Skip to content

พลิกปฐพี 414

ตอนที่ 414

หรูหราฟุ้งเฟ้อ ประลองกลอุบายทั้งในที่ลับและแจ้ง

ภายในพระราชวังไท่ฮวง แสงไฟสว่างไสว เสียงดนตรีล่องลอยมาตามสายลม

ตอนที่มู่ชิงเกอมาถึงนั้น ด้านในก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว นอกจากเจ้าเมืองย่อยทั้งแปดที่นางเคยพบเจอแล้ว ยังมีคนบางส่วนที่นางยังไม่เคยเห็น แต่สามารถเข้ามาในพระราชวังไท่ฮวงได้ สถานะก็คงจะไม่ธรรมดา

“คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นพวกตระกูลชั้นสูงที่ว่างงาน หลังจากองค์ราชาขึ้นครองตำแหน่งแล้ว ก็ริบเอาอำนาจในมือของพวกเขากลับคืนมาหมด เหลือไว้แค่เพียงชื่อเท่านั้น พวกเขาล้วนแต่ไม่พอใจองค์ราชา แต่ก็ไม่กล้าแสดงออก คืนนี้ที่พวกสั่วเซิ่งสี่คนเรียกพวกเขามา คงคิดจะใช้ความไม่พอใจที่พวกเขามีต่อองค์ราชามาลงกับพระชายา” กู่เย่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยักหน้า นางมีแผนในใจแล้ว นางกวาดตามองคนในตำหนักรอบหนึ่ง

งานเลี้ยงในครั้งนี้ มีคนมาประมาณยี่สิบกว่าคน นอกจากเจ้าเมืองย่อยทั้งแปดแล้ว คนที่เหลืออีกสิบกว่าคนก็ล้วนแต่มีอายุและข้างกายก็ไม่มีผู้หญิงมาด้วย

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

กลุ่มผู้ชายเหล่านี้จะมาเลี้ยงต้อนรับผู้หญิงเพียงคนเดียวงั้นหรือ ?

หากเกิดข่าวลือออกไป เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องราวคงจะติฉินนินทานางเป็นแน่

นางไม่ได้ใส่ใจ แต่ก็ไม่อาจยอมให้คนเหล่านี้มีโอกาสในการโจมตีนางได้

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นชา แต่ไม่ได้รีบเดินออกไป เพียงแต่พูดข้างหูกู่เย่ไปหลายประโยค หลังจากกู่เย่เข้าใจแล้วก็รีบถอยออกไปจัดการทันที

ผ่านไปไม่นาน นางกำนัลหลายคนก็ถือผ้าม่านโปร่งบาง เดินตามกู่เย่มา

“พระชายา” กู่เย่เอ่ยกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองผ้าม่านเหล่านี้แวบหนึ่งแล้วก็พยักหน้า “แขวนผ้าม่านเหล่านี้”

“พ’ะย่ะค่ะ” กู่เย่นำนางกำนัลเดินออกไป ในตอนที่เขาปรากฎตัวอยู่ในตำหนักนั้น ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนทันที

แต่ในตอนที่เขาเริ่มเคลื่อนไหวนั้นกลับทำให้คนในตำหนักแปลกใจขึ้นมา

“กู่เย่ เจ้าทำอะไร?” เซ่อฉินยืนขึ้นมาพูดอย่างไม่พอใจ

แต่กู่เย่กลับสั่งให้นางกำนัลใช้ผ้าม่านบังไว้ที่ด้านหน้าของทุกโต๊ะ ขวางกั้นสายตาของคนด้านหลังโต๊ะเอาไว้ ขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้ส่งสายตาหากัน

กู่เย่ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “พระชายาสั่งว่า พระนางเป็นผู้หญิงร่วมกินเลี้ยงกับผู้ชายอย่างไรก็ดูไม่เหมาะ แต่ในเมื่อทุกท่านเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตรจึงยากจะปฏิเสธ ดังนั้นถึงได้คิดวิธีนี้ออกมา”

“คิดจะบังก็บังตำแหน่งประธานก็พอแล้วนี่ เหตุใดต้องมาบังพวกเราด้วย?” มีคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

กู่เย่พูดอย่างมีเหตุผลว่า “พระชายามีสถานะสูงส่ง ต่อหน้านางแล้ว ที่จำเป็นต้องบังนั้นคือขุนนางไม่ใช่นางที่เป็นเจ้านาย”

