Skip to content

พลิกปฐพี 460

ตอนที่ 460

พี่สาวผู้บ้าผู้ชาย

‘อะไรกัน?’ นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววหนักอึ้ง ใบหน้ากลายเป็นเคร่งขรึมในพริบตา

นางรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดภายในสำนักวิถีโอสถถึงได้ มี…อืม แนวนี้อยู่ด้วย!

กลิ่นแป้งฉุนจมูกทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกไม่สบายเอาซะเลย นางทำหน้าเย็นชาไม่สนใจ แต่การไม่สนใจของนางไม่ได้หมายถึงว่าคนอื่นจะยอมปล่อยนางไป

“นี่ สามี เจ้าชื่อว่าอะไรหรือ?” ผู้ชายที่แต่งตัวลายดอกตุ้งติ้งคนนั้นทำท่ากรีดกรายนิ้วออกมาขวางตรงหน้าของมู่ชิงเกอ ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูในมือของเขาเกือบจะสะบัดมาโดนชุดของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเบาๆ ถอยหลังหลบ ไม่ให้ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูสัมผัสตนเอง

“อย่าได้เขินอายไป” ผู้ชายคนนั้นบิดผ้าเช็ดหน้าแล้วหัวเราะหยอกเย้า

เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอไม่สนใจเขาแล้ว เขาก็เอนหลังไปเอ่ย กับอีกสี่คนซ้ายขวาว่า “พวกเจ้าว่าพี่สาวจะชอบเขาไหม?”

“ชอบ ชอบแน่นอน”

“ความชอบของพี่สาวนั้นเสี่ยวก่วนเจ้ารู้ดีที่สุด เจ้าบอกว่าชอบ พี่สาวก็จะต้องชอบ”

ผู้ชายตุ้งติ้งที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวก่วนบิดเอวเล็กน้อยแล้วก็กระทืบเท้าเอ่ยว่า “แต่คนเขาไม่สนใจพวกเรา พวกเจ้าว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี?”

“เรื่องนี้…”

ทั้งสี่คนมองหน้ากัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า แต่กลับไม่ได้ตอบคำ

มู่ชิงเกอยืนอยู่ด้านข้าง ฟังพวกเขาพูดคุยคุยกันอย่างเงียบๆ เดาเรื่องราวคร่าวๆ เอาไว้ในใจว่าเบื้องหลังผู้ชายตุ้งติ้งคนนี้ยังมีคนร้ายกาจอยู่ ถึงได้สามารถกระทำการอุกอาจเช่นนี้ภายในสำนักวิถีโอสถส่วนในได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว ส่วนคนสี่คนที่ตามเขามาก็สีหน้าที่ไม่มีทางเลือก พูดแต่คำชมและเป็นกลางแต่หว่างคิ้วก็ยังแฝงแววจนปัญญาเอาไว้อยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกบังคับมา

“ชิ พวกไร้ประโยชน์” เสี่ยวก่วนด่าออกไป นัยน์ตาดูแคลนเปลี่ยนเป็นเย็นชา มองมายังมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมไปกับข้าดีๆ เช่นนั้นข้าก็ได้แต่ต้องบังคับให้เจ้าไปแล้ว รอให้พี่สาวดูแล้ว หากนางไม่ชอบเจ้าก็ค่อยปล่อยเจ้าไป”

“เจ้ารนหาที่ตาย” ในที่สุดมู่ชิงเกอก็ตอบสนอง

นัยน์ตาของเสี่ยวก่วนฉายแววดุดัน พูดเสียงแหลมว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”

บรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย เพียงแต่ที่นี่เป็นผนังเงา คนส่วนมากล้วนแต่กำลังดำดิ่งอยู่ในการทำความเข้าใจวิถีโอสถ

จึงมีเพียงแต่คนที่ถอนตัวออกมาจากการทำความเข้าใจ แล้วหรือไม่ก็คนที่เพิ่งมาเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าตรงมุมนี้เกิดเรื่องขึ้น

เมื่อมองเห็นกลุ่มของเสี่ยวก่วน สายตาของคนจำนวนไม่น้อยก็ฉายแววสนุกรอชมละคร

เวลานี้จูหลิงนำเหมยจื่อจ้งกลับมาแล้วก็มองเห็นสถานการณ์ด้านนั้น

ในตอนที่สายตาของนางตกไปอยู่บนร่างของเสี่ยวก่วน สีหน้าก็เปลี่ยนไปชั่วขณะ ลากเหมยจื่อจ้งเอาไว้แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เหมย ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป”

