ตอนที่ 761
การตามสังหารจากแดนมังกร
เสียงตะโกนบอกให้รีบหนีของโห่วทำให้สีหน้าของมู่ชิงเกอและหยินเฉินเปลี่ยนไปทันที
การที่สามารถทำให้โห่วชี่งไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ‘ตกใจกลัว’ ได้ขนาดนี้ เกรงว่าจำนวนเผ่ามังกรคงมากันไม่น้อยเลย
เวลานี้มู่ชิงเกอใช้พลังไปจนหมดแล้ว จะมีแรงที่ไหนเหลือพอให้หนีได้อีก เสื้อคลุมขาวบริสุทธิ์ของหยินเฉินเองก็เปรอะเปื้อนเป็นด่างดวงด้วยเลือด ในมือยังถือ หัวใจที่มีเลือดหยดอยู่
เขาสังหารมังกรไปแล้ว แต่ตัวเองไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
โห่วดึงมู่ชิงเกอเพื่อจะวิ่งหนี แต่เวลานี้ มู่ชิงเกอก็รับรู้ถึงสัญญาณเตือนที่นางวางไว้ที่เขตผนึก “ไม่ทันแล้ว”
ต่อให้หนีในทันทีก็ไปได้ไม่ไกล ต้องถูกเผ่ามังกรพบตัวแน่
สองตามู่ชิงเกอกลอกอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นนางก็ยกมือเก็บอาคมที่ทางเข้าและนำโห่วกับหยินเฉินขยับมุดเข้าช่องว่างไป
พวกเขาเพิ่งเข้าไป บนท้องฟ้าหุบเขาก็ปรากฎมังกรสิบกว่าตัวขี่เมฆหมอกมา
อาคมที่ทางเข้าหุบเขาถูกเอาออกแล้ว พวกเขาจึงเข้ามาได้อย่างสะดวกสบาย มังกรสิบกว่าตัวร่อนลงมาจากท้องฟ้ากลายร่างเป็นมนุษย์ ทุกคนล้วนเป็นหนุ่ม ฉกรรจ์วัยกลางคน หน้าตาห้าวหาญแข็งแกร่ง
ในช่องว่าง มู่ชิงเกอ หยินเฉิน และโห่ว ต่างก็พักผ่อนกันชั่วคราว นอกจากมังกรเล็กสีดำที่ถูกมู่ชิงเกอทำเสียของไปแล้ว หัวใจของมังกรที่เหลืออีกสี่ตัวล้วนถูกนำ เข้ามาด้วย เวลานี้แช่อยู่ในธารวิญญาณภายในช่องว่าง
คนทั้งสามนั่งขัดสมาธิอยู่บนสนามหญ้า มองออกไปภายนอกผ่านกระจกส่องเทพ
“ไอ้พวกลูกเต่า มากันไวถึงเพียงนี้เชียว”
มู่ชิงเกอเม้มปากว่า “เผ่ามังกรเคลื่อนไหวเร็วมาก”
หยินเฉินมองโห่วแล้วพูดว่า “หากไปซุ่มโจมตี ตามจุดที่เจ้านัดเอาไว้อาจไม่ถูกพบรวดเร็วเช่นนี้”
คำนี้ทำให้โห่วพูดไม่ออก
นอกช่องว่าง เผ่ามังกรสิบกว่าตนยืนอยู่ในหุบเขา กลิ่นคาวเลือดที่โชยเข้ามาปะทะใบหน้า ทั้งสภาพยุ่งเหยิงหลังการสู้รบ ทำให้พวกเขามองจนตาแทบถลน ออกมา
“ให้ตายสิ! นี่มันเลือดเผ่ามังกรของเรานี่!” คนหนึ่งพูดอย่างแค้นจัด
ทั้งซากบนพื้นดินและเกล็ดมังกรที่กระจัดกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นต่างบอกความจริงให้พวกเขารู้ว่า ห้ามังกรเล็กที่แอบออกมานั้นล้วนสิ้นชีพแล้ว
ความสูญเสียขนาดนี้ สำหรับเผ่ามังกรแล้วนับว่ายิ่งใหญ่นัก
“เจ้าห้าตัวนี้อวดตัวเหิมเกริม! ครั้งก่อนไปลอบทำร้ายโห่วแล้ว ครั้งนี้โห่วนัดต่อสู้ทั้งที่รู้ว่ามาร้ายก็ยังไม่บอกผู้อาวุโสในเผ่า แอบหนีออกมา มารับความตายชัดๆ!”