ประโยคนี้ทำให้คนโต้แย้งไม่ได้

หลิงจิวโผล่หัวออกมาจากหลังผ้าม่าน เอ่ยกับกู่เย่ว่า “พระชายาคิดได้รอบคอบนัก พวกเราสะเพร่าไปจริงๆ”

เพียงแค่เขาเอ่ยปาก คนอื่นๆ ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก

ส่วนบรรดาตระกูลชั้นสูงที่ถูกริบอำนาจเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่

มู่ชิงเกอยืนอยู่ด้านหลังรอคอยอย่างใจเย็น นางได้ยินถึงความเคลื่อนไหวในก่อนหน้านี้ทั้งหมด ความจริงนางไม่ชอบงานเลี้ยงเช่นนี้ เพราะล้วนแต่เป็นกับดัก กลลวง มีอันตรายในทุกฝีก้าว

แต่หากจำเป็นต้องเผชิญหน้าแล้วนางก็จะไม่ยอมถอยหนี

ซือมั่วไม่อยู่ นางก็ต้องช่วยปกป้องทุกอย่างที่เป็นของเขาไม่ให้ใครมาแย่งไป ใครกล้าเข้ามานางก็จะฆ่ามันผู้นั้นเสีย!

หากเยี่ยนหย่าเพียงคนเดียวไม่พอ นางก็ไม่รังเกียจที่จะเชือดไก่ให้ลิงดูไปเรื่อยๆ!

มู่ชิงเกอค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น นัยน์ตาอันสดใสคู่นั้นผุดไอสังหารอันเฉียบคมออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู่เย่ก็พานางกำนัลเดินกลับมา แล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “พระชายา เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว”

มู่ชิงเกอพยักหน้า เดินเข้าไปในตำหนัก

ตอนนี้ด้านในตำหนักนั้นมีผ้าม่านแขวนอยู่ยี่สิบกว่าผืน บังโต๊ะและแขกที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์เหล่านั้นเอาไว้ มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกว่างานเลี้ยงเช่นนี้ดีมาก

นางเดินไปยังตำแหน่งประธาน การปรากฎตัวของนางนั้นทุกคนในงานเลี้ยงเห็นเพียงเงาร่างเพรียวบางเคลื่อนผ่าน แต่เพียงแค่เงาร่างคลุมเครือก็ทำให้คนจิตใจล่องลอยได้แล้ว

บรรยากาศที่ดูไม่ชัดเจนเช่นนี้ยิ่งสามารถล่อลวงใจคนได้

มีบางคนที่ทนไม่ไหว คิดจะแอบมองไปนอกผ้าม่าน แต่ก็มีเสียงสดใสของผู้หญิงดังเข้ามาเสียก่อน “พูดกันว่า ภายในแดนมารนั้นไม่มีกฎอะไรมากมาย แต่ตอนนี้องค์ราชาไม่อยู่ ข้าที่เป็นภรรยาของเขาจะร่วมโต๊ะกับบรรดาขุนนางนั้นก็ดูไม่ค่อยดีนัก แต่ในเมื่อทุกท่านเชื้อเชิญมาอย่างเป็นมิตร ข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ งานเลี้ยงนี้ข้ามาแล้ว แต่ก็ยังต้องไว้หน้าขององค์ราชาอยู่ ทุกท่านโปรดระมัดระวัง หากไม่ระวังมองเห็นบรรยากาศนอกผ้าม่าน ทำให้องค์ราชาเสียหน้านั้นจะเป็นโทษหนัก”

คำพูดนี้ของนางทำให้คนที่ลอบทำการเคลื่อนไหวเก็บความคิดกลับไปในทันที

ไม่ยอมเอาอีกครึ่งชีวิตของตนเองไปเสี่ยงเพื่อดูสาวงามแน่นอน

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาสดใสกวาดมองไปยังผ้าม่านเหล่านั้น ผ้าม่านเหล่านี้บดบังสายตาของทุกคนไว้ ขวางกั้นสายตาของนาง ภายในตำหนักทั้งตำหนักมีเพียงด้านหน้าโต๊ะของนางเท่านั้นที่ไม่มีผ้าม่าน

ภายในตำหนักนั้นเงียบสงบมาก มู่ชิงเกอจึงพูดขึ้นเสียงเรียบว่า “เริ่มเถอะ”

นางต่างหากถึงเป็นเจ้านาย!

