเครียดขึ้นมาภายในเวลาอันสั้น

ไม่ยินยอม? จะให้ยินยอมได้อย่างไรกัน?

หลังจากที่มู่เกอพูดจบ ใบหน้าของเจ้าของร่าง

คนเดิมก็แสดงความขัดแย้งออกมาอย่างชัดเจน ส่วนลึก

ในดวงตาราวกับมีเปลวไฟแห่งความไม่ยินยอมลุกโชน

ขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ดับมอดลงอย่างเงียบๆ

“ไม่ยินยอมแล้วอย่างไร ข้าตายไปแล้ว แม้ว่าจะ

ไม่มีเจ้า ก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อยู่ดีสุดท้ายก็ถูกเผา

ร่างสลายหายไปก็เท่านั้น” ความรู้สึกโศกเศร้าค่อยๆ แผ่

ซ่านออกมา ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ยินยอมต่อความ

อยุติธรรมที่ได้รับ ทำให้หิ่งห้อยรอบข้างบินออกห่าง ไม่

กล้าเข้าใกล้

ความโศกเศร้าเสียใจไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อ

มู่เกอเลย ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ

เธอไม่ได้เป็นคนที่ไปขโมยร่างของคนอื่นมา

เธอพยักหน้าพูดอย่างเห็นด้วยว่า “ที่พูดมาก็จริง

อยู่ มองจากความเป็นจริงบางมุมแล้ว การปรากฏตัว

ของข้าช่วยรักษาให้ร่างของเจ้ายังคงอยู่ไม่เสื่อมสลายไป”

พูดจบ ก็ปรากฏสีหน้า ‘ไม่ต้องซาบซึ้งก็ได้ ข้าชื่อเหลยฟง’ออกมา

ใบหน้าของเจ้าของร่างคนเดิมกระตุกทีหนึ่ง

สำหรับการกระทำหน้าไม่อายแบบนี้แล้ว นางก็ทำได้แค่

แค่นเสียง ‘ฮึ’ ออกมาคำหนึ่ง

“พูดมาสิอยู่ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าแบบนี้

ต้องการอะไร อยากจะเอาร่างกลับคืนไป หรือหวังให้ข้า

ละอายใจที่ใช้ร่างของเจ้าแล้วให้ข้ารับปากสัญญาเหลว

ไหลอะไรพวกนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เลิกคิดเถอะ” หลังจาก

ที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ชาย มู่เกอก็กลับไปเป็นคนเดิมที่

แม้ว่าฟ้าจะถล่มลงมาข้าก็จะไม่ขยับไปไหนคนนนั้นอีกครั้ง

พูดทิ้งท้ายอย่างเกียจคร้านแล้วก็ขี้เกียจจะล้าง

ตัวต่อ เธอนอนตะแคงบนพื้นหญ้า ใช้ข้อศอกพยุงร่าง

ของตัวเองเอาไว้ ยกขาขึ้นข้างหนึ่งขึ้นด้วยท่าทางสูงสง่า

โอหังเป็นที่สุด

ตาทั้งสองข้างของเธอหรี่ลง ราวกับจะเคลิ้มหลับ

ยิ้มมุมปากจางๆ ทำให้หน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบสกปรกดู

เปล่งปลั่งราวกับได้เกิดใหม่ ท่าทางสบายอกสบายใจ ดู

ไม่เหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแม้แต่น้อย

เจ้าของร่างคนเดิมนิ่งมองมู่เกอ ความรู้สึกอิจฉา

และริษยาวาบผ่านขึ้นในใจ

นางมีชีวิตอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ราวกับว่าในโลกนี้

ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งนางได้ ใช้ชีวิตอย่างเอาแต่ใจ แต่

ชีวิตที่ผ่านมาของนาง นางกลับไม่กล้าที่จะคาดหวัง

นางไม่กล้า ไม่อาจที่จะลืมฐานะของตนเอง อีก

ทั้งภาระที่ตัวเองแบกรับอยู่ได้

พลั้งพลาดไปเพียงนิด สิ่งที่รอต้อนรับนางอยู่ นั่น

ก็คือ ความหายนะ!

“ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงปรากฏตัวให้เจ้าเห็นได้”

เจ้าของร่างคนเดิมละสายตาจากมู่เกอแล้ว มองออกไป

ไกล ราวกับว่าหากหลีกเลี่ยงไม่สบตากับมู่เกอ จะทำให้

นางสามารถรักษาเกียรติและความภาคภูมิใจเอาไว้ได้

บ้าง “แต่ข้ารู้แค่ว่า หลังจากสี่สิบเก้าวัน ข้าก็จะหายไป

ตลอดกาล”

หายไปตลอดกาลหรือ? นี่ถือว่าเป็นข่าวดี

มู่เกอกวาดสายตาผ่านร่างโปร่งแสงของเจ้าของ

ร่างคนเก่าไปอย่างเย็นชา

สายตาแบบนี้ไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างคนเดิมรู้สึก

อะไร นางเม้มริมฝีปากที่โปร่งแสงแน่น มองความมืดทึบ

ข้างหน้าแล้วพูดพึมพำขึ้นว่า “มู่ชิงเกอ หลานชายสาย

ตรงผู้สืบสายเลือดเพียงคนเดียวของหย่งหนิงกงแม่ทัพ

ใหญ่แคว้นฉิน ปีนี้อายุ 15 ปี นิสัยดื้อรั้น คาดเดาใจยาก

เป็นคนลั่วตู ที่บ้านนอกจากท่านปู่มู่ซงแล้ว ญาติสาย

เลือดเดียวกันก็เหลือแค่ท่านอามู่เหลียนหรง ทหาร 500

นายที่ปกป้องข้าอย่างไม่คิดชีวิตนั่น เป็นองครักษ์ของข้า

เอง ครั้งนี้พวกเราจากลั่วตูมาแสนไกล ถึงสนามรบที่ลั่ว

รื้อก็เพราะว่า………. ”

มู่เกอไม่ได้ขัดจังหวะการพูดของเจ้าของร่างคน

เดิม แต่กลับฟังอย่างตั้งใจ

หลังจากที่เธอเกิดใหม่ ก็ไม่ได้รับเอาความทรง

จำเกี่ยวกับตัวของเจ้าของร่างคนเดิมมาด้วย แต่ตอนนี้

สิ่งที่เจ้าของร่างคนเดิมทำ ราวกับว่ากำลังช่วยเธอให้รับ

ร่างนี้ต่อได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ใช้ตัวตนใหม่นี้เพื่อมีชีวิต

อยู่ต่อไป

เมื่อฟังสิ่งที่เจ้าของร่างกล่าวจบ มู่เกอก็ยันตัวลุกขึ้นนั่ง

ขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า ดึงหญ้าป่าบนพื้นจนกระจุย

กระจาย แล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นที่บุคคลสูงส่งอย่าง

เจ้ามาโผล่อยู่ที่สนามรบแบบนี้ก็เพราะถูกยั่วยุจากเจ้า

อะไรนั่นน่ะที่มีเจตนาร้าย เจ้าจึงออกมาอย่างวู่วาม เป็น

อย่างนี้ใช่หรือไม่?

เจ้าของร่างเดิมเม้มปากแน่น ไม่โต้ตอบอะไรแต่

พยักหน้า และไม่ทันได้สังเกตแววตาที่เยียบเย็นของมู่เกอ

ตรงตำแหน่งของหัวใจ พลันเกิดโทสะทำให้ร่าง

กายของเธอที่บาดเจ็บอยู่แล้ว เจ็บมากขึ้นไปอีกราวกับ

ราดน้ำมันลงบนกองไฟ ชาติที่แล้ว เธอเป็นทหาร เข้าใจว่า

อะไรคือหน้าที่ของคนเป็นทหาร แต่ว่า ตอนนี้เธอกลับไม่

สามารถยอมรับได้ การตายของทหาร 500 นายนั่น เป็น

เพราะอารมณ์ชั่ววูบของไอ้คนเสเพลแค่คนหนึ่ง

“สิ่งที่ข้าติดค้างพวกเขา เกรงว่าคงไม่อาจชดใช้

ได้หมด แต่คนที่มันตั้งใจทำร้าย ข้าขอให้เจ้าอย่าปล่อย

มันเอาไว้” เหมือนเป็นเพราะคำเตือนของมู่เกอ เจ้าของ

ร่างคนเดิมจึงไม่ได้พูดว่า “เพราะเจ้าครอบครองร่างของข้า จึงต้องช่วยข้าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้” แต่ขอร้องออก

