Skip to content

พลิกปฐพี 495

ตอนที่ 495

เจ้าเป็นผู้หญิง?!

บึ้ม!

เสียงระเบิดดังขึ้น แสงสว่างจ้าแสบตา ทุกคนหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัวเพื่อเลี่ยงแสงเจิดจ้านั้น

การต่อสู้อันดุเดือดหยุดชะงักลง ไม่ว่าจะเป็นพวกจีเหยาฮั่วหรือว่าเหล่านักฆ่าของตำหนักเทพล้วนแต่ชะงักอยู่ที่เดิม ลืมการต่อสู้ไปเสียสนิท ทุกคนล้วนมองไปยังจุดที่เกิดระเบิด

เมื่อแสงดับลง หมอกควันกระจายหายไป

ทุกคนก็มองเห็นเพียงแค่ซากร่างที่แหลกเละและรอยเลือดเท่านั้น

“นี่…!”

“น่า…น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“นี่มันเครื่องมือสังหารชัดๆ!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? พวกเจ้ามองเห็นชัดหรือไม่? เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้ระเบิดตัวเองขึ้นมา!”

“ไม่ใช่การระเบิดตัวเอง! จะเป็นการระเบิดตัวเองได้อย่างไร?”

“หากนั่นไม่ใช่การระเบิดตัวเองแล้วจะเป็นอะไร? ยังมีอะไรที่ทรงพลังมากขนาดนี้อีก?”

“สวรรค์! น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“เหมือนพวกเราจะลืมไปจุดหนึ่ง…เจ้าเมืองมู่ไม่เพียงแต่เป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพแต่ยังเป็นอาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพเพียงหนึ่งเดียวของโลกแห่งยุคกลางอีกด้วย อาจารย์หลอมศาสตราระดับมหาเทพครอบครองอาวุธที่ทรงพลังและน่ากลัวขนาดนี้ก็เป็น เรื่องปกติ!”

เฮือก!

คนจำนวนนับไม่ถ้วนตกตะลึง ไกลออกไปมีเสียงสูดลมหายใจดังขึ้นมา

พวกเขาไม่รู้และก็มองเห็นไม่ชัดว่าทุกอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ส่วนผู้ที่ก่อเหตุอย่างมู่ชิงเกอกลับยิ้มเยาะ แม้แต่ปืนไรเฟิลและปืนยิงระเบิดนางก็สร้างออกมาแล้ว จะสร้างระเบิดออกมาไม่ได้ ได้อย่างไรกัน?

หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือระเบิดมือรุ่นเพิ่มความแข็งแกร่ง

พลังทำลายของระเบิดมือลูกหนึ่งก็เทียบเท่ากับการระเบิดตัวเองของผู้แข็งแกร่งระดับสีเงินชั้นหกหนึ่งคน

ระยะใกล้ขนาดนี้ฆ่าระดับสีทองจอมปลอมไม่กี่คน ทั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่ทันระวังตัวด้วยแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

“ให้ตายสิ! ของอะไรกันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้!” จีเหยาฮั่วเบิกตากว้าง หันคอที่แข็งทื่อไปมองมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ

บนใบหน้าที่ไม่จริงจังและขี้เล่นเต็มไปด้วยความตกตะลึงและมึนงง

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น อิ๋งเจ๋อก็จ้องมองซากร่างที่แหลกเละกองนั้นด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่ ฝีมือที่ร้ายกาจขนาดนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ

เหยาชิงไห่มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง อ้าปากค้าง เหมือนจะสูญเสียความสามารถในการพูดไป

เว่ยมั่วลี่ก็มองมู่ชิงเกอเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นเขายิ้มเยาะแล้ว นัยน์ตาของเขาก็อดหดตัวลงไม่ได้

“เจ้า…เจ้าทำอะไรลงไป?” หลังจากหัวหน้าของนักฆ่าตำหนักเทพหายตกตะลึงแล้วก็ชี้มือมาที่มู่ชิงเกอแล้วถามออกมา

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างชั่วร้าย พูดกับคนคนนั้นว่า “เห็นไม่ชัดหรือ? ว่าข้ากำลังฆ่าคน”

คำตอบของนางทำให้ผู้คนที่มองอยู่ไกลๆ ร้องว่า ดี อยู่ในใจ

‘ให้ตายสิ! เท่เกินไปแล้ว!’

‘เจ้าเมืองม่ผู้นี้สมคำรํ่าลือจริงๆ! คำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลตรงๆ เช่นนี้ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก!’

‘เสน่ห์ของเจ้าเมืองมู่นั้นยากที่คนธรรมดาจะมีได้!’

