ตอนที่ 861
เหตุใดราชาเทวะเฟิ่งเทียนพูดเช่นนี้
การปรากฎตัวอย่างกะทันหันของซือมั่วนั้นเหนือความคาดหมายของมู่ชิงเกอ
เดิมนางคิดว่าจะจัดการเรื่องของแผ่นดินเทพเอง เนื่องจากนางรู้ว่าฐานะของซือมั่วไม่สะดวกนักในแผ่นดินเทพ
แน่นอน สิ่งที่นางอยากจัดการไม่ใช่ให้คนเหล่านี้อวยพรทั้งสองคน แต่ต้องการเตือนคนเหล่านี้ว่าอย่าได้ก่อเรื่องหลังจากสามเดือนและอย่าได้คิดหาทางทำลาย
นางต้องการสมรสอย่างเต็มภาคภูมิไม่ใช่ลับๆ ล่อๆ ย่อมปิดราชาเทวะแห่งแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรไม่ได้
ขณะที่คำพูด ‘ข้าย่อมยินดีแต่งงานด้วย’ ดังก้องราวกับฟ้าร้องในตำหนัก สายตาทุกคู่ต่างก็ถูกเขาดึงดูดไปทั้งหมด
นัยน์ตาที่ใสกระจ่างของมู่ชิงเกอผุดแววประหลาดใจจับจ้องที่เขา
ซือมั่วราวกับล่วงรู้ถึงความประหลาดใจของนาง นิ้วยาวเรียวน่าชมของเขาปัดผ่านกระดิ่งที่เอว นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องชุดแดงจับตาที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์ราชาเทวะ มุมปากซือมั่วยกขึ้นเป็นรอยโค้งที่นุ่มนวล ‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้ายังคงน่าดูตลอดกาล’
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นมู่ชิงเกอแต่งเป็นผู้หญิง แต่ซือมั่วก็ยังคงอดไม่ได้ที่ถูกนางดึงดูดไว้
ในเวลาพริบตานั้น เขาอยากนำมู่ชิงเกอจากไป หรือทำให้คนอื่นๆ ในตำหนักดับสูญสลายไปไม่ให้เหลือ
แต่คำพูดของมู่ชิงเกอที่ว่าอีกสามเดือนเป็นวันมงคลสมรสทำให้ความไม่สบายใจทุกอย่างมลายหายไปจนหมดสิ้น
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาตอบตกลงแต่งงานกับเขาแล้วในที่สุด
เขาสามารถประกาศให้ทั้งสามพันโลกรู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงของเขา ส่วนเขาซือมั่วเป็นผู้ชายของมู่ชิงเกอ
ความเคลื่อนไหวของซือมั่วทำให้นัยน์ตามู่ชิงเกอเปล่งประกายแวบหนึ่ง เข้าใจทันทีว่าเหตุใดเขาจึง ปรากฎตัว
น่าจะเป็นเพราะขณะที่นางแกล้งกระตุ้นหลียวน บังเอิญไปโดนกระดิ่งที่เอวเข้า ทำให้เขาเข้าใจว่านาง กำลังเรียกเขาจึงได้มาทันที ทำให้ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้
“ราชามาร! เจ้าถึงขนาดกล้าเข้ามาแผ่นดินเทพเช่นนี้!” ราชาเทวะเซียนเหนี่ยวพูดกับซือมั่วด้วยความ ระแวดระวัง
ร่างของเขาตั้งท่าอยู่แล้ว พร้อมที่จะลงมือได้ทันที
ที่ทำเช่นเดียวกับเขายังมีราชาเทวะสือฟาง ราชาเทวะซุยชิง ราชาเทวะจินกวงกับราชาเทวะเฝินไห่ พวกเขาไม่ได้เอ่ยปาก แต่ก็ตั้งท่าพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทันที
ราชามารซือมั่วเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดินเทพมาร
