ตอนที่ 400
อิ๋งชวน เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!
“คุณชายรอง เรื่องนี้ประมุขน้อยไม่รู้..
“อาศัยตอนที่พี่ใหญ่ไม่อยู่จัดการถึงจะดี’’ อิ๋งชวนตัดบทผู้อาวุโสที่มาด้วย คำพูดของเขานั้นมีบ่าวที่อยู่ข้างกายแปลออกมา
บ่าวน้อยคนนี้ก็ไม่รู้ว่าถูกเขาฝึกออกมาอย่างไร ภายในเวลาสองปีมานี้กลับสามารถเข้าใจความคิดของเขาได้อย่างละเอียดไม่มีผิดพลาดเลย สามารถพูดกับคนอื่นแทนเขาได้
“การที่ประมุขน้อยไม่รู้เรื่องนี้ คงไม่เหมาะสักเท่าไหร่กระมัง” ผู้อาวุโสที่มาด้วยเกิดความลังเล
อิ๋งชวนมองเขาอย่างดูแคลนแวบหนึ่ง แล้วก็หันมองบ่าวน้อยคนนั้น บ่าวน้อยคนนั้นเข้าใจในทันทีเอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโส เจ้านายของข้าก็ทำเพื่อตระกูลอิ๋ง มู่เสวี่ยอู่ผู้นี้เป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะแล้ว หากว่าแต่งเข้าตระกูลอิ๋งแล้ว ต่อไปตระกูลอิ๋งก็จะมีอาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะเพิ่มมาหนึ่งคนไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสคนนั้นขมวดคิ้ว “พูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด”
แต่ว่าการทำเรื่องนี้โดยไม่ผ่านประมุขน้อยทำให้ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัว
บ่าวน้อยคนนั้นจ้องท่าทางของเขาแล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส กังวลอะไร? เรื่องนี้ประมุขตระกูลก็เห็นด้วยแล้ว”
‘ใช่ ประมุขตระกูลเห็นด้วยนั้นไม่ผิด แต่ก็พูดว่าให้รอประมุขน้อยกลับมาก่อน หลังจากพูดคุยกันแล้วค่อยให้ประมุขน้อยมาตระกูลซางด้วยกันเพื่อพูดคุยเรื่องการสู่ขอ แต่คุณชายรองกลับไม่อดทนลากเขามาก่อนแล้ว’ ผู้ อาวุโสมองอิ๋งชวนแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกหมดหนทาง
เวลานี้เองทั้งสามคนก็มาถึงนอกประตูใหญ่ตระกูลซางแล้ว
ประตูใหญ่ตระกูลซางปิดสนิทไม่มีความคิดที่จะต้อนรับแขกเลยสักนิด
ในใจของผู้อาวุโสรู้สึกไม่พอใจ เขาเอ่ยกับอิ๋งชวนว่า “คุณชายรอง วันก่อนตระกูลซางก็ไล่พวกเราออกมา ปฏิเสธการสู่ขอไปครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้พวกเรายังจะมารับ ความอับอายอีกหรือ? หากว่าคุณชายรองยังคิดถึงแต่มู่เสวี่ยอู่จริงๆ ไม่สู้รอให้ประมุขน้อยกลับมาแล้วพวกเราค่อยมาอีกครั้งเป็นอย่างไร”
ยังคิดถึงแต่มู่เสวี่ยอู่?
หึ! เขาคิดถึงจริงๆ ถึงได้มาสู่ขอนางถึงตระกูลซาง!
