ตอนที่ 781
คำพูดที่มาจากผู้เฝ้ามอง
พอมู่ชิงเกอมาถึงที่นี่ก็แสดงพลังบารมีทันที
พลังกดดันของขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก ทำให้บรรยากาศในตำหนักอยู่ในสภาพน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด
คนในตำหนักนอกจากหยินเฉิน โห่ว กับมั่วหยางซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดแล้ว คนที่เหลือต่างสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน ถลึงตาโตมองมู่ชิงเกอด้วยความหวาดหวั่น
“นี่.. .นี่เป็น. .ขั้นศักดิ์สิทธิ์…”
“ขั้น…ขั้นศักดิ์สิทธิ์”
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร!”
“ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่เป็นความจริงแล้ว!”
“นี่เป็นความเร็วในการบำเพ็ญแบบไหนกัน”
“เป็นความหวังของตระกูลมู่จริงเสียด้วย! ตระกูลมู่ถึงเวลาฟื้นคืนแล้ว!”
คนตระกูลมู่เหลือเดนเปลี่ยนจากท่าทีตื่นตกใจค่อยๆ กลายเป็นฮึกเหิม พวกเขาจะไม่ฮึกเหิมได้อย่างไร มู่ชิงเกอยิ่งแข็งแกร่งก็เท่ากับเวลาที่พวกเขารอคอยจะยิ่งสั้นลง การสร้างเก้าชั้นฟ้าขึ้นมาใหม่ การผงาดขึ้นของตระกูลมู่ก็จะมาถึงได้เร็วยิ่งขึ้น
ไม่ใช่มีแต่พวกเขา แม้แต่ซวีซิวกับราชครูเองล้วนตื่นตะลึงยิ่งนัก
ซวีซิวถามราชครูว่า “เหตุใดจึงไวเช่นนี้ เพียงช่วงสั้นๆ แค่ 12 ปีก็มาถึงระดับนี้ได้แล้ว!”
ราชครูพูดอย่างภูมิใจว่า “ศิษย์พี่ คราวนี้ท่านแพ้แล้ว มู่เทียนอินจะมาเทียบนายน้อยได้อย่างไรเล่า”
คำพูดนี้ทำเอาซวีซิวเงียบกริบไป
ราชครูรู้ว่านี่คือการแสดงออกอย่างไร้เสียงของเขา
การที่มู่ชิงเกอแสดงพลังบารมีต่อหน้าคนเหล่านี้ เพราะต้องการใช้วิธีที่ตรงและรุนแรงที่สุดบอกให้คนทั้งหมดรู้ว่าใน 12 ปีนี้นางทำอะไรอยู่
เมื่อเดินมาถึงที่นั่งประธาน มู่ชิงเกอจึงเก็บพลังบารมี แล้วหมุนกายนั่งลง
พอนางนั่งลงแล้ว คนในตำหนักทั้งหมดต่างคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ร้องเสียงดังพร้อมกันว่า “ยินดีต้อนรับ นายน้อยกลับมา! ยินดีที่นายน้อยทะลวงขอบเขตถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์!”