ถึงแม้พวกเขารวมกันทั้งหมด น่ากลัวว่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ผลการต่อสู้ล่าสุดคือพวกเส้าเทียนเจ็ดคนลอบเข้าไปในแดนมาร อาศัยโอกาสขณะที่เขาปิดประตู บำเพ็ญลอบสังหารเขา สุดท้ายแล้วก็ต้องตายสามบาดเจ็บสี่กลับมา
คนในที่นั้นทั้งหมดต้องมีราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยร่วมลงมือเท่านั้นจึงพอจะทำให้พวกเขามีความหวังอยู่บ้าง
ราชาเทวะซุยชิงมองไปที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยซึ่งราวกับใช้ความคิดอยู่ ตะโกนถามว่า “ฮ่วนเยวี่ย! เวลานี้ แล้วเจ้ายังนั่งเฉยๆ อยู่ได้อีกหรือ”
ราชาเทวะเฝินไห่ยิ่งเค้นถามมู่ชิงเกอว่า “มู่ชิงเกอ! ทั้งหมดนี้เจ้าวางแผนมาแล้วหรือ เรียกราชามารมาที่นี่เพื่อสังหารพวกเราทั้งหมด ต่อไปแผ่นดินเทพมารก็เหลือแต่เจ้าทั้งสองใช่ไหม”
คำปรักปรำนี้ทำให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยคิ้วขมวด จงซานหรี่ตา ส่วนนัยน์ตาที่นุ่มนวลของซือมั่วหายไปกลายเป็นเย็นเฉียบ
มู่ชิงเกอที่ถูกไล่บี้กลับยักปลายคิ้วเล็กน้อย ยิ้มอย่างไม่รู้ความหมาย “คำพูดราชาเทวะเฝินไห่ทำให้ข้า คิดได้ เพิ่มวิธีแก้ปัญหาให้ข้าอีกหนึ่งวิธี ขอบคุณมาก”
พูดแล้วนางหันมองราชาเทวะเฝินไห่ที่สีหน้าเปลี่ยนเป็น เขียวคลํ้า ผงกศีรษะนิดๆ
ซือมั่วแค่นเสียงออกมาทันที “จะฆ่าพวกเจ้าต้องใช้แผนการอะไรมากมายนักหรือ”
พูดจบเขายังคงเดินหน้ามุ่งไปหามู่ชิงเกอต่อ อาการเหิมเกริมเช่นนี้ราวกับไม่ได้เห็นคนทั้งหมดใน ตำหนักอยู่ในสายตาเลย
ซวีซิวมองดูซือมั่วอย่างพินิจพิเคราะห์เขาไม่เคยพบหน้าซือมั่ว เพียงแต่เคยได้ยินคำรํ่าลือเกี่ยวกับราชามารรุ่นนี้วันนี้เขาต้องการดูให้ละเอียดว่าผู้ชายคนนี้จะเหมาะสมกับผู้นำตระกูลมู่ของพวกเขาหรือไม่
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้สายตาทุกคู่ติดตามเขาไปตลอดเวลา
ขณะที่เขาเดินผ่านหลียวนราวกับนางเป็นอากาศธาตุนั้นก็ทำให้หลียวนได้สติจากอารมณ์เพ้อฝัน ขณะที่ได้เห็นเขาอีกครั้ง
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาทั้งยังเจ็บแค้นมองไปยังมู่ชิงเกอ ขณะที่กวาดผ่านซือมั่วก็เต็มไป
ด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นปะปนกัน
เพียงแต่เวลานี้ผู้คนต่างสนใจอยู่แต่มู่ชิงเกอกับซือมั่ว จะมีใครสนใจนางเล่า
‘ที่แท้เขาก็คือคนที่อยู่ในใจของชิงเกอ’ ชูเนี่ยนมองซือมั่วที่กำลังเดินขึ้นบันไดเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอเรื่อยๆ อย่างนิ่งสงบ พึมพำอยู่ในใจ
ขณะที่ซือมั่วสบตากับมู่ชิงเกอและยืนอยู่ข้างนาง จับมือนางต่อหน้าผู้คนนั้นในตำหนักก็เงียบสงบลงถึงขีดสุด
สองคนนี้ไม่ใช่ชายหญิงธรรมดาทั่วไป พวกเขาต่างเป็นตัวแทนที่สูงสุดของเทพมาร เวลานี้กลับจับมือกันต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้
กลุ่มที่คัดค้านสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างยิ่ง
ราชาเทวะจงซานกับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยังคงเงียบต่อไป เพียงแต่นัยน์ตาราชาเทวะจงซานครั้งนี้ไม่ใช่ตั้งใจรอดูเหตุการณ์อีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ป้องกันราชามารคนนี้ก่อเรื่องกะทันหัน
อาการอิจฉาริษยาบนใบหน้าหลียวนอยู่ในสายตามู่ชิงเกอ นางกุมมือซือมั่วแน่นแล้วยิ้มให้นางอย่างเฉิดฉาย “สีหน้าราชาเทวะเฟิ่งเทียนเหตุใดจึงน่าเกลียดเช่นนี้เล่า คนไม่รู้จะเข้าใจว่าท่านหลงใหลความงามของคู่หมั้นข้าคนนี้จนอิจฉาริษยาพวกเรานะ”
พูดจบนางยังแกล้งแกว่งมือที่ประสานกันทั้งสิบนิ้วนั้นอยู่หลายครั้ง
การกระทำนี้กระทบใจหลียวนอย่างรุนแรง
ตางามของนางแทบจะพ่นไฟออกมา ทำให้คนข้างๆ ต่างสนใจมองดู
ส่วนตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหมุนไปจับอยู่บนร่างหลียวนแล้วพิจารณาเงียบๆ ตามความเข้าใจ ของเขาต่อมู่ชิงเกอย่อมรู้ว่านางจะไม่เล่นงานคนโดยไม่มีสาเหตุเป็นอันขาด
การแสดงออกของราชาเทวะเฟิ่งเทียนออกจะน่าประหลาดมาก
“ฮึ! ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไรอยู่” สีหน้าหลียวน เปลี่ยนแปลงสลับไปมา แม้ว่านิ้วมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแทบจะบดขยี้แขนเสื้อจนแหลกละเอียด นางก็ยังคงระงับความโกรธอย่างเต็มที่ ตอบด้วยเสียงเย็นเฉียบ
“ราชาเทวะหลียวนเหตุใดพูดเช่นนี้ท่านเพิ่งพูดอะไรไปหรือ…อ้อ ใช่ว่าข้าพรํ่าเพ้อไปเองใช่ไหม” มู่ชิงเกอพูดต่อ
ซือมั่วยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีอำพันค่อยๆ กวา ผ่านทุกคนในตำหนัก เขารู้ว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขากำลัง เริ่มเล่นงานคนแล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือจะต้องร่วมมืออย่างสุดกำลัง
“ข้า!” หลียวนคิดจะโต้กลับ
แต่ซือมั่วอยู่ข้างๆ แล้วนางจะโต้ได้อย่างไรเพียง
แต่นางนึกไม่ออกเลยว่ามู่ชิงเกอไปเกี่ยวพันกับซือมั่วตั้งแต่เมื่อไรกัน พวกเขาสองคนไม่น่าจะมีโอกาสเกี่ยวข้องกันได้เลย
“ท่านทำไมหรือ” มู่ชิงเกอตามบีบคั้นติดๆ ไม่ยอมให้เสียโอกาส
“ข้าคาดเดาเอาเอง” หลียวนพูดหน้าเครียด นางไม่ได้สังเกตว่าขณะที่นางยิ่งเกิดอารมณ์นั้น รอยยิ้ม ประหลาดที่มุมปากมู่ชิงเกอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น นางพูดเสียงเย็นเฉียบว่า “เจ้าอย่าได้โยงเรื่องมาเกี่ยวข้องกับข้า! เวลานี้เพราะเจ้าผิดทำนองคลองธรรมฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ เผ่าเทพแต่งงานกับเผ่ามารเพียงแค่จุดนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายเก้าชั้นฟ้าที่เจ้าฟื้นฟูขึ้นมาใหม่นี้แล้ว!”
“ท่านกำลังตัดสินความผิดของข้าหรือ” สองตาของมู่ชิงเกอหรี่ลงอย่างอันตราย