‘ใบหน้าของหัวหน้าพวกนักฆ่าหน้าเขียวหมดแล้ว’

‘ฮ่าๆๆๆๆๆ! คำตอบนี้ข้ายอมเลย! หยิ่งผยอง บ้าระห่ำ ข้าชอบ!’

“เจ้ารนหาที่ตาย!” คนที่เป็นหัวหน้ากัดฟันตะคอกใส่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับไม่กลัว ยิ้มเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม “เจ้าก็กำลังรนหาที่ตายเช่นเดียวกัน อีกอย่างข้าก็รนหาที่ให้เจ้าดูแล้ว แต่พวกข้ากลับยังปลอดภัยไม่บุบสลายเช่นเดิม”

‘บัดซบ! ร้ายกาจ เจ้าเมืองมู่ของข้าอย่าทำให้คนโมโหเช่นนั้นเลย!’

‘หากเป็นข้าคงโมโหจนกระอักเลือดไปแล้ว!’

‘ความหยิ่งผยองของเจ้าเมืองมู่ก็สามารถฆ่าคนได้!’

‘ เจ้าเมืองมู่นั่นแหละที่เป็นอาวุธสังหารมนุษย์! ’

นักฆ่าที่เหลือได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง มองไปยังซากร่างของเพื่อนที่กระจายอยู่เต็มพื้นแล้วนัยน์ตาก็ฉายแววหวาดกลัว พวกเขาค่อยๆ รวมตัวกันถอยกลับไปอยู่ข้างกายหัวหน้า

ความหวาดกลัวนี้ เป็นความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก

เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ทุกอย่างนี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่สามารถป้องกันได้ ผลของการไม่สามารถป้องกันก็คือพวกเขาอาจจะถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับเพื่อนของพวกเขา

คนที่เป็นหัวหน้าจ้องมองมู่ชิงเกออย่างอำมหิต เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ กุมชัยชนะไว้ในมือแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขานำคนตั้งมากมายมาซุ่มโจมตี

เขาควบคุมทั้งเวลาและสถานที่ไว้ในมือแล้ว

การลงมือโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็ทำแล้ว!

เช่นนั้นเพราะเหตุใด…เพราะเหตุใดทางฝั่งเขาถึงได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง แต่อีกฝั่งกลับไม่เป็นอะไรเลย?

เขาคิดไม่ออกและก็ไม่เข้าใจ!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มู่ชิงเกอยังใช้วิธีที่แปลกประหลาด ทำให้ทหารฝั่งเขามีจิตใจสั่นไหว หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่อยๆ ภารกิจของเขาก็ยากที่จะสำเร็จลงได้!

‘ไม่ได้! จะต้องไม่ให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอีก!’ คนที่เป็นหัวหน้าพูดอยู่ในใจ

นัยน์ตาอำมหิตของเขากวาดมองไปทางจีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เหยาชิงไห่สามคน สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของเว่ยมั่วลี่ ‘ถึงแม้คนผู้นี้จะเป็นหนึ่งในเป้าหมาย แต่ตอนนี้ดูแล้วต้องแยกพวกเขาออกจากกัน กำจัดมู่ชิงเกอก่อนแล้วค่อยจัดการเขาทีหลัง’

เมื่อคิดในใจแล้ว เขาก็พูดกับทั้งสี่คนว่า “ประมุขน้อยจี ประมุขน้อยอิ๋ง ประมุขน้อยเหยา คุณชายใหญ่เว่ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกท่านทั้งสี่คน พวกท่านล้วนแต่เป็นอัจฉริยะของตระกูล สถานะสูงส่ง เปี่ยมความสามารถ เหตุใดต้องมายุ่งเรื่องของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย? ฟังคำแนะนำของข้าเถอะ ถอยไปอยู่อีกข้างอย่างสงบจะดีกว่า ที่พวกท่านมาที่นี่ก็เพื่อถามหาวิถี ไม่ใช่มาหาที่ตาย!”

ความต้องการยุให้แตกแยกของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจน

มู่ชิงเกอฟังจนนัยน์ตาฉายแววดูแคลน

มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จีเหยาฮั่วก็หัวเราะเยาะพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อรู้ดีว่าพวกข้ามีสถานะไม่ธรรมดา เช่นนั้นเหตุใดได้าถึงยังกล้าลงมืออีก? ทำร้ายพวกเราแล้วหลายตระกูลใหญ่ตามแก้แค้น เจ้ารับไหวงั้นหรือ? อีกอย่างอะไรที่เรียกว่าคนไม่เกี่ยวข้อง? ข้านั้นเป็นพี่ บุญธรรมของชิงเกอ!”

