ตอนที่ 687
ข้าจะพบราชาเทวะน้อยมู่
“จะต้องแจ้งราชาเทวะให้รู้ล่วงหน้าไหม” ซวนเฉียงถาม
มู่ชิงเกอมองนางพลางสั่นศีรษะช้าๆ
หลีเฉาก็อธิบายว่า “เจ้าสามได้เล่าเรื่องนี้ให้ราชาเทวะรู้แล้ว แต่ราชาเทวะเพียงสั่งให้พวกเรามานำเจ้าสามกลับไปโดยไม่ให้บุบสลาย อีกทั้งเรื่องนี้จะก่อให้เกิดอะไรขึ้นราชาเทวะย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เขากลับสั่งให้พวกเรากลับดินแดนฮ่วนเยวี่ยเอง นี่แสดงว่าเขาต้องการให้พวกเราจัดการเรื่องนี้เอง”
“ถูกต้อง นั่นคือความคิดของราชาเทวะ” เซียนสุ่ยผงกศีรษะเห็นด้วย
จวงซานก็พูดว่า “พวกเราคงพึ่งราชาเทวะทุกเรื่องไม่ได้ จะต้องหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง”
ทั้งสี่คนต่างแสดงความเห็นแล้ว ซวนเฉียงจึงได้เพียงผงกศีรษะ ทำตามที่ทุกคนตัดสิน
“เจ้าสาม กระเป๋าจัดเก็บของนายน้อยตระกูลมู่อยู่ในมือเจ้าไหม” หลีเฉาถาม
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “สังหารเขาแล้วย่อมเอากระเป๋าจัดเก็บติดมือมาด้วย เวลานี้ต่อให้ข้าบอกว่าไม่ได้เอามาคงไม่มีใครเชื่อ”
เป็นความจริง เหตุการณ์ปัจจุบันเป็นเช่นนี้จริง
ในเมื่อมู่ชิงเกอสังหารเขาแล้ว ไม่ว่านางจะเอาหรือไม่เอาถุงจัดเก็บมาทุกคนก็เชื่อไปแล้วว่าของชิ้นที่ราชาเทวะต้องการอยู่ในมือนาง
“เจ้าตรวจดูของในนั้นแล้วหรือยัง” หลีเฉาถามอีก
ครั้งนี้มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะ นางรู้อยู่แล้วว่า ส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชาเทวะ ส่วนล่างของราชาเทวะอู๋หวาไม่ได้อยู่ในมือมู่เทียนอิน และรู้ว่าอีกสองส่วนของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่ตระกูลมู่ตามหากลับมาได้นั้นอยู่ในมือของผู้เฝ้ามองจึงไม่ได้ดูถุงจัดเก็บของมู่เทียนอิน
ขณะนั้น หลังจากตัดศีรษะของมู่เทียนอินแล้วนางก็ได้เอาถุงจัดเก็บของมู่เทียนอินติดมือมาด้วย เพียงเพื่อไม่ให้คนสงสัย
หากมีคนพบว่า นางสังหารคนแล้วกลับไม่ได้เอาถุงจัดเก็บไปด้วยจะยิ่งทำให้คนสงสัยมากขึ้น
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเรามิสู้มอบถุงจัดเก็บนี้ออกไปย่อมสามารถหลุดออกไปได้ จะได้ไม่พัวพันมาถึงตัวเจ้าสามด้วย” ซวนเฉียงเสนอ
แต่ทั้งสี่คนกลับสั่นศีรษะพร้อมกัน ทำให้นางอดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้น
ตามความคิดนาง เรื่องมากไม่สู้เรื่องน้อยจะดีกว่า มู่ชิงเกอสังหารนายน้อยตระกูลมู่ สำหรับเผ่าเทพแล้วนั่นเป็นความชอบยิ่งใหญ่ ไม่มีเหตุผลที่ความชอบ
ไม่ได้รับกลับหาปัญหาให้ตัวเองแทน
“ทำไมหรือ” ซวนเฉียงถามอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะราชาเทวะจื่อกวงไม่เชื่อ” เซียนสุ่ยกล่าว
