Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 128

ตอนที่ 128

ราชาหน้าใหม่!

คือเขาเอง!

ดวงตาของเจียงหลีหลบสายตาเล็กน้อยพลางมองไปที่ทางแยกระหว่างฝูงชนทั้งสองฝั่ง ซึ่งมีเงาสีครามร่างผอมค่อยๆ เดินออกมา

ไป๋หลี่เฟิง

นับตั้งแต่งานประลองชิงเจียววันนั้น ก็มิได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว

เจียงหลีหรี่ตาและขยับตามจังหวะของชายผู้นั้น

นางไม่ลืมสายตาของไป๋หลี่เฟิงที่เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรภายในงานประลองชิงเจียว ของแคว้นมณฑลซูหนาน เขาเฝ้ารอที่จะต่อสู้กับนาง แต่น่าเสียดายนักที่เป้าหมายในเวลานั้นของนางคือตระกูลเย่ว์ ทำให้ไม่มีโอกาสต่อสู้กับผู้ถูกเลือกที่ได้รับความสนใจมากนัก

“ไป๋หลี่เฟิง” เจียงหลีเรียกชื่อของเขาเป็นครั้งแรก ขณะที่ชายผู้นั้นก้าวขึ้นสังเวียน

“ไม่ได้เจอกันนานเลย” ชายผู้โดดเดี่ยวตอบกลับเช่นกัน โดยมีความเงียบเหงาและ อ้างว้างตามมาตั้งแต่กำเนิดอยู่ภายในนํ้าเสียงของเขา

เจียงหลียักคิ้วแล้วพยักหน้า

ไป๋หลี่เฟิงยืนหยุดอยู่ตรงข้ามเจียงหลี ทั้งสองยืนตรงข้ามกันบนสังเวียนแห่งนี้โดยมิได้รีบออกอาวุธ

ผู้คนที่มุงดูอยู่ด้านล่างสังเวียนเริ่มแอบกระซิบกระซาบ

“ไป๋หลี่เฟิงมาถึงแล้ว!”

“คาดไม่ถึงว่าเจียงหลีผู้นี้จะสะเทือนผู้ถูกเลือกอันดับที่หนึ่งของตารางจัดอันดับเช่นนี้”

“มองดูท่าทางของพวกเขาทั้งสองแล้ว ดูเหมือนว่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน!”

“ว่าไปแล้วเจียงหลีแม้ว่าจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด แต่คะแนนตอนนี้ยังห่างไกลจากไป๋หลี่เฟิงอยู่มาก ในเมื่อยังไม่ถึงขั้นเป็นภัยต่อเขา เหตุใดถึงรีบออกมาเช่นนี้”

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าบุคคลที่อยู่ในอันดับที่สองต้องการท้าประลองกับไป๋หลี่เฟิง แต่เขาก็ มิได้ตอบรับคำท้า”

“พวกเขาจะยุ่งเรื่องของคนอื่นทำไมนักหนา ครานี้ไป๋หลี่เฟิงปรากฎตัวแล้ว คงจะทำลาย ตำนานไร้พ่ายที่ออกอาวุธเพียงท่าเดียวได้แล้ว”

“แน่นอน! ทุกคนรู้ว่าไป๋หลี่เฟิงเป็นใคร ไม่ว่าเจียงหลีจะเก่งกาจสักเพียงใด ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของเขา รอดูเถอะ การแข่งขันครั้งนี้คงจะน่าตื่นเต้นอย่างแน่นอนและสุดท้ายไป๋หลี่เฟิง จะต้องเป็นผู้ชนะ”

“ข้า ก็คิดว่าไป๋หลี่เฟิงจะชนะเช่นกัน”

“หากไป๋หลี่เฟิงชนะม้ามืดอีกครั้ง เขาก็จะได้ขนานนามว่าเป็นราชาหน้าใหม่แห่งสถานบัน ไป๋หยวนของครั้งนี้ทันที!”

