Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 159

ตอนที่ 159

ท้าทายมู่หว่านโหรว

วาจาของเจียงหลีทำเอามุมปากของจิ่งเยี่ยกระตุก

เขารู้ดีน้องสาวไม่อยากให้เขาเผยสถานะที่แท้จริง เจียงเฮ่าเป็นนักโทษหลบหนีหากถูกจับได้ที่นี่เกรงว่าต่อให้ติดปีกก็บินหนีออกไปไม่ได้

อย่างไรก็ตามเขายังมีแผนการแก้แค้นที่ต้องทำให้สำเร็จ

มู่ชิงเหยียนปรายตามองจิ่งเยี่ยจึงเห็นท่าทางหน้าซีดของเขาเข้าพอดี

“ได้ สู้ก็สู้พวกเจ้าสำนักหลิงอู๋ชอบหาเรื่องนักนี่ ข้าจะสู้ให้ถึงที่สุด” เจียงหลีกล่าวอย่าง ขวานผ่าซากแม้กระทั่งจิ่งเยี่ยยังไม่มีโอกาสเอ่ยห้าม

“ยังมีข้าด้วย คนของสำนักหลิงอู๋คนไหนไม่พอใจก็มาหาข้า” ลู่เสวียนเองก็ลุกออกมา

ไม่นานนักบรรดาลูกศิษย์สถาบันไป๋หยวนและสำนักหลิงอู๋ที่ได้ยินความเคลื่อนไหวค่อยๆ ออกมารวมตัวกันโดยแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายชัดเจน ทุกคนต่างตกตะลึง การท้าทายธรรมดากลายเป็นศึกระหว่างสองสถาบันได้อย่างไร

มู่ชิงเหยียนเกิดอาการตกใจในขณะที่โจวยวนก็อ้าปากค้าง พวกนางนึกไม่ถึงเลยว่า เรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้

“พวกเจ้าสำนักหลิงอู๋อยากหาเรื่องนักใช่ไหม”

“ทำไม พวกเจ้าสถาบันไป๋หยวนคิดว่าแน่นักหรือไง คราวก่อนยังก่อคดีฆ่าคนของ

สำนักหลิงอู๋ตายไปสองคน จะรังแกว่าสำนักหลิงอู๋ไม่มีคนสู้หรือไร”

“เห็นกันชัดๆ ว่าพวกเจ้าสำนักหลิงอู๋รังแกผู้อื่นก่อน”

“พวกเจ้าสถาบันไป๋หยวนถือว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยต่างอาศัยบารมีอาจารย์แอบอ้างกัน ทั้งนั้น

“ถุย พวกเจ้าก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่หรอกเป็นลูกแหง่เหมือนกันหมด ใช้ยาวิเศษยกระดับขั้นฝึกอย่างนั้นหรือ”

“พวกสุนัขรับใช้”

“เจ้าด่าใครหะ ที่นี่คืองานฤดูล่าสัตว์ไม่มีการแบ่งชนชั้น”

“…”

การปะลองของคนๆ เดียวกลายเป็นสงครามนํ้าลายของทั้งสองฝ่าย

“หุบปาก” มู่หว่านโหรวขมวดคิ้วตวาดลั่น

ขณะเดียวกันเจียงหลีก็ยกมือขึ้นหยุดอารมณ์คุกรุ่นของฝั่งสถาบันไป๋หยวน

ทั้งสองฝ่ายจึงสงบสติอารมณ์แต่กลับจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้เกรงว่าที่แห่งนี้โลหิตคงไหลหลั่งจนกลายเป็นแม่นํ้าไป แล้วล่ะ

จิ่งเยี่ยมีสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่กลับสะใจแทนน้องสาว ดูแล้วนางใช้ชีวิตใน สถาบันไป๋หยวนได้ไม่เลวทีเดียว

“งานวสันต์ฤดูล่าสัตว์มีเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน หากองค์หญิงอยาก แลกเปลี่ยนกับข้าก็มาเถอะ ส่วนคนอื่นหากต้องการแลกเปลี่ยนก็ไปนัดหมายการประลอง กันเอง” เจียงหลีกล่าวอย่างแย้มยิ้มแล้วถอยออกมาก่อนหนึ่งก้าว

