ตอนที่ 801
พระชายาเป็นเผ่าเทพ!
ร่างมู่ชิงเกอชะงักไป คำถามของซือมั่วทำให้นางยากที่จะปริปาก สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงพยักหน้าน้อยๆ
เดิมนางมาเพราะเคราะห์กรรมเป็นตายของซือมั่ว ด้านแผ่นดินเทพยังมีเรื่องรอให้นางไปจัดการอีกมากมาย มาครั้งนี้แน่นอนว่าทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันไม่ได้
“เชื่อข้า ข้าจะกลับมาโดยเร็ว” มู่ชิงเกอให้สัญญากับซือมั่ว
มุมปากซือมั่วค่อยๆ ยกขึ้น เขายกมือตั้งใจจัดผมที่ตกลงมาของมู่ชิงเกอ
“เดิมข้าคิดว่า ออกจากการบำเพ็ญครั้งนี้ข้าจะสามารถเหยียบอยู่เหนือเมฆบนฟ้ากว้าง คุ้มครองเจ้า ตามใจเจ้าแบบที่ไม่ต้องหวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น หากใครพูดมากแม้เพียงคำเดียว ใครกล้าคัดค้านข้าก็จะสังหารมันผู้นั้น เผ่าเทพก็ช่างเผ่ามารก็ช่าง เจ้าเป็นภรรยาที่ข้ายอมรับ พวกเราไม่ต้องไปคอยชี้แจงกับใครทั้งสิ้น แต่ข้าก็ยัง คงล้มเหลวไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้” เสียงซือมั่วเบามาก การพูดก็ช้ามากด้วย
คำพูดเหล่านี้ซ่อนเร้นอารมณ์ที่อยู่ในส่วนลึก ทำให้มู่ชิงเกอฟังแล้วรู้สึกปวดใจอยู่นิดๆ
“เจ้าก็รู้ข้าไม่เคยสนใจว่าใครจะว่าอย่างไร” มู่ชิงเกอจับมือซือมั่ว นำมือเขามาวางไว้ที่ตำแหน่งหัวใจของตัวเอง
ดวงตาทั้งคู่สบกันผ่านอากาศ ทุกอย่างไม่ต้องอาศัยคำพูด
ใช่แล้ว เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยสนใจว่าเขาเป็นคนเช่นไร แม้จะรู้ว่าเขาเป็นมารก็ไม่เคยถอยแม้เพียงก้าวเดียว
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น เขาก็ยิ่งไม่อยากเห็นมู่ชิงเกอต้องถูกเผ่าเทพทำให้ลำบากใจ
เขาต้องการอยู่ร่วมกับมู่ชิงเกออย่างถูกต้องเปิดเผย ไม่ใช่ทำให้มู่ชิงเกอต้องถูกตราหน้าว่าทรยศเผ่าเทพ ต้องซมซานเข้าไปในแดนมาร
มู่ชิงเกอไม่ใส่ใจ แต่เขากลับทำใจไม่ได้!