“ยังต้องพูดอีกหรือ แม้ว่าผลจะยังไม่ประกาศ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าไป๋หลี่เฟิงผู้นี้ต้องได้เป็น ราชาหน้าใหม่แน่นอน”

“…”

การสนทนาของฝูงชนนี้มิได้รบกวนบุคคลทั้งสองที่ยืนอยู่บนสังเวียน

ดูเหมือนว่าเจียงหลีคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าไป๋หลี่เฟิงจะปรากฏตัวขึ้น แต่ก็ยังเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “ข้านึกว่าเจ้าจะรออีกสักพักค่อยมาเสียอีก”

“ไม่รอแล้ว พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า” ไป๋หลี่เฟิงส่ายหัวช้าๆ

เจียงหลีหรี่ตาพร้อมกับมองสำรวจไปที่ไป๋หลี่เฟิง

เขาสงวนท่าทีและตรงไปตรงมามากกว่าตอนอยู่ซูหนาน และดูเหมือนว่าเขาจะมาถึงขั้น สูงสุดของหลินซื่อแล้ว รอเพียงเข้าวิญญาณยุทธ์ขั้นที่สองระดับหลิงเจี้ยงเท่านั้น

หากเป็นเช่นนี้ ก็เป็นการประลองที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย เจียงหลียิ้มอย่างกะทันหัน แววตาแวววาว เริ่มปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นมาแล้ว

“เริ่มกันเลย” คำพูดของไป๋หลี่เฟิงสั้นยิ่งนัก

เจียงหลีพยักหน้า “ข้ายังกังวลอยู่ว่าคะแนนขึ้นช้าเกินไป หากชนะเจ้าก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไปได้อย่างง่ายดาย”

“หากเจ้าชนะ เอาคะแนนไปได้เลย”ไป๋หลี่เฟิงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

ดูเหมือนว่าเขาจะมิได้ให้ความสำคัญกับคะแนนเหล่านั้นเลย

มุมปากของเจียงหลีโค้งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนในการแข่งขัน รอบจัดอันดับของเด็กใหม่

ตู้มมม!

ร่างใหญ่ของเลี่ยเทียนซื่อปรากฏอยู่ด้านหลังร่างเล็กๆ ของเจียงหลี

พลังอำนาจที่แพร่กระจายออกไปรอบข้าง ทำให้ผู้คนทียืนอยู่บริเวณโดยรอบสังเวียน ถึงกับต้องถอยหลังออกไปและสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ช่างเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ !

นี่มันขั้นที่เท่าไหร่แล้ว!

นางมีวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังยิ่งนัก นางเป็นใครมาจากไหนกัน

ซื่อจื่อของจวนลู่อ๋องเหมือนจะสนิทสนมกับนาง…

ฮึ่มมม!

เลี่ยเทียนซื่อเหยียบขึ้นบนสังเวียน ทำให้สังเวียนสั่นสะเทือนถึงสามครา วิญญาณยุทธ์นี้ เข้าประสานกับเจียงหลีได้อย่างลงตัว และเมื่อมันถูกปล่อยออกมา พลังอำนาจของเจียงหลีก็ได้ทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง

เพลานี้ ลมเมฆเปลี่ยนสี คลื่นน้ำวนในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสกำลังโหมเข้าใส่

ย๊ากกก!

เสียงร้องดังออกมาจากปากของไป๋หลี่เฟิง รอบๆ ร่างกายของเขาก็มีแสงสีทองประกายเช่นกันและร่างของชิงเฟิ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาจากเนตรญาณ พร้อมกับกางปีกปกป้อง ไป๋หลี่เฟิงที่อยู่ข้างหน้า

ฮึ่มมม!

ฟิ้ววว!

เลี่ยเทียนซื่อและชิงเฟิ่งได้เริ่มประลองฝีมือก่อนที่นายของพวกเขาจะเริ่มต่อสู้กันเสียอีก

แม้ว่าลำดับขั้นของชิงเฟิ่งจะต่ำกว่าเลี่ยเทียนซื่อ แต่กลับเป็นวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่ง พบเจอได้ยากนัก พอต้องเผชิญกับเลี่ยเทียนซื่อที่ฉกาจฉกรรจ์ ก็มิได้เสียเปรียบอะไรเลย

ณ สังเวียนแห่งนี้ แสงสีทองและเงาสีฟ้าต่างส่องแสงอย่างเงียบๆ และคลื่นพลังวิญญาณ ที่ถูกกำหนดไว้ยังคงกระจายออกไปจากทั่วทั้งสังเวียน

แข่งแกร่งมาก!

พวกเขาแข็งแกร่งมาก!

