Skip to content

พลิกปฐพี 436

ตอนที่ 436

มีลูกกันสักคนเถอะ!

นัยน์ตาของซือมั่วฉายแววเย็นชา ปกป้องมู่ชิงเกอไว้อย่างหนาแน่น สะบัดมือออกไป

พลังมารอันแข็งแกร่งพุ่งออกจากมือของเขากลายเป็นสัตว์อสูรที่คำรามอย่างบ้าคลั่งพุ่งเข้าไปใส่คนๆ นั้น

คนๆ นั้นถูก ‘สัตว์อสูร’ ปะทะเข้าใส่อย่างจังทำให้กระอักเลือดและกระเด็นลอยกลับไป

พลังมารทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขา ทำให้ผิวของเขาเกิดรอยแตก แสงของพลังมารสีดำโผล่ออกมาจากรอยแตกทำให้ร่างกายของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน กระจายไปทั่วบริเวณ

“หัวหน้าเผ่า!”

“เป็นหัวหน้าเผ่า!”

“หัวหน้าเผ่าตายแล้ว!”

ที่แท้คนที่พุ่งเข้ามาก็คือหัวหน้าเผ่าชงเหยียน

“พวกมดปลวก”

มู่ชิงเกอได้ยินเสียงอันเย็นชาของซือมั่วที่ข้างหู นางละสายตาจากซากร่างที่กระจายเป็นชิ้นๆ เหล่านั้น มาที่ร่างของซือมั่ว ดวงตาฉายแววกังวลใจ นางมองเห็นรอยเลือดที่มุมปากของเขา เหมือนมีอะไรกดทับหัวใจเอาไว้รู้สึกหนักอึ้ง อึดอัดไม่สบายเอาเสียเลย ใบหน้าของมู่ชิงเกอเคร่งเครียดขึ้นมา นางเม้มปากแน่น ไม่ได้ถามซือมั่วว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างหรือว่าเจ็บไหมอีก เพราะนางรู้ดีแก่ใจว่า ไม่ว่าเขาจะเจ็บแค่ไหนก็จะไม่ยอมพูดออกมาเด็ดขาด เพียงแต่จะส่ายหน้าเงียบๆ

ซือมั่วมองมาที่นาง ความเย็นชาในดวงตาหายไป เขายิ้มแล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์เก็บพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดของเจ้ากลับมาเถอะ”

มู่ชิงเกอชะงัก หันไปมองบนพื้น

ทั้งเผ่าชงเหยียนตกอยู่ในทะเลเพลิง ส่วนพลังจิตในร่างของนางก็เหือดแห้งไปนานแล้ว

ซือมั่วกำลังฝืน นางก็เช่นเดียวกันมิใช่หรือ?

พวกเขาทั้งสองคนต่างเก่งในการเก็บซ่อนความรู้สึก ในด้านของความรู้สึกหากยังคงเก็บซ่อนเอาไว้ หากซือมั่วไม่ได้เป็นผู้เริ่มสานความสัมพันธ์ก่อน เกรงว่าทุกอย่างในวันนี้คงจะต่างออกไป

“ที่เหลือมอบให้เป็นหน้าที่พวกเขาก็เพียงพอแล้ว” ซือมั่วพูดกับมู่ชิงเกอ มองไปยังองครักษ์ที่กู่หยาและกู่เย่นำมา

มู่ชิงเกอพยักหน้า เชื่อฟังคำพูดของเขาเรียกพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดกลับคืนมา เพียงพญาเพลิงอัคคีแรกกำเนิดเข้าสู่ร่างกาย มู่ชิงเกอก็เอายาออกมากำหนึ่ง ป้อนให้ซือมั่วกินครึ่งหนึ่ง ตนเองกินครึ่งหนึ่ง

ทั้งสองคนนั่งอยู่บนโชคมองการฆ่าล้างบนพื้นดิน

ฉากนองเลือดไม่ได้ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอะไร เหมือนกับคุ้นเคยมานานแล้ว

คนด้านล่างบริสุทธิ์หรือไม่?