“ลุกขึ้นเถอะ” มู่ชิงเกอพูดอย่างสบายๆ
นางไม่เคยสนใจคำเทิดทูนเหล่านี้ ไม่เคยเห็นความสำคัญของมันด้วยซํ้า
“หลายปีนี้ให้พวกเจ้ารอนานแล้ว ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะรออีกเพียงไม่นานแล้ว” มู่ชิงเกอพูดเสียงดัง
เพียงคำพูดง่ายๆ ก็ทำให้ทุกคนต่างฮึกเหิมขึ้นมา
ซวีซิวถามว่า “นายน้อย ท่านมีแผนอะไรแล้วใช่ไหม”
ราชครูก็ออกมาพูดว่า “นายน้อย ในหลายปีนี้พวกเราพอจะรู้แน่ชัดถึงเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างส่วนที่เหลือแล้วขอรับ”
“อ้อ?” สองตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกายขึ้น
แต่ก่อนพวกเขาเพียงคาดเดาว่าเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง ส่วนที่เหลืออยู่ในแผ่นดินเส้าเทียน
มู่ชิงเกอเองก็ให้ซ่งเทียนจี๋แอบค้นหา แต่แผ่นดินเส้าเทียนใหญ่โตปานนั้น วังราชาเทวะมียามเฝ้าหนาแน่น เขาเพิ่งเข้าเป็นลูกศิษย์ในแผ่นดินเพียงไม่กี่ปีจะเข้าใกล้ได้อย่างไร
ซวีซิวว่า “พวกเราพยายามคาดเดา ทั้งมีเทียนจี๋ตรวจสอบ เวลานี้ยืนยันได้ค่อนข้างแน่ชัดแล้ว”
“ดีมาก”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ
“นายน้อย…” ซวีซิวเปิดปาก
มู่ชิงเกอยกมือตัดบท ตอบว่า “ครั้งนั้นกลุ่มอำนาจที่จัดการตระกูลมู่ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง หากพวกเราจะสร้างเก้าชั้นฟ้าขึ้นใหม่ ต้องการแก้แค้นย่อมไม่อาจทำเพียง ลำพังได้ ก่อนที่จะก่อการ พวกเราต้องหาแนวร่วมที่จะรวมกำลังได้ทั้งหมด”
นางพูดกว้างๆ ราวกับเป็นคำตอบเพียงผิวเผิน นัยน์ตาซวีซิวกับราชครูเกิดประกายแวบหนึ่งแล้วสงบนิ่ง ไม่ได้ถามต่อ
มู่ชิงเกอปรากฎโฉมให้ทุกคนรู้ว่านางนายน้อยคนนี้ยังอยู่ และปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ตระกูลมู่ที่เหลือถูกนางส่งไปกระจายตัวอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ความจริงแล้วล้วนตกอยู่ในการควบคุมของนาง
ถึงอย่างไร รอบๆ ทั้งหมดก็ล้วนเป็นคนที่มีสายสัมพันธ์กับนาง
เดินออกจากตำหนัก มู่ชิงเกอนำไปเพียงสองผู้เฝ้ามองกับซ่งเทียนจี๋ คนอื่นๆ ต่างมีภารกิจของตัวเอง เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือวังใต้ดิน มู่ชิงเกอก็นั่งลงหลังโต๊ะแล้วมองไปยังคนทั้งสาม “ทางเผ่าเฟิ่งหวงนั้นเป็นที่แน่นอนแล้ว ขณะที่พวกเราลงมือพวกเขาก็จะเข้าร่วมด้วย ทั้งยังมีอสูรร้ายกับภูติภูเขา”
วันนั้นก่อนจากไป อินเล่อบอกนางว่าสามารถให้นางยืมภูติภูเขาไปใช้ได้หนึ่งครั้ง
คำพูดนี้เป็นการแสดงทีท่าชัดเจน อย่างไรก็ตามไม่ว่าเพราะโห่ว หรือเพราะยาก่อรวมวิญญาณ มู่ชิงเกอล้วนรับนํ้าใจนี้เอาไว้
คำพูดมู่ชิงเกอทำให้ซวีซิวกับราชครูต่างตื่นเต้นยินดี
พวกเขานึกไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอหายไป 12 ปี ไม่เพียงแต่กลับมาพร้อมกับตบะบำเพ็ญที่สูงส่ง ทั้งยังนำพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาด้วย
“มีความช่วยเหลือจากพวกเขา ชัยชนะของพวกเราก็เพิ่มสูงขึ้น” ราชครูพูด
“ไม่ ยังไม่พอ” ซวีซิวนิ่งสงบลง สั่นศีรษะช้าๆ