นัยน์ตาของอิ๋งชวนฉายแววอำมหิต ภายในใจของเขานั้น มู่เสวี่ยอู่และมู่ชิงเกอล้วนแต่เป็นคนร้ายที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนพิการ
ตอนนี้มู่ชิงเกอนั้นแข็งแกร่งมาก ทั้งยังเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพเพียงหนึ่งเดียวในโลกแห่งยุคกลางและยังเป็นเจ้าเมืองลั่วซิงเฉิงอีก เขาไม่มี ปัญญาไปทำอะไรเขาได้ แต่มู่เสวี่ยอู่…
‘รอแต่งเอานางกลับไปแล้ว ข้าจะเหยียบยํ่านาง ทรมานนางอย่างไรใครจะมีสิทธิ์พูดอีก?’ ยิ้งชวนยิ้มเย็น อยู่ในใจ
“ประมุขน้อยก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่กัน?” บ่าวน้อยพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากได้รับสัญญาณลับจากอิ๋งชวน เขาโน้มน้าวใจผู้อาวุโส “ผู้ อาวุโส มู่เสวี่ยอู่คนนี้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในภาคตะวันตก อีกทั้งยังเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะอีก คนที่คิดจะแต่งงานกับนางนั้นมีมากมาย หากว่าพวกเราไม่มาก่อนเกรงว่าตระกูลอิ๋งคงต้องปล่อยให้อาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะผู้นี้หลุดไปจากมือแล้ว”
“แต่ตอนนี้ตระกูลซางไม่ยินยอม” ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
ภายในนํ้าเสียงของเขาแฝงความโมโห
ความโมโหนี้ไม่ได้มีให้แก่อิ๋งชวน หรือบ่าวน้อยคนนั้น แต่มีให้กับตระกูลซางที่ไม่รู้จักดีชั่วนั้น!
ตามที่เขามอง ถึงแม้ภายในสองปีมานี้ตระกูลซางจะฟื้นฟูรุ่งเรืองขึ้นมา แต่หากเทียบกับตระกูลอิ๋งแล้วก็ยังคงห่างไกลมาก
คุณชายรองของตระกูลอิ๋ง น้องชายแท้ๆ ของประมุขน้อยอิ๋งเจ๋อมาสู่ขอมู่เสวี่ยอู่ถึงประตูบ้านก็ถือว่าได้ไว้หน้าให้แก่ตระกูลซางมากแล้ว
การสู่ขอในครั้งนี้ก็ถือเป็นการยกระดับให้ตระกูลซางแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เขาที่มาพร้อมความมั่นใจจะถูกซางซุ่นหวางไล่ออกไปได้ ช่างเสียหน้าจริงๆ มาตอนนี้ยังจะให้เขาเข้าไปขายหน้าอีกครั้งงั้นหรือ? เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“มู่เสวี่ยอู่ผู้นั้นถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของภาคตะวันตก ทั้งยังอยู่ในทำเนียบฉูเฟิ่งและเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับเทวะ ไว้ตัวหน่อยก็เป็น เรื่องที่พอเข้าใจได้ ผู้อาวุโสก็อย่าได้โมโหไปเลย วันนี้พวกเราไปอีก แสดงถึงความจริงใจ คิดว่าตระกูลซางก็คงจะไว้หน้าตระกูลอิ๋งไม่ไล่ออกมาอีก อีกอย่างคุณชายรองก็ต้องการที่จะสู่ขอจริงๆ พวกเราพาเขาเข้าไปอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป?” บ่าวน้อยโน้มน้าวใจเบาๆ
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งมองไปยังอิ๋งชวนก็พบว่าบนใบหน้าของเขาฉายแววรำคาญขึ้นแล้ว
คุณชายท่านนี้ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไร แต่กลับมีอารมณ์ร้ายมาก แต่ไหนแต่ไรมาก็ต้องให้คนคอยตามใจอยู่ตลอด หากว่าได้ล่วงเกินเขาไปโดยไม่ตั้งใจ แล้ว เขาจะจำไปชั่วชีวิต ไม่แน่ว่าอาจมีสักวันที่จะหาโอกาสมาสั่งสอนเขา
ครุ่นคิดอย่างหนักในใจรอบหนึ่ง จากนั้นผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งก็กัดฟันเอ่ยว่า “เอาเถอะ วันนี้ไปอีกรอบ แต่ว่าคุณชายรองต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง หากว่าวันนี้ตระกูลซางยังคงไม่ยอมอีก พวกเราก็ต้องกลับไปก่อน ทุกอย่างค่อยๆ คิดหาแผนการระยะยาวใหม่”
อิ๋งชวนพยักหน้าประนีประนอม
แต่ในใจของเขานั้นไม่ได้สนใจคำพูดของผู้อาวุโสเลย ที่เขามาเมืองฝูซาในครั้งนี้ก็จะต้องสู่ขอให้ได้ เพียงแต่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาจะแต่งเอามู่เสวี่ยอู่กลับไป โดยเร็วที่สุด!
เขาอดใจที่จะทรมานนางไม่ไหวแล้ว!
ไม่กี่ปีมานี้ ในใจของเขาคิดหาวิธีล้างแค้นให้ตนเองไม่น้อยกว่าร้อยวิธี!