ทันใดนั้น สีหน้าของฝูงชนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนก็เปลี่ยนไป แววตาปรากฎความหวาดกลัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันของพลังวิญญาณ พวกเขาต่างถอยหลัง อีกครั้ง ซึ่งแม้แต่แถวหน้าที่ใกล้สังเวียนมากที่สุดจะอยู่ห่างถึงสิบฟุตก็ตาม

พวกเขารู้สึกว่าการแข่งขันในครั้งนี้เกินขอบเขตการจัดอันดับของเด็กใหม่ไปเสียแล้ว

ในบรรดาเด็กใหม่ของรุ่นนี้ ก็ผุดพญามารออกมาถึงสองคน

ผู้คนก่อนหน้านี้ที่นั้นใจว่าไป๋หลี่เฟิงจะชนะอย่างแน่นอนและคู่ควรเป็นราชาหน้าใหม่นั้น บัดนี้ใบหน้าของพวกเขาขาวซีด ความมุ่งมั่นดั้งเดิมของพวกเขาก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว พวกเขามองไปที่หญิงสาวที่สวมชุดสีดำท่ามกลางแสงสีทอง เม็ดเหงื่อก็เริ่มไหลร่วงออกมาจากหน้าผาก

ช่างน่ากลัวเสียจริง!

บุคคลผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน

ผู้ถูกเลือก!

ผู้ถูกเลือกที่แท้จริง!

ต่อหน้าบุคคลทั้งสอง พวกเขาที่ได้สมญานามว่าอัจฉริยะ บัดนี้เหมือนหมาตดก็มิปาน!

ร่างกายของเจียงหลีและไป๋หลี่เฟิงยังมิได้ขยับ ราวกับว่ารอบแรกนั้นเป็นเพียงการต่อสู้ของวิญญาณยุทธ์ ทุกคนต่างรูดีว่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น พอการต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้น มันจะเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการแข่งขันรอบจัดอันดับสำหรับเด็กใหม่ในครั้งนี้

การเคลื่อนไหวบนสังเวียนดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน

บัดนี้ ไม่ใช่เพียงเด็กใหม่รุ่นนี้ที่มาเฝ้ารอดูการแข่งขัน แต่มีรุ่นพี่และอาจารย์บางท่านของ สถานบันไป๋หยวนรวมอยู่ด้วย

ลู่เสวียนยุติการต่อสู้ของตน แล้วกระโดดลงจากสังเวียน โดยแทรกตัวเข้าไปอยู่ด้านหน้า สังเวียนของเจียงหลีและไป๋หลี่เฟิง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสองที่อยู่บนสังเวียน

ณ บริเวณที่ห่างไกลออกไป หนานอู๋เฮิ่นที่ทราบข่าว ดวงตาของเขาก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“พี่ใหญ่เด็กทั้งสองคนที่พี่สนใจกำลังต่อสู้กันอยู่ พี่ยังหัวเราะออกหรือ” ชายผู้สง่างามที่เดินตามหนานอู๋เฮิ่นด้วยกิริยาท่าทางที่สง่าผ่าเผย พอมองเห็นรอยยิ้มของหนานอู๋เฮิ่น เขาจึงพูดติดตลก

เขาผู้นี้เป็นหนึ่งในเจ็ดวีรบุรุษและอยู่ในอันดับที่เจ็ดนามว่าเฟิงสิงอวิ๋น โดยเขาสนิทสนม กับหนานอู๋เฮิ่นมากสุด

หนานอู๋เฮิ่นยิ้มกล่าว “ไม่ช้าก็เร็ว สองคนนี้ก็ต้องต่อสู้กันอยู่แล้ว วันนี้เป็นโอกาสอันดี”

“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าใครจะชนะ” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยถามอย่างสงสัย

หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะเบาๆ อุบไว้ก่อน โดยมิได้ตอบคำถามของเขา

……………………………..

บนสังเวียน เจียงหลีและไป๋หลี่เฟิงมิได้ถูกรบกวนจากภายนอกและพวกเขาต่างมุ่งมั่นอยู่ กับการเผชิญหน้ากัน

เลี่ยเทียนซื่อส่งเสียงคำราม ขณะที่ชิงเฟิ่งก็ส่งเสียงดังลั่นออกมาเช่นกัน

คนหนึ่งต้องการรุกฆาต อีกคนมิยอมจำนน

ตูมมม!

เสียงระเบิดรุนแรงดังสนั่นจากใจกลางสังเวียน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version