ความจริงจังในสายตาของนางทำให้เหมยจื่อจ้งสงสัย

เขาเองก็เห็นสถานการณ์ทางด้านนั้น และรู้สึกว่ากำลังมีคนสร้างความลำบากให้มู่ชิงเกอจึงส่ายหน้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนชิงเกอจะเกิดเรื่องขึ้น จะให้ข้ารออยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

จูหลิงขบริมฝีปากพูดอย่างร้อนใจว่า “หากท่านไปด้วย เกรงว่าจะทำให้เรื่องราวกลายเป็นยากลำบากขึ้น ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลาอธิบาย รอข้าไปช่วยชิงเกอก่อนแล้วค่อยพูดให้ท่านฟังอย่างละเอียด”

พูดแล้วนางก็ใช้สายตาขอร้องมองเหมยจื่อจ้ง แล้วก็รีบวิ่งไปหามู่ชิงเกอ

นางเบียดเข้าไปแล้วใช้สองมือคล้องแขนมู่ชิงเกอเอ่ยว่า “อ้าว เสี่ยวก่วนเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

การเคลื่อนไหวของจูหลิงทำให้มู่ชิงเกอส่งสายตาแปลกใจมาให้

แต่จูหลิงก็ลอบหยิกนางเบาๆ ทำให้นางเข้าใจในทันที ร่วมแสดงละครไปกับนางด้วย

ความสนิทสนมของทั้งสองคนทำให้นัยน์ตาของเสี่ยวก่วนหรี่เล็กลง พูดอย่างขี้เล่นว่า “ที่แท้เป็นจูหลิง! พวกเจ้าสองคน…”

จูหลิงเผยท่าทางเอียงอายออกมา คล้องแขนของมู่ชิงเกอแน่นขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้ายังดูไม่ออกงั้นหรือ?”

พูดไป นางก็เงยหน้ามองมู่ชิงเกออย่างเขินอายแวบหนึ่ง ยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “ข้ารอเขามาตั้งนาน ในที่สุดเขาก็มีเวลาว่างมาหาข้าที่สำนักวิถีโอสถแล้ว”

คำพูดที่ดูคลุมเครือของนางทำให้เสี่ยวก่วนขมวดคิ้วขึ้น นัยน์ตาฉายแววรังเกียจ

“ที่แท้เจ้าก็มีเจ้าของแล้ว” นํ้าเสียงของเขาดูเย็นชาขึ้น

“ชิ พี่สาวนั้นชอบความสะอาดเป็นที่สุด ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงคนอื่นสัมผัสมาแล้ว ถึงจะหล่อแค่ไหนนางก็ไม่เอา”

สายตาและนํ้าเสียงที่ดูรังเกียจเช่นนี้ดูเหมือนว่าร่างกายของมู่ชิงเกอมีสิ่งสกปรกติดอยู่ก็ไม่ปาน

พูดจบแล้วเขาก็หันหน้าหนี สะบัดผ้าเช็ดหน้าสีชมพูในมือ สั่งการคนสี่คนด้านหลังว่า “พวกเราไป! ซวยจริงๆ”

จากนั้นเขาก็พาคนของเขาจากไป

เมื่อไม่มีความสนุกให้ดูต่อ กลุ่มคนก็ทยอยแยกย้ายกันไป เวลานี้เหมยจื่อจ้งถึงได้ก้าวเท้าเดินเข้ามา

การมาแล้วไปนี้ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกมึนงง

รอจนพวกเสี่ยวก่วนจากไปไกลแล้ว จูหลิงถึงได้ถอนหายใจ ปล่อยมือออกจากแขนของมู่ชิงเกอ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ไม่รอให้มู่ชิงเกอเอ่ยปาก หลังจากเหมยจื่อจ้งเดินมาถึงแล้วก็ถามจูหลิงทันที

จูหลิงยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย กำลังจะอธิบายก็เห็นจ้าวหนานชิงและซางจื่อซูเดินจูงมือกันเข้ามา เมื่อนางมองเห็น มู่ชิงเกอและเหมยจื่อจ้งก็มองเห็นเช่นกัน

เมื่อถูกสายตาทั้งสามคู่มองมา ซางจื่อซูก็หลุบตาลงอย่างเอียงอาย

มือของนางถูกจ้าวหนานซิงจับเอาไว้แน่นไม่ยอมให้นางหลบเลี่ยง จ้าวหนานซิงก็มีสีหน้าภาคภูมิใจ ทำให้คนคาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาได้สมปรารถนาแล้ว

