ตอนที่ 917
แผนที่อยู่หนใด
คำพูดของซือมั่วทำให้มู่ชิงเกอเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ
นางเสียใจต่อการตายของจี่ฝู สะเทือนใจต่อการทำหน้าที่จนถึงวาระสุดท้ายของเขา และยังปวดใจที่ซือมั่วสูญเสียเพื่อนสนิทและผู้ใต้บังคับบัญชา
ซือมั่ว เป็นคนประเภทเดียวกันกับนาง
สำหรับศัตรู เพิกเฉยไร้ความรู้สึก สามารถโหดเหี้ยมถึงขั้นที่ยากจะจินตนาการ แต่สำหรับคนที่ตนใส่ใจแล้ว กลับใจกว้างและผูกพันอย่างถึงที่สุด
อดีตของซือมั่ว นางไม่เคยอยู่ในนั้น แต่จากคำพูดไม่กี่คำของเขา กลับรับรู้ได้ว่าการจากไปของจี่ฝูกระทบกระเทือนจิตใจเขา
มู่ชิงเกอละสายตามองซือมั่ว เขาจ้องมองจันทร์สีเลือดดวงนั้นอยู่เช่นกัน นางยื่นมือของตัวเองออกไปช้าๆ กุมฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ตกลงข้างลำตัวของซือมั่วไว้
ความอบอุ่นที่พลันเกิดขึ้นในฝ่ามือทำให้ซือมั่วจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยออก
มู่ชิงเกอเบนสายตามองจันทร์สีเลือดอีกครั้ง นางถาม “หลังจากเผ่ามารลาลับแล้ว จะเป็นอย่างไรจะไปเกิดในโลกใหม่หรือไม่”
ดวงตาสีอำพันของซือมั่วมีความเจ็บปวดแวบผ่าน กล่าวด้วยนํ้าเสียงสงบนิ่ง “หลังเผ่ามารตาย จิตมารจะกลับสู่สุสานมาร เนื้อหนังมังสาเปื่อยยุ่ย วิญญาณเข้าสู่วัฏจักร แต่ว่าจี่ฝูไม่ใช่ เขาใช้วิชามารสลายร่าง เนื้อหนังมังสาของเขา วิญญาณของเขา กระทั่งจิตมารของเขาล้วนถูกเซ่นไหว้ เขาจะหายสาบสูญไปอย่างสิ้นเชิง”
หัวใจมู่ชิงเกอจมดิ่ง นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผละลัพธ์เช่นนี้
วิชามารสลายร่างนั้น ทำให้นางหวาดผวาในใจ จู่ๆ ก็หวาดกลัวขึ้นมา นางกังวลว่าภายใต้ความจนใจ ซือมั่วเองก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน
“อามั่ว” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็หมุนตัว หันหน้าหาซือมั่ว
ซือมั่วเก็บสายตากลับมามองนาง “หืม”
“เจ้ารับปากข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไร ไม่ว่าจะตกอยู่ในทางตันเช่นไร จะไม่ใช้วิชามารสลายร่างนี้เป็นอันขาด” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างจริงจัง
ซือมั่วยิ้ม กอดนางเข้ามาในอ้อมอก “ตกลง ข้ารับปากเจ้า เผ่าฝูเล็กๆ ไม่ควรค่าให้ข้าทำเช่นนี้หรอก”
ได้ยินคำสัญญาของซือมั่ว มู่ชิงเกอก็วางใจลงเล็กน้อย
ทั้งสองเข้าไปในตำหนักจื่อเฉิน หลังจากที่ซือมั่วส่งนางกลับวังซานไห่แล้วก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักฮวงเตี้ยน
มู่ชิงเกอยืนอยู่ในวังซานไห่ พิจารณาภาพฝาผนังภูขาทะเลเหล่านั้นอย่างละเอียด ภาพที่วาดตรงนี้ คือทัศนียภาพอันงดงามของโลกใบเล็กและโลกมนุษย์นับไม่ถ้วน เป็นพยานรักของเจ้าแห่งมารรุ่นแรกในปีนั้น
ตอนนี้ มู่ชิงเกอมองอย่างละเอียด กลับหวังว่าจะเจอเบาะแสของแผนที่ที่เกี่ยวกับจักรวาลจากภาพวาดฝาผนังเหล่านี้ได้สักเล็กน้อย