มาโดยตรงเลย

ไอสังหารของมู่เกอค่อยๆ สลายไป

แม้ว่าคนที่ทหาร 500 นายนั่นต้องการจะปก

ป้องไม่ใช่เธอ แต่เธอกลับได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ลองคิด

ดู หากไม่ได้รับการปกป้องอย่างไม่คำนึงถึงชีวิตของ

ทหารทั้ง 500 นาย ร่างที่เธอจะใช้ก็คงจะพรุนเป็นรังผึ้ง

ไปนานแล้ว จะมีโอกาสเกิดใหม่ได้อย่างไรกัน

ช่างเถอะ หนี้ในครั้งนี้สนองคืนไปก็หมดเรื่อง

พอคิดแบบนี้มู่เกอจึงพยักหน้า ถือว่าตอบตกลงแล้ว

พอได้คำตอบที่ต้องการมือของเจ้าคนร่างคน

เดิมที่กำแน่น ก็ค่อยๆ คลายออก ถ้ามู่เกอไม่ยินยอม

นางก็ไม่มีวิธีอะไรแล้ว

“เพราะเหตุใดคนผู้นั้นถึงต้องทำร้ายเจ้าด้วย?

ร่างครึ่งหญิงครึ่งชายของเจ้านี้มันเป็นเพราะอะไรกัน

แน่?” มู่เกองอนิ้วเคาะกับพื้นหญ้า ขมวดคิ้วถาม

เจ้าของร่างคนเดิมยิ้มอย่างสิ้นหวัง ท่าทางโศก

เศร้า ความหยิ่งยโสในตัวหายไปทันที “เพราะข้าดันไป

รักคนที่ไม่ควรรักเข้า คนอื่นเห็นแล้วขัดตา ก็ต้องสั่งสอน

เป็นธรรมดา แต่ไม่คิดเลยว่าการสั่งสอนครั้งนี้คือต้อง

การจะเอาชีวิตของข้า ถ้าเขารู้ว่าข้าตายแล้ว ไม่รู้ว่า

จะ………..”

“เฮ้ย! ข้าไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องรักรักใคร่ใคร่

ของเจ้านะ” มู่เกอพูดขัดจังหวะ กลับพึมพำออกมาว่า

“อายุแค่นี้ริจะมีความรัก อย่าบอกนะว่าเพิ่งจะข้ามมิติ

มาก็ต้องมาเจอกับเรื่องความรักผิดศีลธรรมอะไรแบบนี้

เนี่ย”

คำพูด แม้จะไร้เยื่อใย แต่มู่เกอกลับสัมผัสได้ถึง

ความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อคนรักของเจ้าของร่างคนเดิม

ได้เป็นอย่างดี

แต่ว่า เพื่อคนๆ นั้นมันคุ้มกันแล้วเหรอ?

เกรงว่าคำตอบนั้นก็คงจะเป็นความจริงที่มู่ชิงเกอกำลังหนีอยู่กระมัง

ช่างเถอะ จะคุ้มหรือไม่คุ้ม วันหน้าเจอกันเดี๋ยวก็รู้

เวลานี้สิ่งที่มู่เกอเป็นกังวลมากกว่าสิ่งอื่นใดก็

คือสภาพของร่างนี้

“ความจริงแล้วตัวข้านั้นเป็นหญิง แต่เพื่อท่านปู่

เพื่อตระกูลมู่ ข้าจึงจำต้องเก็บงำความเป็นหญิงและ

ปลอมตัวเป็นชาย ที่ข้าสามารถปิดบังสถานะที่แท้จริงได้

ไม่ใช่เพราะข้าปลอมตัวได้แนบเนียน แต่เป็นเพราะ

เครื่องมือมายาชิ้นเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ นั่นก็คือตุ้มหูสี

ม่วงบนหูข้างซ้ายของเจ้านั่นไง” พูดจบ สายตาของเจ้า

ของร่างคนเดิมก็หยุดมองที่หูซ้ายของมู่เกอ

“เครื่องมือมายา?” มู่เกอยกมือขึ้น ปลายนิ้วลูบ

คลำตุ้มหูสีม่วงนั้น เป็นเพราะของเล็กๆ ชิ้นนี้น่ะเหรอ? ที่

ทำให้ตัวเธอเดี๋ยวก็เป็นหญิง เดี๋ยวก็เป็นชาย?