“โห่วเจ้าเล่ห์แสนกล อุบายร้อยแปด พวกมันทั้งห้าจะต่อสู้ด้วยได้อย่างไร”
“เลวมาก! เจ้าโห่วนี่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่ามังกรเราแท้ๆ!”
ในหุบเขา เผ่ามังกรสิบกว่าตัว ระบายอารมณ์โกรธแค้นในหัวอกอย่างเกรี้ยวกราด ส่วนในช่องว่าง มู่ชิงเกอที่มองโลกภายนอกผ่านกระจกส่องเทพกลับมีทีท่าที่ พิลึกขึ้นมา
นางค่อยๆ มองไปที่โห่ว หยินเฉินเองก็เช่นเดียวกัน
ราวกับพวกเขากำลังพิจารณาว่า โห่วที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา เป็นคนเดียวกับที่พวกเผ่ามังกรพูดถึงว่า เจ้าเล่ห์แสนกล มีอุบายร้อยแปดหรือไม่
“หลุมพรางที่สุดจะตื้นเขิน พวกเขาก็ยังออกมารับความตายเอง หากไม่ใช่เพราะประมาทจนไม่ยอมประเมินกำลังตัวเองกับฝ่ายตรงข้ามแล้วก็คงต้องใช้เพียงคำว่า ‘โง่เง่า’ มาเปรียบเปรยแล้ว” มู่ชิงเกอเชิดคางพูดอย่างสะท้อนใจ
ในสายตาของนางนั้นแผนการของโห่วตื้นเขินมาก
หากเป็นเผ่ามนุษย์ น่ากลัวว่าหนูน้อยสิบกว่าขวบที่พอจะมีความคิดก็ยังวางแผนได้ดีกว่าเขามากนัก
แต่แผนการเช่นนี้ในสายตาเผ่ามังกรแล้วถึงขนาดเรียกได้ว่า ‘เจ้าเล่ห์แสนกล’ นางก็ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาเปรียบเทียบความซื่อบื้อของเผ่าอสูรได้จริงๆ
คำว่าซื่อบื้อนั้นไม่ได้หมายความถึงระดับความฉลาดของพวกมันตํ่า แต่ในเรื่องการวางแผนในที่ลับที่แจ้งนั้น เผ่าอสูรในป่าอสูรยังคงห่างชั้นจากเผ่ามนุษย์ใน แผ่นดินเทพมารอีกหลายเท่า
เมื่อได้ฟังคำพูดมู่ชิงเกอ โทสะของโห่วก็จางหายไปจนหมด เขาก้มศีรษะ ยกนิ้วขีดไปมาตรงหน้าตัวเอง
หยินเฉินมองอย่างสนใจจึงรู้ว่านิ้วมือที่เขาขีดไปมานั้น กำลังวาดวงกลมอยู่
หยินเฉินมุมปากกระตุก ละสายตากลับคืนเงียบๆ ไม่สนใจโห่วอีก
มู่ชิงเกอก็เช่นเดียวกัน นางกำลังตั้งใจมองที่ภาพในกระจกส่องเทพ การสังหารมังกรเล็กห้าตัวไม่นับว่าเท่าไร ที่จะต้องรับมือต่อมาคือการแก้แค้นจากเผ่ามังกร ทั้งเผ่าต่างหาก
นอกช่องว่างนั้น เผ่ามังกรสิบกว่าตัวที่ตามมา ยังคงแค้นเคืองอย่างมาก
พวกมันแค้นในความเหี้ยมโหดทารุณของโห่ว ทั้งแค้นในความไม่รู้จักความตายของห้ามังกรเล็ก
เป็นเวลาเนิ่นนาน ที่ความแค้นของเผ่ามังกรกับโห่วดำเนินมา พวกเขาห้าคนถึงขนาดจะใช้กำลังตัวเองจัดการเรื่องนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ฝันเฟื่องเกินจริง ฝันกลางวันแท้ๆ