พูดแล้วเขาก็ยกมือจะตบไปบนไหล่ของมู่ชิงเกอแต่ก็ถูกเขาหลบเลี่ยง

จีเหยาฮั่วจับถูกความว่างเปล่า เอ่ยอย่างขมขื่นว่า “นี่อย่างไรเจ้าก็เห็นแก่หน้าข้าสักหน่อยไหม!”

มู่ชิงเกอกำลังจะพูดก็ได้ยินหัวหน้านักฆ่าทางฝั่งนั้นพูดเสียดสีว่า “เห็นหรือยัง ประมุขน้อยจี ท่านถือว่าเขาเป็นเพื่อน แต่เขากลับไม่รับไมตรี เพื่อนเช่นนี้มีไว้เพื่ออะไร? อย่าให้คนใช้ประโยชน์โดยไม่รู้ตัว ข้าแนะนำว่าอย่าได้สอดมือจะดีกว่า”

มู่ชิงเกอยิ้มเย็น “เพื่อนมีคุณค่าที่จิตใจ มิตรภาพระหว่างพวกข้า เป็นสิ่งที่หนูตัวหนึ่งจะมาทำให้แตกแยกได้งั้นหรือ? แต่ว่า ข้าก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของเจ้า…”

นางกวาดสายตามองไปบนใบหน้าของทั้งสี่คนรอบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาสามคนหรือว่าเว่ยมั่วลี่ นางเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าจริงๆ พวกเจ้าพลอยซวยไปด้วยเพราะข้า ไม่สู้ผละออกไปตอนนี้หลีกเลี่ยงไม่ให้ไฟลามถึงตัว”

นางมีนิสัยเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเว่ยมั่วลี่ที่ต้องซวยเพราะนางเลย เดิมทีเขาก็ไม่ควรถูกไล่ฆ่า ส่วนคนอื่นๆ ในมุมมองของนาง หากนางจะทำเพื่อเพื่อนโดยไม่สนใจตนเองนั้นได้ แต่หากเพื่อนต้องได้รับบาดเจ็บเพราะนางนั้น นางคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

บุญคุณคนยากจะตอบแทน

นี่เป็นคติประจำใจของมู่ชิงเกอ

ดังนั้นนางถึงได้พูดออกไปเช่นนั้น

แต่เมื่อนางเอ่ยออกไปกลับทำให้สีหน้าของจีเหยาฮั่ว และอิ๋งเจ๋อเคร่งขรึมขึ้น

นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วฉายแววโมโห เขาพูดกับมู่ชิงเกอว่า “พวกเราเป็นพี่น้อง! พี่น้องมีภัยจะให้สะบัดแขนเสื้อยืนมองดูอยู่ข้างๆ งั้นหรือ? วันนี้ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้า เป็นอิ๋งเจ๋อ ข้าก็เลือกจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาเช่นเดียวกัน หากว่าเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็จะไม่เกรงใจ อิ๋งเจ๋อเช่นกัน หรือว่าเจ้าจะสะบัดหน้าจากไป?”

“…” มู่ชิงเกอมองเขา นิ่งเงียบไม่พูดจา

ในตอนนี้เองเว่ยมั่วลี่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้จะไม่มีเจ้า พวกเขาก็จะฆ่าข้าอยู่ดี”

เขามองเห็นชัดแล้วว่า มีบางเรื่องที่เข้าใจผิดแล้วยากจะอธิบาย และเขาก็ไม่สนใจที่จะ อธิบายด้วย

เหยาชิงไห่หัวเราะแล้วก็เดินมาข้างกายพวกเขา มองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “พูดแล้วว่าจะเดินทางไปสุสานเทพด้วยกัน ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการซ้อมล่วงหน้าเถอะ”

“พวกเจ้า…” มู่ชิงเกอพูดไม่ออก

ทุกครั้งที่นางตกอยู่ในความสิ้นหวังก็มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างนางโดยไม่สนใจตนเอง เผชิญหน้ากับทุกอย่างไปพร้อมกันกับนาง

แม้ว่านางจะปฏิเสธ พวกเขาก็ไม่ยอมจากไปไหนไกล

โชคดีมากแค่ไหนกัน?