เจ้าของร่างคนเดิมพูดอีกว่า “เครื่องมือมายาบน

หูซ้ายของเจ้าชิ้นนี้เกรงว่าอาจจะมีเพียงชิ้นเดียวในหลิน

ชวน ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านแม่ไปได้มาจากไหน รู้แค่ว่า เครื่อง

มือมายาชิ้นนี้สามารถเปลี่ยนเพศของผู้สวมใส่ เพราะ

ทุกอย่างจะเป็นภาพลวงตา ทำให้คนยากแยกจริงเท็จ

ตอนนี้เครื่องมือมายาได้รับความเสียหาย จึงทำให้ร่าง

กายมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา แต่ว่าถ้าผ่านคืนนี้

ไป มันก็จะซ่อมแซมตัวเอง พรุ่งนี้เช้า เจ้าก็จะกลายเป็น

คุณชายตระกูลมู่ คุณชายผู้สืบสายเลือดแห่งจวนหย่งหนิง ”

เมื่อเจ้าของร่างคนเดิมพูดจบ ร่างที่โปรงแสงก็

จางลงไปเรื่อยๆ

“เฮ้ย!” มู่เกอตกใจและรีบลุกขึ้นยืน

“คืนนี้พูดมากเกินไปแล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว สี่สิบ

เก้าวันถัดจากนี้ข้าจะคอยติดตามอยู่ข้างกายเจ้า ถ้าเจ้า

ต้องการพบข้า แค่เรียกข้าก็พอ ” เมื่อเสียงจางหายไป

เงาของมู่ชิงเกอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

“ไปแบบนี้เลยเหรอ?” มู่เกอขมวดคิ้วนัยน์

ตากระจ่างใสทั้งคู่มองไปรอบๆ พอมั่นใจว่ามู่ชิงเกอไม่

อยู่ ก็ยกมือขึ้นจับตุ้มหูสีม่วงบนหูซ้าย

ตุ้มหูสีม่วงที่ไม่มีแสงใดๆ ในตอนแรก แต่พอมู่เกอสัมผัส

ก็มีแสงประหลาดสายหนึ่งวาบผ่านราวกับมีชีวิต

อย่างไรอย่างนั้น

“มีการปลอมตัวที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ดูเหมือนว่า

โลกใบนี้จะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ” วางมือลง แล้วมู่เกอก็

ปลดเสื้อตัวยาวที่ฉีกขาดบนร่างออก

อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็ปรากฏตัวขึ้นขัดจังหวะความคิด

ที่จะล้างทำความสะอาดตัวของเธอ ความสงสัยในใจก็

ได้คลายลงไปแล้ว ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างจะได้

ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดสักที

เธอถอดเสื้อคลุม เกราะเบาออก มู่เกอมีเอี้ยม

เพียงตัวติดกายยืนอยู่กลางสายน้ำใช้ผ้าขาดๆ เช็ด

คราบเลือดบนตัวออก

คืนที่เงียบเหงา ไร้ซึ่งดวงดาว มีเพียงแสงจันทร์ที่

ส่องสว่างลงมาบนตัวเธอ ลมพัดผ่านเบาๆ เสียงเดียวที่

ยังคงดังอยู่คือเสียงหยดน้ำ

ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นหอมรุนแรงลอยปะปนมาตาม

สายลม

มู่เกอหยุดทุกการเคลื่อนไหว กอดอกแน่น พลัน

แยกทิศทางของกลิ่นหอมออกในทันที พร้อมพูดเสียง

แข็ง “ออกมา!”

*นกพิราบครอบครองรังของนกกางเขน หมายถึง การ

แย่งชิงที่อยู่ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version