บางทีพวกเขาอาจจะพลอยซวยเพราะอินเถิง แต่เผ่าชงเหยียนหยิ่งผยองมานาน มีมือใครบ้างในเผ่าที่ไม่เคยเปื้อนเลือดหรือฆ่าคน?

ดังนั้นพวกเขาไม่ได้บริสุทธิ์

ซือมั่วเป็นมาร มู่ชิงเกอก็ไม่ใช่นักบุญ จะบริสุทธิ์หรือพลอยเดือดร้อนไปด้วยนั้นพวกเขาไม่สนใจ เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องไห้ เสียงขอร้องค่อยๆ เงียบสงบลง…

“องค์ราชา คนของเผ่าชงเหยียนตายหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กู่เย่คุกเข่าอยู่บนพื้น เงยหน้ามององค์ราชาและพระชายาของเขา

ซือมั่วพยักหน้า

ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยให้มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนโชค ส่วนตัวเองกระโดดลงไป

เพียงเขาขยับตัว กู่เย่ก็หลีกทางทันทีแล้วไปยืนอยู่ด้านหลังของเขา มู่ชิงเกอนั่งอยู่บนโชคมองแผ่นหลังของซือมั่วแล้วค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น นางไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร

ที่จริงแล้วซือมั่วเองก็ไม่รู้

เขาเพียงแต่รู้สึกว่าตนเองต้องทำอะไรบางอย่าง

เมื่อมอง เห็นซากศพ เต็มพื้นแล้ว ซือมั่วก็ยกมือขึ้น ในมือของเขามีพายุหมุนสีดำหมุนวนแล้วก็ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นกามายาใบหนึ่ง

ตัวกามายามีขนาดใหญ่มาก แต่ปากกากลับเล็กมาก ซือมั่วยกมือขึ้นเล็กน้อย กามายาก็ลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วหันตรงไปยังซากศพเหล่านั้น

จากนั้นมู่ชิงเกอก็มองเห็นดวงวิญญาณเหล่านั้นถูกแรงอะไรบางอย่างดูดออกจากซากศพ พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วก็ถูกกามายาดูดเข้าไป

เมื่อดูดวิญญาณของเผ่าชงเหยียนเข้ามาในกามายาหมดแล้ว มันถึงได้ลอยกลับมาที่มือของซือมั่วแล้วก็หายไป

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ซือมั่วถึงได้กลับมาบนหลังของโชคใหม่ เขานั่งอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอใช้มือใหญ่โอบเอวของนาง ทำให้นางพิงอ้อมอกของตนเองได้อย่างสบาย มู่ชิงเกอเงยหน้ามองเขาแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าเก็บรวบรวมของพวกนี้ไปทำไมหรือ?”

“ไม่รู้” ซือมั่วเอ่ยตอบอย่างเงียบสงบ

คำตอบนี้ทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก

“แต่…” ซือมั่วขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ “น่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจำเหตุผลไม่ได้ เพียงแต่มีความรู้สึกว่าต้องทำเช่นนี้ อีกทั้งยังคุ้นเคยเหมือนทำมานานแล้ว”

มู่ชิงเกอไม่รู้จะต่อคำอย่างไร

เอาเถอะ นางไม่ควรสร้างความลำบากให้แก่คนป่วยความจำเสื่อม

“พวกเราควรไปแล้วหรือยัง?” มู่ชิงเกอเปลี่ยนประเด็นอย่างชาญฉลาด

“อืม” ซือมั่วพยักหน้า ยกมือขึ้นลูบหัวโชค โชคส่งเสียงร้องยาว พุ่งไปยังทางออกเหวหนอนโบราณ

กู่หยาและกู่เย่ก็นำองครักษ์มารตามไปติดๆ พวกเขาเริ่มฆ่าล้างภายในเหวหนอนโบราณเงียบๆ แล้วก็จบอย่างเงียบๆ

“เหนื่อยไหม?” เสียงของซือมั่วดังขึ้นที่ข้างหูของมู่ชิงเกอ

พวกเขาทั้งสองคนนั่งอยู่บนตัวของโชค ลมที่ผ่านข้างหู ถูกโชคสร้างเกราะป้องกันเอาไว้ด้านนอก มู่ชิงเกอค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย”

เพียงแต่ซือมั่วกลับเหมือนไม่ได้ยินคำตอบของนาง พูดต่อว่า “เหนื่อยแล้วก็พิงอกข้า หลับสักครู่”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก พูดอีกครั้งว่า “ข้าไม่เหนื่อย”

“อืม เจ้าไม่เหนื่อยแต่ข้าเหนื่อยแล้ว” ทันใดนั้นซือมั่วก็พูดขึ้นมา

มู่ชิงเกอตกใจ หันไปมองเขา ยื่นมือออกไปจับชีพจรของเขา “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหน?”

