ตอนที่ 677
เช่นนั้นก็ฆ่าเลยแล้วกัน
พวกเจ้ากล้าแย่งชิงไหม?
คำพูดล้อเล่นของมู่ชิงเกอทำให้เขาเก็บรอยยิ้มที่มุมปาก แววตาเคร่งเครียดขึ้นมา เขาค่อยๆ ยืดตัวตรง ถอยหลังไปช้าๆ
คนเบื้องหลังเขารวมทั้งคนที่กระจายตัวอยู่บนก้อนหินลอยต่างมีแววตาไม่เป็นมิตร
ใช่แล้ว เขาเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย แล้วจะทำไม
ที่นี่เป็นแผ่นดินเทพตะวันตก ต่อให้ฆ่าเขาเสียแค่หาข้ออ้างสักอย่างก็เอาตัวรอดผ่านไปได้แล้ว ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจะมาตามสอบสวนก็เป็นเรื่องหลังจากที่เขา ตายไปแล้ว
อีกทั้งไม่ใช่มีเพียงราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ราชาเทวะสี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันตกก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเลยสักนิดเดียว
การกำจัดตระกูลมู่ สี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันตกเป็นตัวตั้งตัวตีในการกำจัดเก้าชั้นฟ้าในครั้งนั้น ปัจจุบันก็ยังจะเป็นเช่นนั้น
ชื่อดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออกโด่ง ดังในแผ่นดินเทพตะวันออก โด่งดังในแผ่นดินเทพใต้ โด่งดังในแผ่นดินเทพเหนือ
แต่ในแผ่นดินเทพตะวันตกนั้นไม่ใช่
อีกทั้งมู่ชิงเกอเวลานี้เป็นเพียงราชาเทวะน้อย ต่อไปจะได้เป็นราชาเทวะหรือไม่ก็ยังไม่แน่ โดยเฉพาะเวลานี้หากตายอยู่ที่นี่ยังจะต้องไปห่วงเรื่องที่วันหลังเขาได้ ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้เป็นราชาเทวะแล้วมาแก้แค้นพวกเขาอีกหรือ
“ราชาเทวะน้อย ข้ายอมนับถือเรียกท่านว่าราชาเทวะน้อย หากไม่นับถือท่านก็เป็นเพียงศพไร้ชื่อที่ตายโดยเหตุไม่คาดฝันในแผ่นดินเทพตะวันตกเท่านั้น” คน คนนั้นพูดกับมู่ชิงเกออย่างเย็นเฉียบ
จากแววตาเขา อากัปกิริยาเขา ไม่มีความนับถือแม้แต่นิด
อีกคนหนึ่งก็พูดเยาะๆ ว่า “ราชาเทวะน้อย ถึงแม้ขั้นพลังท่านจะเหนือกว่าพวกเราทั้งหมดที่นี่ แต่อย่าลืมนะว่า พวกเราที่นี่มีกันหลายพันคน นอกจากเวลานี้ท่านจะอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ หาไม่แล้วเพียง แค่คิดหนียังยากกว่าปีนขึ้นฟ้าเสียอีก”
“ขอเตือนสักคำ ได้อะไรมาก็รีบนำออกมา วางของลงแล้วไปตามทางของท่านได้พวกเราเห็นแก่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยจะไม่ทำอะไรท่าน” อีกคนเปิดปากพูด
ทั้งสามคนต่างใช้คำพูดบีบบังคับมู่ชิงเกอ
พวกเขาถึงขั้นแน่ใจว่ามู่ชิงเกอจะต้องได้ของอะไรมาจากมู่เทียนอินแน่นอน
ไม่ว่าของนั้นจะเป็นของที่พวกเขาอยากได้มากที่สุดนั้นหรือไม่ พวกเขาก็จะต้องได้มันมาไว้ในมือ
จุดประสงค์พวกเขาไม่ได้อำพรางแม้แต่นิด แสดงออกมาให้มู่ชิงเกอได้เห็นอย่างชัดเจน
ของอะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นเช่นนี้ได้ มู่ชิงเกอรู้ดี ของที่พวกเขาพูดถึงนั้นก็คือเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง
ผู้เฝ้ามองบอกไว้ เคล็ดวิชาเทวะถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วน เขาได้มาสองส่วน ไม่นานนี้นางก็ได้มาหนึ่งส่วนจากราชาเทวะอู๋หวาแห่งแผ่นดินเทพใต้ คงเหลืออีกสองส่วนที่ยังไม่รู้เบาะแส
และในเวลานั้นก็มีข่าวมาจากดินแดนอู๋หวาว่า ตระกูลมู่เหลือเดนขโมยของที่สำคัญยิ่งของราชาเทวะอู๋หวาไป