งานเลี้ยงในพระราชวังไท่ฮวง ต้องให้แขกจัดให้งั้นหรือ?’

เมื่อเสียงอันสดใสหลุดออกไปแล้ว ไม่รอให้คนอื่นโต้กลับ บรรดานางกำนัลที่รออยู่ด้านนอกมานานแล้วก็เข้ามาวางอาหารและเครื่องดื่มลงบนโต๊ะทุกโต๊ะ เซ่อฉินและซู่เหยียนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ลอบส่งสายตาไปมา เห็นได้ชัดว่าอำนาจในการจัดการนั้นอยู่ในมือของพวกเขา เหตุใดถึงได้ถูกพระชายาเอาไปได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังทำอย่างเป็นธรรมชาติถึงเพียงนั้น ไม่ได้เกิดความกระดากใจเลยแม้แต่น้อย

ไม่นานบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารคาวหวานแสนประณีตของแดนมารและสุราชั้นเลิศ

ภายในจอกเหล้าตรงหน้าของคนทั้งยี่สิบกว่าคนก็ถูกเติมเต็มไปด้วยเหล้า

มู่ชิงเกอชูจอกขึ้นพูดกับทุกคนว่า “มา จอกแรกนี้เป็นข้าดื่มให้กับทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยจัดการดูแลแดนมารเป็นอย่างดีในช่วงที่องค์ราชาไม่อยู่”

พูดแล้วนางก็ดื่มเหล้าจนหมดจอกด้วยท่าทางสง่างาม ไม่ขัดเขินเลยแม้แต่นิด

ทุกคนชูจอกตาม ทั้งมีพวกหลิงจิวสี่เป็นคนนำ ทุกคนจึงดื่มเหล้าลงไป

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกสั่วเซิ่งต้องการจากงานเลี้ยง

ความเป็นไปในงานเลี้ยงไม่ควรจะถูกควบคุมอยู่ในมือของมู่ชิงเกอสิ!

เมื่อวางจอกในมือลงแล้ว สั่วเซิ่งก็เอ่ยปากว่า “พระชายามายังพระราชวังไท่ฮวงเป็นครั้งแรก ทั้งองค์ราชาก็ไม่อยู่ หากว่าพระชายามีอะไรไม่เข้าใจก็สามารถถาม พวกเราได้ตลอดเวลา”

คำพูดนี้ไม่มีอะไรที่ดูไม่เหมาะสม

แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ว่ากำลังแอบเสียดสีว่ามู่ชิงเกอมีที่มาไม่ชัดเจน ปรากฎตัวอย่างบังเอิญเกินไปหรอกหรือ?

คำพูดของเขาเป็นเพียงแค่คำชักจูง

ทันใดนั้นก็มีคนตระกูลชั้นสูงเอ่ยปากขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าพระชายาเป็นคนที่ใดหรือ? องค์ราชาไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีมาก่อน ตอนนี้มีพระชายาโผล่ออกมาทำให้พวกข้าแปลกใจยิ่งนัก!”

‘มาแล้ว!’

มู่ชิงเกอเล่นกับจอกเหล้าในมือ มุมปากประดับรอยยิ้มขี้เล่น

เริ่มเร็วถึงขนาดนี้คงจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ท่านนี้คือ…” มู่ชิงเกอพูดขึ้นมาด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“พระชายา พวกเราเป็นคนเผ่ามาร แต่ไรมาไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม ข้าจึงจะขอพูดตรงๆ แล้วกัน ท่านพูดว่าท่านเป็นผู้หญิงขององค์ราชา ท่านพูดว่าในท้องของท่าน มีบุตรขององค์ราชา เรื่องเหล่านี้เป็นจริงหรือเท็จ พวกข้าไม่มีความมั่นใจอะไรเลย” เสียงอีกสายหนึ่งตัดบทคำพูดของมู่ชิงเกอ

เขาพูดออกมาตรงๆ หากเทียบกับคนอื่นๆ ในแดนมารแล้วมู่ชิงเกอชอบเช่นนี้มากกว่า

แต่ไหนแต่ไรมาคนเผ่ามารในสายตาของมู่ชิงเกอก็ควรจะมีนิสัยทำตามใจตนเอง ฝึกฝนตามใจ แต่หลังจากได้ทำความคุ้นเคยกับพระราชวังไท่ฮวงแล้วถึงได้พบว่าคนในเผ่ามารก็มีเล่ห์กลอุบายเช่นกัน