ดังนั้นเขาจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งจนไม่มีใครกล้าคัดด้าน แข็งแกร่งจนเผ่าเทพไม่สามารถว่ากล่าวอะไรได้อีก ถึงเวลานั้นแล้ว เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาจึงจะไม่ถูกใครนินทา ไม่ถูกใครดูหมิ่น
พวกเขาทั้งคู่ ต่างไม่ใช่คนที่ยอมทำตามอะไรง่ายๆ เทพมารแต่งงานกันไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยไม่ได้พวกเขายิ่งไม่ยอม พวกเขายิ่งจะทำในสิ่งที่รู้อยู่ว่า ทำไม่ได้
ซือมั่วอยู่กับมู่ชิงเกอชมอาทิตย์อัสดงในแดนมาร
ริมแม่นํ้าเมิ่งหลาน กลุ่มคนสนทนากันภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง เรื่องที่พวกเขาสนทนากันนั้นเกี่ยวข้องกับมู่ชิงเกอ
“พระชายามาจากที่ใดกันแน่ เหตุใดจึงได้ลึกลับเช่นนี้” สั่วเซิ่งถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
พอเขาพูดเช่นนี้ ชิงเจ๋อก็แอบมองกู่หยากับกู่เย่ เกี่ยวกับประวัติของมู่ชิงเกอเขาพอจะคาดเดาได้บาง เพียงแต่การคาดเดานี้เกี่ยวพันถึงเรื่องใหญ่เกินไป เขาจึงไม่กล้าพูดมาก
หวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงสองคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมู่ชิงเกอ เวลานี้ก็นิ่งเงียบไม่ได้รับคำด้วย
กู่เย่กับกู่หยาเองก็ทำหน้าเฉยเมยปิดปากแน่นสนิท
เซ่ออินมองกู่เย่กับกู่หยา ขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเจ้าสองคนเฝ้าอยู่ข้างกายองค์ราชามานานปี ย่อมรู้เรื่องพระชายาละเอียดชัดเจนใช่ไหม ในเมื่อพระชายาเป็นพระชายาเผ่ามาร เหตุใดจึงไม่อยู่ในแดนมาร เหตุใดไม่อภิเษกสมรสกับองค์ราชาเสียที”
“ถึงเวลาที่พวกเจ้าสมควรรู้องค์ราชาก็จะบอกให้รู้เอง” กู่เย่ตอบด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
คำพูดเขายิ่งทำให้เซ่ออิน ซู่เหยียน สั่วเซิ่งสงสัย หลิงจิวกับชิงเหยียนก็มองมาที่เขาอย่างข้องใจ
บรรยากาศบนกำแพงเมืองตกอยู่ในความตึงเครียดแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
“พระชายาเป็นพระชายาที่พวกเราเผ่ามารยอมรับ หรือว่าประวัตินางมีเหตุผลอะไรที่บอกไม่ได้หรือ เหตุใดต้องปิดบังกันด้วย” ซู่เหยียนเองก็พูดขึ้น
ราวกับว่าหากวันนี้พวกเขายังถามไม่ได้เรื่องอะไรอีกก็จะไม่ยอมรามือ
กู่หยากับกู่เย่ขมวดคิ้วพร้อมกัน มองซู่เหยียน เซ่อฉิน สั่วเซิ่งสามคนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร โห่วอยู่ข้างๆ สนุกกับการดูละคร ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครมาบีบบังคับถามเขาอยู่แล้ว
“แค่กๆ คือกู่หยากู่เย่ ความจริงข้าก็อยากรู้มากเหมือนกัน” หลิงจิวกระแอมแล้วยิ้มเขินๆ
ชิงเหยียนก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ความสามารถของพระชายานั้นพวกเราทุกคนล้วนประจักษ์ นางคือพระชายาของพวกเราแดนมาร เรื่องนี้ไม่มีใครข้องใจสงสัย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางมีประวัติความเป็นมาอย่างไรก็ไม่สำคัญ เพียงแต่หากยังคงปิดบังเช่นนี้ต่อไปก็รังแต่จะทำให้พวกเรายิ่งอยากรู้มากขึ้นเท่านั้น”
การ ‘บีบบังคับอย่างไม่ลดละ’ ของทุกคนทำให้กู่หยากับกู่เย่ยากที่จะรับมือได้
หวงฝู่ฮ่วนดึงแขนเสื้อเฉินปี้เฉิง ถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบเชียบ พวกเขารู้สึกโชคดีที่ซือมั่วเก็บงำประวัติมู่ชิงเกออย่างดียิ่ง ดังนั้นในที่นี้นอกจากกู่หยากับกู่เย่แล้วจึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากับมู่ชิงเกอรู้จักกันมาก่อน ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่ถูกเค้นถามจะต้องมีเขาสองคนรวมอยู่ด้วยแน่นอน
กู่เย่กับกู่หยาชักลำบากใจขึ้นมา
จะว่าพวกเจ้าเมืองย่อยประสงค์ร้ายหรือ จริงๆ ก็แค่ความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง
“เช่นนั้น…พวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าพระชายาอาจไม่ใช่พวกเราเผ่ามาร ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ในแดนมาร” ชิงเจ๋อเปิดปากพูดหยั่งเชิง
“ไม่ใช่พวกเราเผ่ามาร!” เซ่อฉินพูดอย่างตกใจ
ซู่เหยียนพูดต่อว่า “ไม่ใช่เผ่ามาร หรือว่าเป็นเผ่าเทพ”
กู่หยากับกู่เย่ยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้เงียบต่อไป ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะคาดเดาว่าเป็นอะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสองคนเป็นคนพูด
พระชายาเป็นเผ่าเทพ!