“ฮึ ครั้งนี้หากไม่ใช่อ้าวเฝ่ยกับอ้าวตงสองคนพลั้งปาก พวกเขาตายหมดแล้วพวกเรายังไม่รู้เลย” มังกรชราพูดอย่างเคืองแค้น
“อ้าวเฝ่ย อ้าวตง?” มู่ชิงเกอมองโห่ว
ราวกับรับรู้ถึงสายตาของมู่ชิงเกอ โห่วยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงกัน ดูไม่เข้ากันกับรอยสักรอบริมฝีปากของเขาเลยสักนิด
ยังยิ้มได้ไม่ทันสุดก็รีบหุบยิ้มลงเพราะสายตาเย็นเฉียบของมู่ชิงเกอ ยิ้มแหยๆ เอ่ยว่า “คงเป็นสองตัวที่เหลืออยู่”
มู่ชิงเกอเม้มปากนิ่งคิดครู่หนึ่ง กระซิบว่า “ท่าทางเพราะสองคนนี้พูดเรื่องที่เจ้านัดต่อสู้จึงทำให้เผ่ามังกรเคลื่อนไหวได้ไวเช่นนี้”
“มารดามันเถอะ! คิดรอบคอบหมดพลาดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น” โห่วตบเข่าตัวเอง
“เดิมข้าคิดไว้ว่า เผ่ามังกรคงไม่รู้ตัวเร็วนัก หลังจากพวกเราฆ่ามังกรเอาเลือดแล้วก็ออกจากป่าอสูร พวกมันจะตามก็ไม่รู้จะตามไปไหนได้ไม่นึกว่าจะมาไวเช่นนี้ท่าจะยุ่งยากแน่แล้ว”
“พลาดนิดเดียวเลยนะ!” หยินเฉินสะท้อนใจ นํ้าเสียงที่เย้ยหยันนั้นชัดเจนมาก
โห่วได้ยินแล้วก็ก้มหน้าลงวาดวงกลมต่อ
หยินเฉินมองมู่ชิงเกอแล้วถามว่า “ชิงเกอ จะทำอย่างไรต่อดี หากเผ่ามังกรโกรธจริงๆ แล้วทุ่มกำลังออกมาทั้งหมด คงไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเราแน่นอน”
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วว่า “ดูว่าพวกมันจะทำอย่างไรก่อน”
พูดแล้วนางก็สนใจมองดูกระจกส่องเทพต่อ
“ทำอย่างไรดีตอนนี้” นอกช่องว่างกลุ่มมังกรชรากำลังปรึกษากัน
มังกรตัวหนึ่งว่า “ครั้งนี้โห่วถึงขนาดกล้าลังหารรุ่นเยาว์ของเราไปห้าตัว จะเพิกเฉยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้น เขาจะยิ่งเหิมเกริม พวกเราเก็บเศษซากไปทำพิธี ก่อนแล้วค่อย…”
“แล้วค่อยทำอย่างไร”
สายตามันเย็นเฉียบ อารมณ์เกรี้ยวกราดชัดเจน “แล้วค่อยรวมเผ่าตามสังหารโห่ว!”
“ทั้งพรรคพวกเขาอีก” มีคนเอ่ยเสริม
“ถึงแม้พวกมันยังเป็นมังกรเล็ก แต่ร่างกายโห่วหลังบาดเจ็บสาหัสก็ยากที่จะสังหารพวกมันได้หมด ดังนั้น เขาจะต้องมีพรรคพวกร่วมด้วยแน่นอน!”
“ถูกต้อง! พวกที่สังหารเผ่ามังกรเรา ปล่อยไปไม่ได้แม้เพียงคนเดียว พวกเขาจะต้องยังคงอยู่ในป่าอสูร พวกเราตามไปเดี๋ยวนี้”
“ดี” มังกรชราที่ฐานะสูงกว่าสั่งสามมังกรว่า
“พวกเจ้าเก็บศพกลับแดนมังกร พวกเราสิบห้าตัวไปตามค้นหา ที่นี่เพิ่งต่อสู้กันจบ พวกเขายังไปได้ไม่ไกลหรอก!”