แน่นอนว่าอำนาจทำให้คนหลงใหล

คนๆ หนึ่งหลังจากโดนอำนาจบดบังดวงตาแล้ว ก็จะถูกม้วนวนเข้าสู่เล่ห์กลอุบายโดยไม่รู้ตัว

แม้จะเป็นเผ่ามารก็หนีไม่พ้นหลักการนี้

แต่ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็ยังเป็นคนในเผ่ามาร นิสัยดั้งเดิมยังคงอยู่ ก็เหมือนกับพวกสั่วเซิ่ง พวกเขามีความทะเยอทะยาน เลยอดใจไวไม่ไหวเมื่อซือมั่วหายตัวไป

หากเปลี่ยนเป็นคนเผ่าอื่น เช่นเผ่าเทพมาทำเรื่องเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ตรงไปตรงมาเช่นพวกเขา แต่จะยิ่งเก็บงำ ยิ่งต้องระวังมากขึ้นกว่าเดิม คนที่กำลังพูดในตอนนี้ทำให้มู่ชิงเกอรับรู้ถึงความตรงไปตรงมาของคนเผ่ามาร

นางแย้มมุมปากออกเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าพิสูจน์อย่างไร? ในใจของพวกเจ้าข้าไม่มีทางที่จะพิสูจน์สถานะของตนเองได้ เช่นนั้นพวกเจ้าจะ พิสูจน์อย่างไรว่าข้าไม่ใช่ผู้หญิงขององค์ราชาและพิสูจน์อย่างไรว่าเด็กในท้องข้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขขององค์ราชา?”

“เรื่องนี้…” เสียงนั้นดูลังเลแล้วก็เงียบหายไป

ใช่แล้ว! พวกเขาไม่เชื่อได้ แต่จะเอาอะไรมาปฏิเสธสถานะของนาง

มู่ชิงเกอหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้านั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ เป็นพระชายาแห่งพระราชวังไท่ฮวง ในเมื่อพวกเจ้าหาหลักฐานพิสูจน์ออกมาไม่ได้ว่าสถานะของข้านั้นเป็นเท็จ เช่นนั้นในตอนที่พวกเจ้าพูดจาก็ควรระวังคำพูดด้วย ให้ร้ายพระชายานั้นมีโทษอย่างไร ข้าคิดว่าคงไม่ต้องให้ข้าต้องเตือนทุกท่านกระมัง?”

คำพูดของนางทำให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบลงมา

เสียงดนตรีที่เคยดังก็ไม่รู้ว่าหยุดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ นางรำที่รอจะขึ้นแสดงก็คุกเข่าอยู่หน้าประตู ไม่กล้าหายใจเสียงดัง

ด้านหน้าของพวกนางไม่มีม่านบัง จึงมองเห็นพระชายาได้อย่างชัดเจน

พบเจอกับคนใหญ่คนโตมากมาย แต่นางยังคงรักษาความสุขุมเอาไว้ได้ ทั้งบนใบหน้าอันงดงามยังประดับ ไปด้วยรอยยิ้มบางๆ แม้แต่หว่างคิ้วก็ยังแฝงความมั่นใจเอาไว้

มีผู้หญิงน้อยมากที่จะเปล่งประกายเช่นนางได้

กลุ่มนางรำที่คุกเข่าบนพื้น ลอบมองพระชายาของพวกนาง สองแก้มแดงขึ้นมา ในดวงตาฉายแววชื่นชม

พวกนางเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดองค์ราชาที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงมาก่อนถึงได้มีพระชายาผู้นี้!

พระชายาเช่นนี้ แม้แต่พวกนางที่เป็นผู้หญิงก็ยังอดชอบไม่ได้ แล้วผู้ชายจะทนได้หรือ?