จวงซานก็ว่า “ที่ราชาเทวะจื่อกวงอยากได้เป็นของของตระกูลมู่ ของสิ่งนั้นเป็นอะไร พวกเราไม่อาจรู้ได้ หมื่นปีก่อนตระกูลมู่อยู่ในระดับไหนพวกเราต่างรู้กันดี ส่วนข้อหานั้น พวกเราไม่อยากวิจารณ์ เพียงแต่ดูจากทีท่าของราชาเทวะจื่อกวงแล้วพวกเราสามารถคาดเดาได้ว่า ราชาเทวะอีกสามดินแดนเทพ แผ่นดินเทพตะวันตกก็คงกระเหี้ยนกระหือรือจับจ้องชิงเกออยู่ เพียงแค่เขาออกจากดินแดนจื่อกวง ทั้งแน่ชัดว่าราชาเทวะจื่อกวงไม่ได้ของนั้นไป ปัญหาก็จะตามชิงเกอมาไม่หยุดหย่อนแน่”
คำพูดของเขาเป็นความกังวลของทุกคน
มู่ชิงเกอเม้มปากนิ่งเงียบ
การที่เรื่องราวเลยเถิดไปจนถึงขั้นนี้นั้นออกจะเกินกว่าที่นางคาดไว้ นางประเมินความปรารถนาของเหล่าราชาเทวะที่มีต่อเคล็ดวิชาเทวะต่ำเกินไป เดิมทีนางคิดว่าหลังจากรอดตัวมาได้ก็จะรีบกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ย ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่าของที่นางได้มานั้นได้ส่งมอบให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหรือไม่ คิดจะอาศัยบารมีราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมาสยบพวกจิตใจคิดไม่ซื่อ
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าราชาเทวะจื่อกวงจะรีบร้อนเช่นนี้ เปิดปากก็จะเอาของ กระทั่งไม่สนใจว่านางยอมรับหรือไม่ก็เชื่อมั่นแล้วว่าของนั้นอยู่กับนาง
ยิ่งถ่วงเวลานาน โอกาสถูกจับจ้องก็ยิ่งมีมาก
เนื่องจากทุกคนรู้ว่า โอกาสดีที่สุดในการลงมือก็คือก่อนนางกลับถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ย หากพลาดไปแล้ว โอกาสจะลงมืออีกนั้นคงจะยากมาก
“เจ้าสาม เจ้าวางใจ ที่ราชาเทวะส่งพวกเรามาก็เพื่อคุ้มครองให้เจ้าปลอดภัย รอให้งานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้วพวกเราจะรีบจากไปในทันที ระหว่างทางกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็มีพวกเราอยู่ด้วย” หลีเฉารับรองกับมู่ชิงเกอ
เซียนสุ่ยมองมู่ชิงเกอแล้วบอกนางว่า “เมื่อเช้านี้ข้าไปสอบถามลูกศิษย์ดินแดนจื่อกวงที่เฝ้าอยู่หน้าประตู พวกเขาว่าที่เฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าถูกคน ตระกูลมู่ลอบสังหารอีก”
“เจ้าถูกคนตระกูลมู่ลอบสังหารหรือ” จวงซานพูดอย่างตกใจ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “มีครั้งหนึ่ง แต่นั่นเป็นขณะที่อยู่บริเวณรอบนอกของเก้าชั้นฟ้า เวลานี้ข้าอยู่ในดินแดนจื่อกวง คนตระกูลมู่ใช่ว่าคิดจะลอบสังหารก็มาลอบสังหารได้หรือ คงตั้งใจใช้เป็นข้ออ้างเพื่อควบคุมพวกเราอย่างเข้มงวดมากกว่า น่ากลัวว่าทุกการกระทำของพวกเราคงจะมีคนรายงานให้ราชาเทวะจื่อกวงทราบ ทันทีแน่”
“ดูแล้ว หลังจากออกจากดินแดนจื่อกวงแล้ว ที่พวกเราต้องระวังนั้นยังมีคนตระกูลมู่อีก” ที่เซียนสุ่ยนึกถึงนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ก็เป็นการเตือนสติมู่ชิงเกอ
นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ตอนที่อยู่รอบนอกของเก้าชั้นฟ้านั้น ผู้เฝ้ามองต้องการขจัดข้อสงสัยในตัวนางทิ้งจึงได้จัดฉากการลอบสังหารขึ้น
เวลานี้ ไม่มีใครสงสัยเรื่องที่นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่อีกแล้ว แต่ที่พวกเขาต้องการก็คือ ‘ของ’ ที่นางได้มาจากมู่เทียนอินเท่านั้น
เช่นนี้แล้ว ตระกูลมู่ที่ซ่อนตัวไว้อย่างลึกลํ้าในสายตาของคนแผ่นดินเทพก็จะเกิดความคิดที่ว่าตระกูลมู่ทำอะไรต่อไปไม่ได้อีก นับวันมีแต่จะก้าวไปสู่หนทางล่มสลาย
คงเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะแม้แต่นายน้อยตระกูลมู่ก็ยังตายไปแล้ว ยังจะสามารถทำอะไรได้อีก
เรื่องนี้ทำให้มู่ชิงเกอได้รับประโยชน์ แต่ก็สร้างความยุ่งยากให้นางด้วยเช่นกัน
มู่ชิงเกอคิดว่า หากหลังจากตัวเองจากไปแล้วคนตระกูลมู่ไม่ตามลอบสังหารตัวเองอีกกลับจะทำให้คนสงสัยหรือไม่ แต่เวลานี้คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงระวังไปทีละก้าว
“อย่างไรก็ตาม ในดินแดนจื่อกวงพวกเราจะประมาทไม่ได้ และหลังออกจากดินแดนจื่อกวงแล้วก็ยิ่งจะต้องเฝ้าระวังให้ดี” หลีเฉาสรุปเป็นครั้งสุดท้าย
ต่อมาอีกสี่ห้าวัน พวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าราชาเทวะจื่อกวงจะมาใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งบังคับมู่ชิงเกอ พวกเขาเฝ้าระวังอยู่หลายวันแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราชาเทวะจื่อกวงราวกับลืมไปแล้วว่าพวกเขายังอยู่ ไม่เคยเรียกมู่ชิงเกอเข้าพบอีก
ทั่วทั้งดินแดนจื่อกวงเองก็เริ่มเตรียมจัดงานแต่งงาน ทุกหนทุกแห่งล้วนประดับประดาสวยงาม ทำให้ดูครึกครื้นมาก
ทั้งสี่คนต่างงุนงง แต่มู่ชิงเกอยังเยือกเย็นมาก
กระทั้ง นางยังเรียกทุกคนมาถามพวกเขาว่าจะต้องเตรียมของขวัญให้ราชาเทวะจื่อกวงไหม พวกเขาถือเป็นตัวแทนดินแดนฮ่วนเยวี่ย การร่วมงานเลี้ยงมือเปล่าก็ออกจะขายหน้าไปเสียหน่อย
เห็นท่าทางมู่ชิงเกอเหมือนไม่เดือดร้อนอะไร ทั้งสี่คนก็ทำอะไรไม่ได้
บางขณะ พวกเขายังเป็นกังวลยิ่งกว่ามู่ชิงเกอเสียอีก
วันนี้ มีคนผู้หนึ่งสวมชุดลูกศิษย์ดินแดนจื่อกวงมาถึงนอกประตูที่พักชั่วคราวของพวกมู่ชิงเกอ
“หยุดก่อน!” ลูกศิษย์ดินแดนจื่อกวงที่เฝ้าประตูเข้าขัดขวางทันที หน้าตาบึ้งไม่ให้เขาเข้าใกล้ “ที่นี่จะบุกรุกเข้ามาส่งเดชไม่ได้รีบๆ ถอยออกไป”
แต่คนคนนั้นกลับไม่ได้จากไป ยังคงยืนนิ่งที่นอกประตูและบอกคนเฝ้าประตูทั้งสองว่า “ศิษย์พี่ทั้งสอง ข้าอยากขอพบราชาเทวะน้อยมู่ โปรดอนุโลมให้ด้วย”
เห็นทั้งคู่เฉยเมยเขาก็ล้วงกระเป๋าในแขนเสื้อ หยิบขวดกระเบื้องประณีตสวยงามออกมายื่นให้พวกเขา “นํ้าใจเล็กน้อย ขอร้องละ”