มู่ชิงเกอรู้สึกว่าหัวใจของตนเองถูกความอบอุ่นโอบคลุม ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว ในที่สุดนางก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมจากไป เช่นนั้นพวกเราก็มารบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน”

“ถูกต้องแล้ว!” จีเหยาฮั่วดีใจ เขาพุ่งเข้าไปตรงหน้าของมู่ชิงเกอแล้วก็ยิ้มออกมา “เหอ เหอ ชิงเกอ ของเล่นที่ร้ายกาจอันนั้น เอามาให้ข้าเล่นก่อนสักสองอันได้ไหม?”

มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างขบขัน “ของอันนั้นหากไม่ได้รับการฝึกฝนจะเป็นอันตรายต่อทั้งคนอื่นและตัวเอง บางทีเจ้าอาจจะทำจนตนเองระเบิดได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว จีเหยาฮั่วก็หดคอทันที ลบความคิดนี้ออกไปชั่วคราว

“ชิ พวกคนไม่รู้จักตาย! ฆ่าพวกเจ้าที่นี่แล้ว พวกเจ้าคิดว่าจะมีใครรู้งั้นหรือ?” หัวหน้านักฆ่าพูดเสียงเข้ม

คำพูดของเขาเพิ่งหลุดออกไป สายตาของคนทั้งห้าก็มองไปยังกลุ่มคนที่ยืนดูอยู่ไกลๆ พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

บรรดาคนที่มองดูพากันกะพริบตา ไม่กล้าขยับตัว

‘ฮือ ฮือ ฮือ พวกข้าก็ไม่อยากจะดูต่อแล้ว แต่เมื่อเข้ามาในแม่นํ้ารั่วแล้วจะออกไปได้อย่างไร?’

การเคลื่อนไหวของทั้งห้าคนทำให้หัวหน้านักฆ่ากระตุก ยิ้มที่มุมปาก สีหน้าของเขาดูดำทะมึนไม่น่าดู เขาไม่สามารถพูดคำพูดเช่นการฆ่าคนปิดปากออกมาได้ มิเช่นนั้น คนที่แต่เดิมเอาแต่ชมดูเหล่านี้ก็จะเข้าร่วมฝั่งกับมู่ชิงเกอเพื่อรักษาชีวิตตนเองทันที ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจพลังฝึกปรือของคนเหล่านั้น แต่หากคนนับพันเข้ากลุ้มรุมพร้อมกันก็เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเขา

“ลงมือ! ไม่ต้องสนอะไร ฆ่าพวกเขาให้ได้!” ในที่สุดเขาก็ไม่สิ้นเปลืองคำพูดไปกับพวกมู่ชิงเกออีก จึงสั่งขึ้นอีกครั้ง

แต่บรรดาลูกน้องของเขากลับหวาดกลัวระเบิดมือของมู่ชิงเกอ เมื่อมีคำสั่งออกมากลับไม่มีใครก้าวออกไปข้างหน้า

หัวหน้านักฆ่ามองซ้ายมองขวา เห็นท่าทีลังเลของลูกน้องแล้วก็อดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ไอสังหารลุกโชน เขาลงมือในพริบตา พุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอด้วยตนเอง

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเยียบเย็นขึ้น ตวัดทวนหลิงหลงเข้ารับมือ

เมื่อหัวหน้าของตนเองรับเอาคนที่อันตรายที่สุดไปแล้ว คนอื่นๆ ก็วางความระแวงในใจลง พุ่งเข้าไปหาเว่ยมั่วลี่ จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อและเหยาชิงไห่สี่คน

มู่ชิงเกอต่อสู้กับหัวหน้านักฆ่ากลางอากาศ หลายกระบวนท่า นัยน์ตาของนางฉายแววหนักอึ้งเกิดความระแวดระวังขึ้น

หัวหน้านักฆ่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “อย่างไร? สัมผัสได้แล้วงั้นหรือ? ข้าไม่ใช่สิ่งที่พวกขยะเหล่านั้นจะมาเทียบได้อาศัยระดับพลังของเจ้าในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

‘เขาเป็นระดับสีทองชั้นสี่! อีกอย่างพลังฝึกปรือที่สะสมก็ไม่ได้มาจากโอสถ’ มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นในใจ

“ยอมแพ้เถอะ เจ้ามาเจอข้าก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้ ส่งของออกมาข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เดิมของสิ่งนั้นก็ไม่ใช่ของเจ้า ส่งออกมา เจ้าก็จะได้ไปถามหาวิถีได้อย่างสบายใจ หากเก็บไว้ก็รังแต่จะพาความโชคร้ายและการฆ่าล้างมาให้เจ้า” หัวหน้านักฆ่าพูดต่อ

แต่มู่ชิงเกอกลับยิ้มเยาะ แทงทวนหลิงหลงในมือไปที่เขา “เจ้าพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว!” จะให้นางมอบหม้อผลาญสวรรค์ออกไปงั้นหรือ? นี่เป็นเรื่องที่ เป็นไปไม่ได้!