ถ้าหากไม่ใช่ฝืนต่อไม่ไหวจริงๆ แล้วซือมั่วจะพูดอย่างนี้ได้อย่างไร?

นางที่กำลังตกใจทำให้พลาดความเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีอำพันของซือมั่วไป “ในเมื่อเจ้าไม่เหนื่อย เช่นนั้นก็ให้ข้าพิงเจ้าเป็นอย่างไร?”

พูดแล้วเขาก็พลิกร่างนอนลงบนตัวของโชค ส่วนหัวก็หนุนบนตักของมู่ชิงเกอ จมูกสูดลมกลิ่นอายในอ้อมอกของนาง ใช้ดวงตาที่ลุ่มลึกจ้องมองนางโดยไม่กะพริบตา

แผ่นหลังของมู่ชิงเกอแข็งทื่อ หลังจากรู้ถึงความคิดของเขาแล้วนางก็ยิ้มอย่างหมดทางเลือก นางจึงเออออตามใจเขา “ในเมื่อเหนื่อยแล้วก็พักผ่อนเถอะ”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์? จะจากไปหรือไม่?” ทันใดนั้นซือมั่วก็ถามขึ้นมา

“ไม่หรอก” มู่ชิงเกอพูดคำตอบของตนเองออกไป

ซือมั่ววางใจ เขาหลับตาลงแต่ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ข้าถึงได้รู้สึกว่าอีกไม่นานเจ้าจะจากไป”

มู่ชิงเกอมองใบหน้าของซือมั่วแล้วก็รู้สึกปวดใจ

ผู้ชายที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ตอนนี้กลับกังวลใจเหมือนเด็กน้อยต่อหน้านาง

พวกเขา…ห่างกันบ่อยจริงๆ

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ครั้งนี้คงไม่แล้ว”

“อืม” ซือมั่วมองนางอย่างจริงจังแล้วรับคำเสียงเบา

เมื่อได้รับคำสัญญาจากมู่ชิงเกอแล้ว ซือมั่วก็หลับตาลงอีกครั้ง

จากนั้น…

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ พวกเรามีลูกกันสักคนเถอะ” ซือมั่วยังคงหลับตาอยู่ แต่ใช้นํ้าเสียงที่หนักแน่นขอร้องกับมู่ชิงเกอ

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกอย่างแรง ยกมือขึ้นคิดจะตบหน้าเขา

เพียงแต่เมื่อสัมผัสกับแก้มของซือมั่วนั้น นางก็ลดแรงลง กลายเป็นการลูบไล้อย่างแผ่วเบาแทน

“นอนดีๆ” มู่ชิงเกอพูดแกมโมโห

ซือมั่วไม่ได้พูดอีก ลมหายใจค่อยๆ สม่ำเสมอ เขาหลับอย่างสบายใจ สงบเงียบ เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเขาแล้วหัวใจของมู่ชิงเกอก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา

นางมองผู้ชายที่หนุนนอนบนตักของนางอย่างสบายใจ ชาติก่อนนางไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

‘ที่แท้การมีใครสักคนในใจมีรสชาติเป็นเช่นนี้นี่เอง!’ ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา แม้ว่าซือมั่วจะลืมเรื่องราวที่ผ่านมาแต่ความรู้สึกที่มีให้นางยังคงเหมือนเดิม

อีกทั้งความรู้สึกของเขายังแน่วแน่ไม่มีความลังเล ถ้าหากซือมั่วจำนางไม่ได้และปฏิเสธนาง…มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพียงแค่คิดนางก็รู้สึกปวดใจ