การบอกกล่าวเช่นนี้เกรงว่าเหล่าราชาเทวะที่เคยร่วมกันจัดการตระกูลมู่ในครั้งนั้นต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
ดังนั้น พวกเขาจึงอยากได้ส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างนั้นก่อนที่ราชาเทวะอู๋หวาจะได้ไป
นี่เดิมเป็นแผนที่มู่ชิงเกอใช้ใส่ร้ายมู่เทียนอินให้เขาเป็นคนรับเคราะห์แทนตนเอง ไม่นึกว่าเวลานี้กลับกลายเป็นเหตุผลที่เหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพแผ่นดินเทพ ตะวันตกใช้เพื่อหาเรื่องตนเองเสียได้
คนเหล่านี้นึกอย่างไรก็คงนึกไม่ถึงว่า ความคิดแต่เดิมที่ว่ายอมสังหารผิดคนก็ยังดิกว่ายอมปล่อยไปนั้น จะกลายเป็นหาเรื่องถูกตัวจริงเข้าเสียได้
มู่ชิงเกอนึกไม่ถึง พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน
แต่ไม่ว่าใครจะนึกถึงหรือนึกไม่ถึง เวลานี้มู่ชิงเกอคนเดียวประจันหน้ากับพวกเขาหลายพันคน ก็ต้องรอดูว่าเขาจะผงกศีรษะหรือสั่นศีรษะ
“ราชาเทวะน้อย การตัดสินของท่านมีผลที่แตกต่างกัน ท่านต้องคิดให้ดีๆ นะ” คนคนนั้นพูดอีกคำ ก่อนที่มู่ชิงเกอจะเปิดปาก
มู่ชิงเกอกลับหัวเราะขึ้นมา“ในเมื่อพวกเราคุยกันไม่ลงตัว เช่นนั้นก็สังหารเลยแล้วกัน”
สังหาร!
คนคนนั้นตะลึงไป ไม่ทันรู้ตัวก็หัวเราะลั่นไม่หยุด
มู่ชิงเกอมองไปที่เขา ไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะอะไร
จนเขาหยุดหัวเราะจึงมองมายังมู่ชิงเกอแล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า “หรือราชาเทวะน้อยจะยอมศิโรราบเพียงเท่านี้ เพื่อของที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ยอมละทิ้งชีวิต ละทิ้งอนาคตที่สวยงามของตัวเอง”
ได้ยินคำพูดเขาแล้ว มู่ชิงเกอจึงเข้าใจว่าเขาหัวเราะอะไร
นางสั่นศีรษะช้าๆ ภายใต้แววตาสงสัยของเขาจึงเอ่ยอธิบายออกมา “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือ หากต่างไม่ยินยอม ข้าก็ต้องสังหารพวกเจ้าเท่า นั้นเอง”
พอมู่ชิงเกอพูดจบ คนหลายพันคนต่างตะลึงไป ต่อมาคนหลายพันนั้นก็พลันเปล่งเสียงหัวเราะลั่น
ถูกต้องพวกเขาหัวเราะมู่ชิงเกอ หัวเราะในความยโสโอหังของเขา หัวเราะที่เขาคิดได้พิสดารมาก
“ราชาเทวะน้อย ท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดผิด ท่านคนเดียวจะสังหารพวกเราตายทั้งหมดได้หรือ”
แล้วพูดเยาะต่อว่า “ท่านควรรู้ว่า หากพวกเรามีคนรอดไปแม้เพียงคนเดียว กลับไปยังดินแดนเทพได้ ท่านจะต้องถูกสี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันตกร่วมกันตามไล่ล่าสังหารแน่”
สายตาคนหลายพันคนเต็มไปด้วยความขำขันเย้ยหยัน พวกเขามองมู่ชิงเกอราวกับกำลังดูเรื่องตลกขบขัน
แต่มู่ชิงเกอกลับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิด ยิ้มเยาะแล้วยกมือคว้าไปทางทวนหลิงหลงที่ปักอยู่บนหน้าผากมู่เทียนอิน ทวนหลิงหลงก็พุ่งกลับเข้ามาที่มือนางทันที “เช่นนั้นแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือให้พวกเจ้าทั้งหมดหนีไปไหนไม่ได้”
นางเพิ่งพูดจบ เบื้องหลังนางก็ปรากฎงูยักษ์เผือกตัวหนึ่งบินคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า วนเวียนอยู่ข้างบน เฝ้าอยู่ทุกทิศทาง หากมีใครคิดหนีจะต้องถูกกลืนลงท้อง
“อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบ!”