“พวกเจ้าสามารถสงสัยสถานะของข้า และก็สามารถไม่เชื่อต่อไปได้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าเชื่ออะไร เพียงแต่พวกเจ้าต้องจำเอาไว้ว่า ก่อนที่พวกเจ้าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าข้าเป็นตัวปลอมนั้น ข้าก็ยังเป็นนายหญิงของพระราชวังไท่ฮวงอยู่และภายในท้องของข้าก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขขององค์ราชาซึ่งจะเป็นประมุขของพวกเจ้าในอนาคต” มู่ชิงเกอพูดออกมา

ที่นางมาก็เพื่อช่วยซือมั่วทำให้สถานการณ์สงบลง

ยิ่งนางแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ คนเหล่านี้ก็ยิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหวมากขึ้นเท่านั้น

“แต่ว่า…ที่มาของพระชายาลึกลับเกินไป พวกเราสืบข่าวมามากมายกลับหาอะไรไม่พบเลย หากไม่ใช่กู่หยาและกู่เย่พูดออกมา พวกเราก็คงไม่รู้เลยว่าองค์ราชามี คนในใจแล้ว” มีอีกคนพูดถึงข้อสงสัยออกมา

แต่ครั้งนี้เขาพูดด้วยนํ้าเสียงที่นุ่มนวลขึ้นมาหน่อย ไม่คล้ายนํ้าเสียงเสียดสีก่อนหน้านี้

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ พูดให้ชัดเจนคือคนเหล่านี้เล่นแง่กับนางและก็สงสัยสถานะของนาง

“พวกเจ้าคิดว่ากู่หยาและกู่เย่จะกล้าโกหกงั้นหรือ? หรือว่าพวกเจ้าคิดว่าตนเองใกล้ชิดกับองค์ราชามากกว่ากู่เย่และกู่หยางั้นหรือ?” มู่ชิงเกอหัวเราะ

กู่หยาและกู่เย่เป็นใคร?

เป็นองครักษ์คนสนิทขององค์ราชา ไปไหนก็พาไปด้วยตลอด การที่พวกเขาจะรู้ความลับขององค์ราชานั้นเป็นเรื่องปกติ

อีกอย่างหากจะพูดว่าพวกเขากล้าพาพระชายาตัวปลอมมา เกรงว่าแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่เชื่อเลย

เสียงของความสงสัยเงียบหายลงไปอีกครั้ง

มู่ชิงเกอกลับคํ้าสองมือลงบนโต๊ะและลุกขึ้นมา นางยืดกายตรง นางไม่ได้สวมชุดหรูหราแต่กลับสวมชุดที่ดูทะมัดทะแมงแทน

สีแดงโดดเด่นสะท้อนตาอยู่ในตำหนัก

นางกวาดตามองไปรอบๆ ดูคนที่นั่งอยู่หลังม่านเหล่านั้น แล้วก็พูดว่า “องค์ราชาเพียงแค่หายไปชั่วคราวเท่านั้น ตัวคนยังมีชีวิตอยู่ ไม่ช้าก็เร็วต้องกลับมา ข้ารู้ว่าในใจของพวกเจ้ามีคำถาม แต่ไม่ว่าจะเป็นคำถามอะไรพวก เจ้าก็สามารถรอให้องค์ราชากลับมาแล้วค่อยถามก็ได้ ข้าพูดร้อยรอบพันรอบอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่อาจสู้ประโยคเดียวขององค์ราชาได้ มิใช่หรือ?”

ด้านหลังผ้าม่านเกิดการสื่อสารกันผ่านสายตาไม่หยุด ความสงสัยเรื่องมู่ชิงเกอและที่มาของนางในตอนแรก ตอนนี้ได้ถูกคำพูดเพียงคำเดียวของนางต้อนกลับจนจนมุม

ไม่ผิด!

พวกเจ้าสงสัยนาง แล้วหลักฐานเล่า’?

เมื่อไม่มีใครสามารถหาหลักฐานออกมาได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแต่รอ รอจนกว่าผู้ชายที่สามารถยืนยันความจริงได้คนนั้นจะกลับมายืนยันกับทุกคน

ถึงตอนนั้นแล้ว จะจริงหรือเท็จทุกอย่างก็จะสามารถสรุปออกมาได้

ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้พวกสั่วเซิ่งสี่คนไม่พอใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่า งานเลี้ยงที่จัดขึ้นในวันนี้จะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้

ไม่รอให้พวกเขาโต้กลับ มู่ชิงเกอก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า

“พวกเจ้าไม่มีคำถามแล้วใช่ไหม?” มู่ชิงเกอยืดกายตรง นัยน์ตาฉายแววดุดัน มองไปยังคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่าน “เมื่อพวกเจ้าไม่มีคำถามแล้ว ตอนนี้ถึงตาข้ามี คำถามบ้าง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version