ดูอยู่เนิ่นนาน กระทั่งสาวใช้ในวังมาเปลี่ยนไฟสองรอบแล้ว นางก็ยังหาต้นตอไม่ได้
มู่ชิงเกอปวดหัวเล็กน้อย นางหมุนตัวออกห่างจากภาพฝาผนัง เดินเข้าไปในนั่งในวัง ยกมือนวดหว่างคิ้ว ‘นอกจากจับไส้ศึกเผ่าฝูมาสอบปากคำ กับหาแผนที่ให้พบ ก็ไม่มีวิธีอื่นที่สามารถเข้าสู่จักรวาลขนาดใหญ่ของเผ่าฝูได้เลยหรือ’
ขณะที่มู่ชิงเกอคิดอย่างกลัดกลุ้มก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
นางเหลือบตาขึ้นมอง มองเห็นซือมั่วอภิปรายงานเสร็จจากตำหนักฮวงเตี้ยนกลับมาที่วังซานไห่ ข้างหลังเขา ยังมีคนที่นางคุ้นหน้าสองคนตามมา
ซือมั่วยังคงใส่ชุดราชาสีดำทั้งร่าง เรือนร่างที่สูงโปร่ง ทิ้งเงายาวเหยียดลงข้างหน้า
เมื่อเห็นเงาๆ นั้น มู่ชิงเกอก็ตาลุกวาวทันที กล่าวถาม “อามั่ว ก่อนหน้านี้เจ้าบอกมิใช่หรือว่าธงวิญญาณมารนำทางได้”
ตาทั้งคู่ของซือมั่วหรี่ลง เดินมาหานาง หวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงข้างหลังเขาก็ยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างรู้จักวางตัว ไม่ได้ตามเข้ามาด้วย
“เจ้าอยากใช้ธงวิญญาณมารชี้ทางไปโลกของเผ่าฝูหรือ” ซือมั่วเอ่ยเจตนาของของมู่ชิงเกอออกมาทันที
มู่ชิงเกอพยักหน้า
นางเพิ่งจะเห็นเงาของซือมั่ว จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดที่ซือมั่วเคยบอกก่อนหน้านี้ “วิธีสองวิธีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าวิธีใดต่างก็สิ้นเปลืองเวลาเกินไป เป็นผู้ถูกกระทำเกินไป ใช้ธงวิญญาณมารชี้ทาง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง”
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้” ซือมั่วกล่าว
คำพูดนี้ของเขา ทำให้มู่ชิงเกอตาลุกวาว
“แต่ว่า…,” ซือมั่วขมวดคิ้ว
มู่ชิงเกอรีบถาม “แต่ว่าอะไร”
ซือมั่วกล่าว “ธงวิญญาณมารที่ข้าสัมผัสได้อยู่ไกลข้าอย่างยิ่ง อีกทั้งตรงกลางยังมีสิ่งกำบังกั้นอยู่ คิดจะข้ามไป แม้ว่าจะมีเรือต้าเซียน แต่ก็ไม่รู้ทิศทางเช่นเดียวกัน”
คำพูดของเขา มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว
“ดังนั้น ตอนนี้พวกเรามีเรือต้าเซียน มีตำแหน่งบนโลกใบนั้นแล้ว แต่ว่าก็ยังขาดแผนที่เส้นทางที่จะนำไปสู่ตำแหน่งนั้นใช่หรือไม่” มู่ชิงเกอกล่าว
ซือมั่วพยักหน้า “ตำแหน่งนั้น ก็คือธงวิญญาณมาร ทำให้พวกเรากำหนดทิศทางได้ แต่ว่าจะไปถึงอย่างไร ยังต้องใช้แผนที่จักรวาลขนาดใหญ่นำทาง มิเช่นนั้น พวกเราอยู่ในจักรวาลขนาดใหญ่ อาศัยปฏิกิริยาตรงตำแหน่งนั้น ค่อยๆ สืบหาเข้าไป ก็สิ้นเปลืองเวลาเช่นเดียวกัน”
ริมฝีปากทั้งคู่ของมู่ชิงเกอเม้มแน่น คิ้วขมวดมุ่นน้อยๆ ดำดิ่งอยู่ในความคิด
“เดิมที่ข้าคิดไว้คือ ผ่านพิธีสมรสไป เจ้ากับข้าก็ทำเป็นออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน อาศัยธงวิญญาณไปยังโลกใบนั้นช้าๆ เมื่อหาพบแล้วก็ก่อกวนพลิกดินพลิกฟ้า ก็นับเป็นการแก้แค้นแผนลับลอบสังหารในตอนนั้น แล้วถือโอกาสชิงธงวิญญาณมารกลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของเผ่าฝูนั้นจะเร็วเพียงนี้” ขณะที่ซือมั่วพูด ในดวงตาก็ปรากฎเจตนาสังหารขึ้นอีกครั้ง