อิ๋งชวนซ่อนความอำมหิตในดวงตาของตนเองไม่ให้ใครพบเห็น ความแค้นในใจก็ถูกเขาเก็บซ่อนเอาไว้อย่างระมัดระวัง สามารถพูดได้ว่าทั่วทั้งตระกูลอิ๋ง นอกจากพี่ชายของเขาประมุขน้อยอิ๋งเจ๋อแล้ว ไม่มีใครสามารถมองความคิดของเขาออกเลย
ดังนั้นเขาต้องรีบจัดการทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อนที่อิ๋งเจ๋อจะกลับมา
ถึงตอนนั้นแล้ว ถึงแม้พี่ชายของเขากลับมาก็ทำอะไรไม่ได้!
เมื่ออิ๋งชวนยอมถอยก้าวหนึ่งแล้ว ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก จึงได้สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังไปเคาะประตู ในความเป็นจริง พวกเขาได้เคาะประตูไปครั้งหนึ่งแล้ว เพียงแต่ไม่มีการตอบสนองจากด้านใน
สิ่งนี้เป็นเหตุทำให้ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งไม่พอใจ
ครั้งนี้องครักษ์ของตระกูลอิ๋งนำเทียบขอพบไปเคาะที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลซางด้วย
หลังจากเสียงเคาะประตูจางไป ประตูใหญ่ก็ยังคงปิดสนิทไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
องครักษ์หันไปมองผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง ต้องการคำสั่ง และในตอนนี้เอง ประตูที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออกมา
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูทำให้องครักษ์ตระกูลอิ๋งที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูตกใจ
เขารีบถอยหลังไปสองก้าว ออกห่างจากประตูใหญ่ตระกูลซางไปไกลหน่อย
ช่องว่างค่อยๆ เปิดกว้างออก
อิ๋งชวนและผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูก็จ้องมองช่องว่าง ทันใดนั้นสีหน้าของอิ๋งชวนก็เปลี่ยนไปเป็นไม่น่าดูมาก
เขามองเห็นคนที่เขากลัวและเกลียดที่สุดอยู่ในช่องว่างของประตู!
สีแดงอันทรงเสน่ห์ดุจดั่งสีเลือด ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้
มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังยกเท้าข้ามธรณีประตู ร่างกายเหยียดตรง ยืนอยู่ด้านหน้าประตูด้วยท่าทางที่ดูเย็นชา
ด้านหลังนางมีองครักษ์ของตระกูลซางตามมา มีเพียงแค่ยี่สิบคน แต่พวกเขายืนเรียงหน้ากระดานด้านหลังมู่ชิงเกอ จ้องมองคนของอิ๋งชวนอย่างเฉียบคม ข่ม บรรยากาศทางฝั่งอิ๋งชวนลงไปชั่วขณะ
เขาก็พาคนมาด้วยยี่สิบคน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่ชิงเกอก็มีความรู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่ตีนเขาของภูเขาสูง ท่าทางของอิ๋งชวนบิดเบี้ยว นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นมืดมัว เขาไม่ยอมแสดงท่าทีขี้ขลาดต่อหน้ามู่ชิงเกอ…เขาเป็นคุณชายรองของตระกูลอิ๋ง เบื้องหลังของเขานั้นเป็นตระกูลอิ๋ง! อิ๋งชวนให้กำลังใจตนเอง การปรากฎตัวของมู่ชิงเกออยู่นอกเหนือความคาดหมายของอิ๋งชวน และก็เหนือความคาดหมายของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง แต่เมื่อเขาคิดว่ามู่เสวี่ยอู่นั้นเป็นน้องสาวของมู่ชิงเกอ การแต่งงานนี้คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรกับเขา
เขาส่งสายตาให้องครักษ์ตระกูลอิ๋งที่อยู่หน้าสุด ฝ่ายหลังเข้าใจยืนส่งเทียบขอพบไปให้มู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “คุณชายรองตระกูลอิ๋งมาตระกูลซางเพื่อขอพบประมุข ตระกูลซาง”
เทียบขอพบถูกส่งไปตรงหน้าของมู่ชิงเกอ
นางมองลงไป ไม่ได้ทำอะไร แต่มือขององครักษ์ตระกูลอิ๋งคนนั้นกลับมีความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามือว่างเปล่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมา อย่างระมัดระวังก็พบว่ามู่ชิงเกอได้รับเอาเทียบขอพบไปแล้ว
เมื่อทำภารกิจสำเร็จแล้ว เขาก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกรีบถอยกลับไปด้านหลังของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง
“เหอ เหอ เหอ…ท่านนี้คืออาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพเพียงหนึ่งเดียวของโลกแห่งยุคกลาง เจ้าเมืองลั่วซิงเฉิงเจ้าเมืองมู่ใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋ง ก้าวออกมาพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร
อาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพ แม้ว่ามู่ชิงเกอจะหยิ่งแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าล่วงเกิน
ดังนั้นแม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่พอใจก็ได้แต่กลืนลงไป
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งคิดอยากจะได้รับการประนีประนอมจากมู่ชิงเกอ เพราะเขาเคยได้ยินมาว่าประมุขน้อยของตนเองกับเจ้าเมืองมู่มีความสัมพันธ์กันอยู่ ในเมื่อเป็น เช่นนี้การสู่ขอในครั้งนี้เจ้าเมืองมู่น่าจะเห็นด้วยใช่หรือไม่?