ความรู้สึกปวดใจนี้ทำให้นางรู้สึกอยากจะฆ่าราชาเทวะ ที่ผนึกความทรงจำของซือมั่วคนนั้นขึ้นมา

นัยน์ตาของนางฉายแววดุดันอำมหิต แต่ในตอนที่มองมาที่ซือมั่วก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา นางลูบแก้มของเขาเบาๆ พึมพำว่า “เจ้าจำข้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าเคยพูดว่าหากเจ้ากล้าลืมข้าข้าจะมัดเจ้าเอาไว้ข้างกายให้เจ้ามองเห็นข้าทุกวันทุกคืน คิดจะลืมก็ลืมไม่ได้!”

“เผ่าเทพงั้นหรือ?” มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ นัยน์ตาฉายแววดูแคลน

ดูเหมือนเหตุผลที่นางจะฆ่าพวกเผ่าเทพจะเพิ่มมาอีกข้อหนึ่งแล้ว “ราชาเทวะเฟิ่งเทียน…หลียวน…”

เสียงร้องของโชคดังออกมาจากรอยแยกเหวหนอนโบราณ

ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากเหวหนอนโบราณ โชคพาพวกเขาตัดผ่านพื้นที่ระหว่างสองเผ่าและเข้าไปสู่เขตแดนมารรกร้าง

ซือมั่วคือราชาของที่นี่

ในตอนที่พวกเขาเข้าไปสู่เขตแดนมารรกร้าง มู่ชิงเกอก็มองเห็นหมอกควันสีดำแหวกออกเป็นสองฝั่งเปิดทางให้ซือมั่ว

ดูเหมือนว่าการกลับมาของเขาจะทำให้จิตวิญญาณในแดนมารรกร้างต่างยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้า แสดงความเคารพต่อเขา

เมื่อมองเห็นฉากนี้แล้ว มู่ชิงเกอก็มองซือมั่วอย่างแปลกใจแล้วเอ่ยว่า “เป็นองค์ราชานี่ช่างพิเศษจริงๆ ข้าไม่เห็นได้รับการดูแลเช่นนี้บ้าง”

ซือมั่วหันมองนางนัยน์ตาเผยรอยยิ้มเอ็นดู “เพียงแค่ข้ามอบสัญลักษณ์พระชายาให้แก่เจ้า เจ้าก็สามารถได้รับการดูแลเช่นนี้แล้ว ต้องการแต่งงานกับข้าไหม?”

มู่ชิงเกอยิ้ม “ยอมแต่งงานเพื่อเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วจับมือของมู่ชิงเกอขึ้นมาพลิกเล่นไปมาอยู่ในมือของตนเอง “เมื่อไหร่เจ้าถึงจะยอมแต่งงานกับข้าเป็นชายาของข้า? เป็นนายหญิงของแดนมารจริงๆ สักที?”

มู่ชิงเกอถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่แต่ง เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา”

นางยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดินไป

ระดับพลังของนางในตอนนี้เป็นได้แค่ตัวถ่วงในแดนมาร

ที่นี่ยังไม่ใช่โลกของนาง แต่จะต้องมีสักวันที่นางจะเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยและแต่งงานกับซือมั่ว!

“มีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น” ซือมั่วจับมือของนางมาวางไว้ที่หน้าอกของตนเอง ให้นางรับรู้ถึงหัวใจของเขา มีเพียงแค่มองเห็นมู่ชิงเกอตลอดเวลาเท่านั้นเขาถึงจะรู้สึกว่าหัวใจถูกเติมเต็ม

ความเจ็บปวดที่เหมือนขาดอะไรไปสักอย่างนั้นเจ็บปวดและทรมานยิ่งกว่าความเจ็บปวดบนร่างกายที่เขาต้องทนเสียอีก

มู่ชิงเกอส่ายหน้า นางไม่รู้ว่าจะอธิบายกับซือมั่วอย่างไร

ซือมั่วมองนางแล้วขมวดคิ้วขึ้นน้อยๆ ลอบเอ่ยในใจว่า ‘ต้องรีบมีลูกโดยเร็ว!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version