มู่ชิงเกอพยักหน้าว่า “ถูกต้อง ยังไม่พอ พวกเรายังต้องการพลังที่มากกว่านี้ ดังนั้นข้าคิดจะไปเปิดเผยฐานะกับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย รวมทั้งแผ่นดินเทพต่างๆ ที่ครั้งนั้น ไม่ได้ร่วมทำเรื่องนี้ด้วย นอกจากแผ่นดินเฟิ่งเทียนที่พวกเจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว นอกนั้นล้วนต้องแอบกระทำการอย่างลับๆ ถึงแม้ไม่สามารถให้พวกเขาร่วมกับพวกเราได้ก็ไม่อาจให้พวกเขาเข้ามาผสมโรงด้วยได้”
ซวีซิวกับราชครูต่างพยักหน้าช้าๆ
สักครู่หนึ่ง ซวีซิวขมวดคิ้วว่า “แต่ แม้จะเป็นเช่นนั้น หากประจันหน้ากัน โอกาสชนะของพวกเราก็ยังค่อนข้างน้อย”
มู่ชิงเกอรับคำ บอกว่า “ดังนั้น การประจันหน้ายังไม่ เพียงพอ ยังต้องให้ภายในเกิดความแตกแยกด้วย”
พูดแล้วมู่ชิงเกอก็มองไปที่ซ่งเทียนจี๋
ขณะที่มู่ชิงเกอมองมา ซ่งเทียนจี๋ก็เข้าใจความหมายแล้ว
เขาพูดทันทีว่า “นายน้อยวางใจ เมื่อข้ากลับไปแล้วจะจัดการทุกอย่างเพื่อให้ฝ่ายต่างๆ เหล่านี้เกิดความร้าวฉาน ต่างสงสัยซึ่งกันและกัน ต่างต้องสูญเสียกำลัง”
“เพียงเท่านี้ยังไม่พอ” มู่ชิงเกอโบกมือ บนโต๊ะมีขวดยาเพิ่มมาหลายขวด “ภายในนี้มียาพิษไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รส ให้เจ้านำกลับไป รู้นะว่าต้องทำอย่างไร วางใจได้นอกจากอาจารย์ปรุงยาที่สามารถปรุงยาราชันย์โอสกจอมเทพปรากฎตัวเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่มีใครสามารถตรวจพบความผิดปกติได้”
ซ่งเทียนจี๋ยิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจแล้วเก็บขวดยาไปด้วยท่าทางสุขุม
ซวีซิวกับราชครูยืนสงบนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดจา วิธีการที่มู่ชิงเกอใช้นั้น เป็นสิ่งที่ตระกูลมู่ในครั้งนั้นจะไม่มีวันใช้เด็ดขาด
แต่พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้ชัดเจนว่าก้าวแรกที่ทำให้ตระกูลมู่ถูกโจมตีจนย่อยยับครั้งนั้นเกิดจากอะไร การจัดการของมู่ชิงเกอครั้งนี้ เป็นไปตามคำพูดที่ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
“ใช้ให้คุ้มค่า ให้พวกเขาได้สนุกกันมากหน่อย” มู่ชิงเกอกำชับไว้คำหนึ่ง
ซ่งเทียนจี๋ยิ้มผงกศีรษะ ถอยไปอยู่ข้างๆ
“ก่อนสงครามใหญ่จะมาถึง ยกระดับตบะบำเพ็ญพวกเจ้าและติดอาวุธด้านการป้องกันของพวกเจ้านั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ข้าจะส่งยาและอาวุธให้ ที่เหลือต้องอาศัยตัวพวกเจ้าเองแล้ว” มู่ชิงเกอพูด
ซ่งเทียนจี๋พยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ
เวลานี้ซวีซิวกลับพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ระยะนี้ข้าพบว่าดวงดาวราชาอับแสง ราวกับชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่แน่ว่าจะเป็นราชาเทวะคนนั้นที่จะต้องพบเคราะห์ครั้งใหญ่”
“เจ้าเองก็เห็นดวงดาวราชาอับแสง!” มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว แล้วพูดเสียงเครียด
ซวีซิวพยักหน้า
ราชครูเองก็พูดว่า “ข้าเองก็เห็นดวงดาวราชาอับแสงลงอย่างชัดเจน อีกทั้งมีประกายพิฆาตห้อมล้อม คงจะมีคนวางแผนสังหารผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ไอสังหารรุนแรงมาก โอกาสรอดนั้นน้อยเต็มที”
“ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ?” มู่ชิงเกอพูดเสียงกระซิบ
ซวีซิวพูดว่า “ตำแหน่งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อาจจะเป็นราชาเทวะแผ่นดินทิศตะวันตกเฉียงเหนือคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นแดนมารรกร้าง”