พลังจิตสีทองผสานกับพญาเพลิงรวมกันเป็นแสงอยู่ที่ปลายทวนพุ่งแทงออกไป

แต่คนคนนั้นกลับไม่กลัว บนเข็มขัดของเขาเกิดแสงสีทองวาบขึ้น โล่กลมปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา ขวางการโจมตีของทวนหลิงหลง

โล่กลมแตกลงในพริบตา แต่ก็ทำลายพลังโจมตีลงไปไม่น้อย

“ยุทธภัณฑ์ระดับมหาเทพพิเศษกว่าธรรมดาจริงๆ!” เขาไม่ได้ปวดใจไปกับโล่กลมของตนเอง แต่กลับเกิดความโลภในทวนหลิงหลง

เขายกมือขึ้น เกิดแสงสีทองละเอียดเล็กดุจขนวัวปรากฎขึ้นในสายตาของมู่ชิงเกอ

นางเบิกตากว้างรีบตวัดทวนหลิงหลงหลบหลีกการโจมตีจากเข็มเหล่านั้น

เข็มระดับสีทองชั้นสี่ นางที่มีพลังเพียงระดับสีทองชั้นหนึ่งไม่อาจจะทำลายเข็มเหล่านี้ลงได้ทำได้เพียงแต่ป้องกันเท่านั้น พริบตาเดียวเกราะที่นางสร้างออกมาก็ถูกเข็มทองแทงทะลุแล้วพุ่งมายังนาง

เงาร่างของมู่ชิงเกอหลบหลีกการโจมตีรวดเร็วดุจสายฟ้า ส่วนหัวหน้านักฆ่ากลับลงมืออย่างต่อเนื่อง เข็มทองพุ่งเข้าใส่มู่ชิงเกอ

หากถูกเข็มทองเหล่านี้ทิ่มแทงคงจะกลายเป็นเม่นในพริบตาแน่

ทันใดนั้น เข็มทองเล่มหนึ่งก็แทงโดนเครื่องมือมายาบนหูซ้ายของมู่ชิงเกอ นางหันหน้า เครื่องมือมายาถูกเข็มทองทิ่มจนหลุดออก และถูกเข็มทองด้านหลังทำลายจนแตก เป็นชิ้นๆ

แสงประกายสีม่วงแตกกระจายค่อยๆ สาดฟุ้งออกไปเหมือนฝุ่นละออง

มู่ชิงเกอเบิกตากว้าง รีบถอยออกไปด้านหลัง

เมื่อไม่มีเครื่องมือมายาปกปิด รูปลักษณ์ภายนอกของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลง…

“ที่แท้ เจ้าก็เป็นผู้หญิง!” หัวหน้านักฆ่าที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของมู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง

คำพูดประโยคนี้ของเขาเอ่ยด้วยเสียงที่ดังมาก หลังจากคำพูดของเขาหลุดออกไป การต่อสู้ที่แต่เดิมกำลังดุเดือด อยู่ก็หยุดลงในพริบตา ตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที

มู่ชิงเกอถอยไปด้านหลังล้มลงกับพื้น สายตาที่ดุดันตกลงไปบนเครื่องมือมายาที่ถูกทำลายบนพื้น

บนนั้นไม่มีกลิ่นอายจิตวิญญาณอีกแล้ว เครื่องมือมายาถูกทำลายจนไม่มีโอกาสจะซ่อมแซมได้อีก!

“ชิง…ชิงเกอ?” จีเหยาฮั่วพูดอย่างตะลึง

สายตาของทุกคนมองเห็นผู้ชายที่องอาจหล่อเหลากลายเป็นหญิงสาวที่งดงามล่มเมือง ใบหน้ายังคงดูหล่อเหลา และงดงามในคราวเดียวกันใบหน้าที่เปล่งประกายโดดเด่นดุจดวงดาว แต่กลับไม่ทำให้คนคิดว่านี่เป็นผู้ชายอีก แต่เป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจคนหนึ่ง นางถือทวนหลิงหลงไว้ในมือ ผมยังคงถูกมัดรวบเอาไว้เหมือนผู้ชาย ท่าทีดูสง่างาม องอาจกล้าหาญ ไม่มีความอ่อนนุ่มเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่กลับเปี่ยมเสน่ห์จนจิตใจ หวั่นไหวยากที่จะละลายตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version