ภายใต้เงามืดที่ยิ่งใหญ่นั้น หลายพันคนต่างแหงนหน้า คนที่คอยตามติดมู่ชิงเกอตลอดเวลานั้นสีหน้าเปลี่ยนไป จดจำที่มาของไป๋สี่ได้ทันที
“อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบงั้นรึ!” ผู้เฝ้ามองไม่ได้ดูกระจก แต่แหงนหน้ามองไปยังเงามืดที่ยิ่งใหญ่บนท้องฟ้าของเก้าชั้นฟ้า
สิ่งที่ทำให้คนเกรงกลัวมากที่สุดของเผ่าอสูรก็คือพวกมันมีร่างเดิมที่ใหญ่โตมโหฬาร
ไป๋สี่ปลดปล่อยร่างเดิมออกมาหมด คนหลายพันคนเมื่ออยู่ต่อหน้านางแล้วก็ราวกับไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ดวงตาสีทองเป็นขีดตั้งขึ้นของนางจ้องดูทุกคนอย่างเย็น เฉียบราวกับกำลังมองดูอาหารอันโอชะ
ขณะที่ทุกคนกำลังสั่นสะท้านนั้น ซ้ายขวาของมู่ชิงเกอปรากฎอีกสองเงาร่าง หนึ่งเงินหนึ่งดำ แบ่งเป็นหยินเฉินกับโห่ว องครักษ์เขี้ยวมังกรกับองครักษ์ปีกมังกรนั้น ขั้นบำเพ็ญยังต่ำอยู่ ปล่อยออกมาก็ไม่มีประโยชน์ดังนั้น มู่ชิงเกอจึงยังไม่ได้ปล่อยพวกเขาออกมา
แต่นางกลับปล่อยเผ่าอี๋พันคนที่เหลือออกมา
ทันใดนั้นเบื้องหลังนางก็มีกองทหารนับพันยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
คนเผ่าอี๋ที่เหลือนี้ต่างหลบหนีจากที่นี่เมื่อหมื่นปีก่อน พวกเขาเป็นคนแผ่นดินเทพอยู่แล้ว เวลานี้ได้กลับสู่แผ่นดินเทพ หลังจากผ่านการตีตราทาสจากมู่ชิงเกอแล้ว ขั้นบำเพ็ญก็ฟื้นคืนกลับไม่หยุดวันแล้ววันเล่า
เวลานี้พวกเขาถึงแม้ยังไม่ฟื้นคืนสภาพเดิมทั้งหมด แต่ก็สามารถฟื้นคืนได้ถึงขั้นถํ้าวิญญาณขั้นสามขึ้นไป เป็นกำลังรบที่หาได้ยากมากแล้ว
เหล่าลูกศิษย์แดนเทพหลายพันคนเมื่อเห็นคนจำนวนมากที่ปรากฎออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ต่างก็ตื่นตกใจจนลืมหมดว่าควรทำอะไรบ้าง แต่นี่ยังไม่พอ
มู่ชิงเกอแค่นยิ้ม เบื้องหลังนางพลันปรากฎคนขึ้นมาอีกสองคน
ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคือเมื่อสองคนนี้ปรากฎกายขึ้นก็นำมาซึ่งพลังกดดันที่น่ากลัวที่สุดตกลงบนร่างของพวกเขา…