“ยินดีกับศิษย์พี่จ้าวและศิษย์พี่ซางด้วย” มู่ชิงเกอยิ้ม แล้วพูดจากใจจริง นัยน์ตาเรียบสงบของเหมยจื่อจ้งก็ฉายแววยินดีพูดว่า

“ยินดีด้วย”

จูหลิงถอนหายใจพูดว่า “ในที่สุดพวกเจ้าก็ทำให้มันชัดเจนแล้ว แต่ปัญหาของชิงเกอกลับมาถึงแล้ว”

คำพูดของนางทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว จ้าวหนานชิงก็เก็บรอยยิ้มได้ใจบนใบหน้ากลับมา ขมวดคิ้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ซางจื่อซูก็ไม่สนใจความอาย เงยหน้ามองมู่ชิงเกออย่างตกใจ

จูหลิงมองซ้ายมองขวาแล้วก็เอ่ยกับพวกเขาว่า “พวกเราไปจากที่นี่ก่อนค่อยพูดกัน ข้ากลัวเสี่ยวก่วนจะไม่ยอมตายใจแล้วย้อนกลับมา”

“เสี่ยวก่วน?” เมื่อได้ยินถึงชื่อนี้จ้าวหนานชิงก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ท่าทางของเขาทำให้มู่ชิงเกอรู้ว่าเขาก็รู้จักคนๆ นั้น

“อืม พวกเราไปจากที่นี่ก่อนค่อยพูดกัน” จ้าวหนานชิงพยักหน้า เห็นด้วยกับข้อเสนอของจูหลิง

ทั้งห้าคนจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากพวกเขาจากไปได้ไม่นาน เสี่ยวก่วนก็รีบพาคนย้อนกลับมา เมื่อหาเงาร่างของมู่ชิงเกอไม่พบ ก็กระทืบเท้าอย่างโมโห

นัยน์ตาของเขาฉายแววโมโห “ชิ วิ่งหนีเร็วขนาดนี้จะต้องหลอกข้าอย่างแน่นอน!”

“เช่นนั้น…เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?” มีคนก้าวเข้ามาถาม

นัยน์ตาของเสี่ยวก่วนฉายแววอำมหิต หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งก็กัดฟันเอ่ยว่า “ไป กลับไปหาพี่สาว! ให้พี่สาวออกหน้าด้วยตนเอง!”

จ้าวหนานชิงพาพวกเขาออกมาจากเมืองชั้นในกลับมายังเมืองชั้นนอก หาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแล้วก็เข้าไปในห้องรับรองพิเศษ มองเห็นท่าทางที่ดูคุ้นเคยกันดีของเขากับเถ้าแก่แล้ว เขาคงเป็นขาประจำของที่นี่

เพียงแค่นั่งลง จ้าวหนานชิงก็ส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น เผยร่องรอยรู้สึกผิด เอ่ยกับมู่ชิงเกอและเหมยจื่อจ้งว่า “เรื่องนี้ต้องโทษข้า ที่ลืมเรื่องนางมารนั่นไป”

มู่ชิงเกอใช้นิ้วเคาะโต๊ะ เอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

จ้าวหนานชิงเอ่ยว่า “ภายในสำนักวิถีโอสถ นอกจากเหยาชิงไห่แล้วยังมีอีกคนที่ศิษย์ธรรมดาไม่กล้าล่วงเกิน สถานะของนางนั้นพิเศษมาก แม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่กล้าควบคุมนาง ส่วนนางกลับมีความชอบอย่างหนึ่งก็คือ ชอบผู้ชายหน้าตาดี หากว่ายอมนางก็ยังดี ต่อไปก็จ สามารถทำอะไรก็ได้ในสำนักวิถีโอสถ แต่หากไม่ยอมก็อาจจะถูกตีแล้วโยนออกไป หรือไม่ก็…” จ้าวหนานชิงยิ้มเย็น “เป็นแบบเสียวก่วน”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาฉายแววสงสัย

จูหลิงขบริมฝีปากเอ่ยว่า “เสี่ยวก่วนคนนี้แต่เดิมก็เป็นผู้ชายปกติธรรมดา เพียงแต่มีหน้าตาดูดีหน่อย เพียงแค่เขาเข้ามาในส่วนในได้ไม่นานก็ถูกนางมารหมายตา หลังจากขัดขืนอยู่หลายครั้ง นางมารคนนั้นก็ทำให้เขา…เอ่อ…”

“ตอนแล้ว” จ้าวหนานซิงต่อคำพูดที่จูหลิงพูดออกมาได้ยากคำนั้น

สองคำนี้ทำให้มู่ชิงเกอและเหมยจื่อจ้งตกตะลึงมาก

ยากที่จะจินตนาการได้ว่าภายในสำนักวิถีโอสถจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น สีหน้าของเหมยจื่อจ้งฉายแววเย็นชา พูดเรียบๆ ว่า “กระทำการอย่างอุกอาจเช่นนี้ สำนักวิถีโอสถไม่จัดการอะไรเลยหรือ?”