มู่ชิงเกอเองก็เพิ่งจะเข้าใจ เหตุใดการหารือวิธีค้นหาเผ่าฝูที่เก้าชั้นฟ้า ซือมั่วจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
ที่แท้แล้ว วิธีการในใจเขาก็ไม่ได้มีผลทันทีเช่นเดียวกัน
“อ้อมไปอ้อมมา จุดสำคัญนี้กลับอยู่ที่แผนที่อยู่ดี” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ซือมั่วพยักหน้า เหลือบมองคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง กล่าวกับมู่ชิงเกอ “ดังนั้น ข้าจึงพาพวกเขาทั้งสองมาให้เจ้า”
มู่ชิงเกอเหลือบตาขึ้น มองหวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิง งุนงงเล็กน้อย
ซือมั่วอธิบาย “ในเมื่อเจ้าพูดว่า ในความทรงจำของคนผู้นั้น มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแผนที่ เช่นนั้นก็ ชัดเจนว่าเขารู้จักแผนที่ กระทั่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นแผนที่ที่เขาวาดขึ้น ความสามารถของคนผู้นั้น มิใช่คนทั่วไป มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่น่าแปลกใจ”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
“ตอนนั้น ความสนใจของเจ้าล้วนอยู่ที่สิทธิ์แห่งเทพฮุ้นตุ้น ส่วนพวกเขาสองคน ก็อยู่ในสุสานบรรพเทพ บางทีพวกเขาอาจจะมีเบาะแสอื่นๆ” ซือมั่วกล่าวต่อ
มู่ชิงเกอตาลุกวาว ตอบสนองกลับมาทันที “ถูกต้อง โดยปกติแล้ว ของผู้ตายที่ฝังในสุสานล้วนเป็นสิ่งของที่ภูมิใจที่สุด ชอบที่สุด ควรค่าแก่การรำลึกที่สุด ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ของตน”
มู่ชิงเกอตื่นเต้นขึ้นมา วิ่งผ่านซือมั่วไป เร่งฝีเท้าไปหาหวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิง ถามคนทั้งสอง “ตอนนั้นพวกเจ้าอยู่ในสุสานบรรพเทพ พบเห็นอะไรบ้าง”
หวงฝู่ฮ่วนกับเฉินปี้เฉิงต่างก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด
เจตนาในการมาถึงวังซานไห่ ซือมั่วเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาเองก็ย้อนนึกมาโดยตลอด
“ตอนนั้น พวกข้าเข้าไปอย่างกะทันหัน อีกทั้งเมื่อเข้าไปแล้วก็ถูกขังอยู่ในห้องลับที่ว่างโล่งห้องหนึ่ง” หวงฝู่ฮ่วนขมวดคิ้วกล่าว
‘ถูกขังไว้ในห้องลับหรือ’ มู่ชิงเกอผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าว่างโล่งเสียทีเดียว ในห้องยังมีของอยู่บ้าง” ทันใดนั้น คำพูดของเฉินปี้เฉิง ก็ทำให้ดวงตาของมู่ชิงเกอปรากฎความหวัง
หวงฝู่ฮ่วนมองเขา นึกย้อนต่อ
“บนผนังในห้องลับห้องนั้น บรรจงวาดภาพที่แปลกประหลาดจำนวนมาก” เฉินปี้เฉิงหวนนึก แล้วกล่าว
หวงฝู่ฮ่วนถูกเขาเตือนสดิก็ตาลุกวาวเช่นกัน พยักหน้ากล่าว “ถูกต้อง บนผนังตอนนั้น ล้วนเต็มไปด้วยภาพที่ดูไม่ออกเหล่านั้น”