เขาคิดอย่างสวยงามแต่มู่ชิงเกอยังคงมีท่าทีที่เคร่งขรึม นัยน์ตาอันสดใสของมู่ชิงเกอฉายแววดูแคลน มองไปยังผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งที่กำลังแสดงสีหน้าประจบ แล้วพูดเรียบๆ ว่า “พวกเจ้ามาทำอะไร?”
นางไม่ได้พูดจาทักทายตามมารยาท พูดตรงเข้าสู่ประเด็นเลย
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งชะงักไปเล็กน้อย ตะลึงที่มู่ชิงเกอไม่ทำตามธรรมเนียม แต่เขาก็ตอบสนองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว กำลังคิดจะตอบก็ถูกมู่ชิงเกอตัดบทขึ้นมา
“อิ๋งชวน เจ้าพูด” สายตาของมู่ชิงเกอมองไปยังอิ๋งชวน
นํ้าเสียงนี้ไม่ได้ดูเป็นมิตรสักเท่าไหร่
ในใจของผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งเกิดความกังวลใจขึ้นมา เขาสัมผัสได้ว่าเรื่องราวในวันนี้คงจะไม่เพียงแต่ไม่ราบรื่นเท่านั้นแต่ยังเพิ่มอุปสรรคเข้ามาด้วย
“อ้อ? ใช่แล้ว! เกือบลืมไปเลยว่าลิ้นของเจ้าถูกข้าตัดไปแล้ว ไม่สามารถพูดได้อีก” มู่ชิงเกอพูดอย่างผ่อนคลาย ทั้งยังเผยรอยยิ้มสะใจออกมา นางจงใจพูดถึงเรื่องนี้เพื่อขยี้บาดแผลของอิ๋งชวนต่อหน้าผู้คน ต้องการให้เขาโกรธและอับอาย!
และเป็นไปอย่างที่คิด ใบหน้าของอิ๋งชวนบิดเบี้ยวขึ้นมา สายตาที่มองมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ผู้อาวุโสตระกูลอิ๋งเห็นสถานการณ์แล้ว ก็ลอบเอ่ยในใจว่า ‘ไม่ดีแล้ว!’
เขารีบส่งสายตาไปให้บ่าวน้อยข้างกายอิ๋งชวนคนนั้น บ่าวน้อยคนนั้นก็ฉลาดมาก รีบพูดออกมาว่า “คุณชายรองของพวกเรามาสู่ขอคุณหนูเสวี่ยอู่ด้วยความจริงใจ ขอให้เจ้าเมืองมู่โปรดวางเรื่องราวแต่ก่อนลงด้วย”
“อยากจะแต่งงานกับน้องสาวข้างั้นหรือ?” มุมปากของมู่ชิงเกอเกิดรอยยิ้มเย็นชา นัยน์ตาก็ดูเย็นยะเยือกขึ้นมา นางขยับเทียบขอพบในมือเล็กน้อย แล้วเทียบอันนั้นก็กลายเป็นขี้เถ้าต่อหน้าคนของตระกูลอิ๋ง มู่ชิงเกอมองอิ๋งชวน ใช้นํ้าเสียงที่เย็นชาพูดกับเขาว่า “อิ๋งชวน เจ้ารังเกียจว่าชีวิตของตนเองน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นจึงมา รนหาที่ตายที่นี่งั้นหรือ?”