จ้าวหนานชิงส่ายหน้า “ขอเพียงนางมารคนนั้นไม่ได้ทำให้คนตาย สำนักวิถีโอสถก็ทำได้เพียงลืมตาข้างหลับตาข้าง”

“แปลกถึงขนาดนี้เชียว? นางมีสถานะอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้สำนักวิถีโอสถยกเว้นให้ขนาดนี้” มู่ชิงเกอพูด

“หลังจากเกิดเรื่องของเสี่ยวก่วนขึ้นเขาก็เงียบหายไปสักพัก ต่อมาเมื่อปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งก็เป็นรูปแบบนี้แล้ว เสี่ยวก่วนกลายเป็นสุนัขรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของนางมาร มักจะพาคนเดินเล่นรอบส่วนในเพื่อหาชายรูปงามแทนนาง ได้ยินมาว่าผู้ชายที่ถูกเขาหมายตาจะถูกเขาใช้กลอุบายร้อยแปดบีบบังคับให้ยอม ดูเหมือนคิดจะโอนย้ายสิ่งที่เขาโดนนางมารกระทำไปยังร่างของคนที่บริสุทธิ์” จูหลิงพูดด้วยท่าทางที่ดูเคร่งเครียด

นางเป็นห่วงมู่ชิงเกอ ที่ตอนนี้ถูกเสี่ยวก่วนหมายตา ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง

“หากว่าเจ้ายอมประกาศเรื่องที่เจ้าเป็นผู้หญิงออกไปอาจจะลดปัญหาได้บ้าง” จูหลิงเสนอ

เพียงแต่มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

ประกาศสถานะผู้หญิงของนางออกไปไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่คงไม่ใช่ว่าทำไปเพียงเพราะนางมารแค่คนเดียว

“ศิษย์พี่จ้าว อาศัยรูปโฉมของท่านแล้วก็ไม่น่าจะรอดนี่” มู่ชิงเกอพูดล้อ

จ้าวหนานซิงยิ้มอย่างขมขื่น

จูหลิงกลับพูดอย่างขี้เล่นว่า “เขาอยู่ข้างกายจื่อซูตลอด ดูเหมือนนางมารจะมีนิสัยที่ชอบความสะอาด รวมแล้วก็มาสืบเพียงสองครั้ง ต่อมาคงเดาว่าเขากับจื่อซูมีอะไรต่อกันจึงปล่อยไป”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

เวลานี้มู่ชิงเกอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่จูหลิงถึงจงใจแสดงความสนิทสนมระหว่างทั้งสองคนต่อหน้าเสี่ยวก่วน

“เฮ้อ” จูหลิงถอนหายใจ “หวังว่าเสี่ยวก่วนจะเชื่อแล้วจบเรื่องนี้ไป เดิมทีเวลาของชิงเกอก็มีไม่มากอยู่แล้ว อย่าให้เกิดปัญหามาถ่วงเวลาการฝึกฝนเลย’’

ความเป็นห่วงของจูหลิงทำให้มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ

เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ถอนรอยยิ้มกลับ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอก

ปัง!

ประตูห้องที่ปิดสนิทถูกระแทกเปิดออก คนทั้งห้าคนในห้องยืนขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูหนักอึ้ง

คนที่เดินยิ้มเข้ามาก็คือเสี่ยวก่วน ด้านหลังของเขายังมีนักสู้จำนวนไม่น้อยตามมาด้วย เถ้าแก่ที่คิดจะห้ามเขาก็ถูกผลักออกไปอีกทาง นอนลงบนพื้นกุมหน้าอก ครางออกมา

“ที่แท้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่จริงๆ!” เพียงแค่เสี่ยวก่วนเข้ามาก็มองไปที่มู่ชิงเกอทันที แต่ในตอนที่เขามองไปเห็นเหมยจื่อจ้งผู้สะอาดใสไร้มลทินนั้น นัยน์ตาก็เปล่งประกายขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version