การคาดเดานี้นับว่าใจกล้าทั้งชวนให้ตื่นตกใจนัก
แต่หลังจากตื่นตกใจแล้ว สั่วเซิ่งกลับหัวเราะนำ เสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ! หากพระชายาเป็นเผ่าเทพยิ่งดีใหญ่! อาศัยความยอดเยี่ยมของพระชายา อยู่ในเผ่าเทพก็ต้อง ไม่ใช่คนที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่แน่ว่าจะมีชายเผ่าเทพนับไม่ถ้วนหมายปอง แต่ถูกองค์ราชาของพวกเราแย่งชิงมาได้ นี้เป็นการเพิ่มพูนบารมีให้พวกเราเผ่ามารมากมายที เดียว!”
“ใช่! หลายพันปีก่อน สายลับขององค์ราชาพวกเรายังล่อลวงราชาเทวะน้อยของเผ่าเทพมาได้สำเร็จ ครั้งนี้องค์ราชาพวกเราออกโรงเอง หญิงเผ่าเทพคนไหนจะ พ้นมือไปได้ดีที่สุดคือดึงดูดพวกยอดฝีมือของเผ่าเทพให้มาเข้ากับพวกเราเผ่ามาร ดูซิว่าพวกเขาเผ่าเทพยังจะกล้ามาทำยโสโอหังต่อหน้าพวกเราอีกไหม!” ซู่เหยียนก็พูดผสมโรงด้วย
“หากเป็นเช่นนี้องค์ราชาเป็นผู้บุกเบิก พรุ่งนี้ข้าจะไปเดินเล่นที่แผ่นดินเทพดู ชิงหญิงสาวเผ่าเทพมาเป็นฮูหยินสักคน!” หลิงจิวยกมือกอดอก ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“หากเจ้าไป พาข้าไปด้วยคน” ชิงเหยียนเองก็พูด
ชิงเจ๋อเม้มปากยิ้ม พูดเรียบๆ ว่า “ข้าเพียงคาดเดา จริงเท็จยังไม่อาจรู้ได้”
พูดจบ เขาก็มองกู่หยากับกู่เย่อย่างมีความหมาย
กู่เย่กับกู่หยาเห็นท่าทีของเขาก็เข้าใจแล้ว
ชิงเจ๋อจะต้องดูอะไรออกแน่จึงใช้คำพูดนี้มาลองใจ อยากดูท่าทีของทุกคน
เพียงแต่ กู่หยากับกู่เย่กลับรู้สึกว่าน่าหัวเราะ
คนพวกนี้นึกว่าที่องค์ราชาไม่ประกาศประวัติของพระชายา เพราะกังวลว่าคนเผ่ามารจะคัดค้านหรือ องค์ราชาพวกเขามีหรือจะกลัวเรื่องแค่นี้
ที่องค์ราชาปกปิดฐานะพระชายาตลอดมาเพียงเพื่อคุ้มครองนางให้ดีขึ้น ก่อนที่นางจะมีพลังบารมีเพียงพอจะได้ไม่ถูกคนจับจ้อง ไม่ถูกคนโจมตีเพราะเรื่องนี้ต่างหากเล่า
‘พวกกลุ่มคนโง่!’ โห่วฟังการสนทนาของพวกเขาเงียบๆ ในใจรู้สึกคันคะเยอนัก
บนกำแพงเมืองริมฝั่งแม่นํ้าเมิ่งหลาน การสนทนานั้น เป็นไปตั้งแต่เรื่องเผ่าอี้จนถึงประวัติมู่ชิงเกอ เวลานี้มู่ชิงเกอที่ถูกพาดพิงก็ยังคงไม่รู้ตัว