มู่ชิงเหยียนกระตุกมุมปากแล้วลุกออกมาเช่นกัน

คนก่อเรื่องทั้งสองฝ่ายต่างก้าวออกมา ส่วนคนอื่นก็ทยอยถอยหลังปล่อยให้ทั้งสองได้ แสดงฝีมือ

ในขณะที่ลู่เสวียนกำลังจะถอยไปก็กล่าวกับเจียงหลีขึ้นมาเบาๆ “มู่ชิงเหยียนเป็นหนึ่งใน อัจฉริยะทั้งสิบแห่งเมืองหลวง น่าจะฝึกถึงหลิงเจี้ยงขั้นสองแล้ว”

เมื่อพูดจบเขาจึงเพิ่มอีกหนึ่งประโยค “ที่จริงข้าคิดว่าด้วยความเก่งกาจของเจ้า ในอัจฉริยะทั้งสิบแห่งเมืองหลวงนอกจากหรงจิ่งกับฉินหวานคู่แล้วคนอื่นต่างไม่มีค่าพอให้เกรงกลัว”

เจียงหลีหันไปมองดวงตาเรียวคมของลู่เสวียนอย่างนึกขำในใจ

ท่าทาง ‘สนิทสนม, ของทั้งสองกลับทำให้ดวงตาของโจวยวนลุกเป็นไฟอดใจไม่ไหวถึง ขั้นพุ่งตัวเข้าไปแยกสองคนให้ออกจากกัน

โชคดีที่ลู่เสวียนไม่ได้พูดกับเจียงหลีนานนักจึงถอยออกไปจากสนามรบ

เจียงหลีกับมู่ชิงเหยียนต่อสู้กันต่างมีคนช่วยเหลืออยู่รอบตัว ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การ แลกเปลี่ยนส่วนตัวกันของพวกเขาอีกแต่กลับกลายเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับเกียรติยศศักดิ์ศรีระหว่างสถาบันไป๋หยวนกับสำนักหลิงอู๋ไปเสียแล้ว

ความเคลื่อนไหวนี้ทวีความวุ่นวายมากขึ้น แม้กระทั้งอัจฉริยะทั้งสิบแห่งเมืองหลวงต่างก็ ถูกดึงดูดเข้ามา

“เริ่มกันเถอะ” มู่ชิงเหยียนเริ่มรุกฆาต

นางไม่ได้ปลดปล่อยเนตรญาณออกมาแต่ด้วยการฝึกตนขั้นหลิงเจี้ยงจึงท่าให้วรยุทธ์แพรวพราวยิ่งนัก

หากกล่าวอย่างจริงจังนี่ยังเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเจียงหลีหลังจากยกระดับถึงหลิงเจี้ยง อีกทั้งการเผชิญหน้าต่อสู้กับมู่ชิงเหยียนนางกลับแสดงท่าทางไม่รีบร้อน

แต่เห็นว่านางค่อยๆ ยกมือขึ้นนอกจากฝ่ามือเล็กจะอ่อนพลิ้วไร้กระดูกแล้วฝ่ามือโปร่งใส ขนาดใหญ่ ควบแน่นขึ้นมาช้าๆ อย่างน่าประทับใจ

ฝ่ามือนั้นขาวราวกับหยกช่างดูศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง

แต่เมื่อบรรดาลูกศิษย์สำนักหลิงอู๋เห็นฝ่ามือนี้เข้าก็หน้าถอดสีพร้อมกัน

“หัตถ์เทพเด็ดดารา!” มู่ชิงเหยียนพึมพำอย่างตกตะลึง

นางจู่โจมมาถึงข้างหน้าเจียงหลีแล้ว เจียงหลียังยืนอยู่ที่เดิมมือข้างหนึ่งไพล่ไว้ข้างหลัง ลำตัวยืดตรง พลังราวกับสายรุ้ง พลังที่หลอมรวมเป็นฝ่ามือหยกดั่งภูผาคว้าตัวมู่ชิงเหยียนเอาไว้ในขณะนี้

ตู้ม!

เสียงการปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นทำให้เกิดความปั่นป่วนพลังวิญญาณภายในของผู้ สังเกตการณ์

แข็งแกร่งมาก!

เพียงแค่การปะทะกันด้วยวรยุทธ์ที่เรียบง่ายต่างก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้

สีหน้าของผู้ชมเปลี่ยนไป หญิงสาวทั้งสองท่ามกลางเหตุการณ์ล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายคนมาก อย่าว่าแต่มู่ชิงเหยียนเลยอย่างไรเสียนางก็ถึงเป็นองค์หญิง แต่ว่าเจียงหลีล่ะ นางเป็นม้ามืดที่เหนือคาด ทุกครั้งที่ปรากฏตัวล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดวิกฤตคว่ำฟ้าพลิกปฐพี

วรยุทธ์ของมู่ชิงเหยียนถูกเจียงหลีใช้วิชาหัตถ์เทพเด็ดดาราทำลายล้าง

ไม่เพียงเท่านี้พลังหัตถ์เทพเด็ดดาราที่ยังไม่แตกสลายยังผลักเข้าไปประชิดมู่หว่านโหรว อย่างรุนแรง

มู่ชิงเหยียนตกใจถอยไปข้างหลังรวดเร็ว สีหน้าของนางเคร่งเครียดยากที่จะปกปิดความ ตื่นตระหนกในดวงตา

ถ้านางจำไม่ผิด เจียงหลีเพิ่งจะได้รับคัมภีร์หัตถ์เทพเด็ดดาราไปประมาณหนึ่งเดือน

อีกทั้งแม้กระทั้งในสำนักหลิงอู๋เองวิชาหัตถ์เทพเด็ดดาราขึ้นชื่อว่าฝึกยากมากเพราะวรยุทธ์นี้มีเงื่อนไขต่อพลังร่างกายสูงมาก น้อยนักที่สตรีจะเลือกฝึกฝนวรยุทธ์นี้

ตอนนั้นอู๋เชียนสูญเสียคัมภีร์วรยุทธ์นี้ให้กับเจียงหลี ในสายตาของคนในสำนักหลิงอู๋ส่วน ใหญ่ถือว่าฝึกยากมาก

บางทีอู๋เชียนอาจจะให้คัมภีร์ที่เจียงหลีไม่สามารถฝึกฝน ทำได้เพียงมองคัมภีร์อย่างละโมบเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงหลีจะสามารถฝึกขึ้นมาได้!

แล้วยังทำได้ในระยะเวลาสั้นเยี่ยงนี้ หัตถ์เทพเด็ดดาราคือวรยุทธ์ท่าร่างจู่โจมแห่งทักษะระดับพิเศษขั้นที่สาม สามารถถูกเก็บรวบรวมเข้าสำนักหลิงอู๋ก็สามารถจินตนาการถึงพลังของมันได้

มู่ชิงเหยียนรู้สึกถึงอากาศบาดคมโถมใส่ใบหน้าของนาง นั่นหมายความว่ามือหยกไม่ได้ สลายไปเลยสักกระผีก

ตู้ม!

ทันใดนั่นข้างหลังของมู่ชิงเหยียนปรากฏแสงสีทองอร่าม นี่คือสัญญาณการปลดปล่อย พลังวิญญาณ

ฝูงชนโดยรอบอดสูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึงไม่ได้

องค์หญิงซีสยาเป็นหนึ่งในบุคคลในสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง ภายใต้กระบวนท่าแค่นี้ก็ ถูกบีบให้ปล่อยพลังวิญญาณออกมาเสียแล้วหรือ หลิงเจี้ยงอายุสิบสามผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

มู่ชิงเหยียนกอดอกขวางหน้าตนเอง แสงสีทองข้างหลังห่อหุ้มอย่างรวดเร็วและปกคลุม นางเอาไว้ข้างใน

ในขณะที่นางกำลังจะทำทุกอย่างสำเร็จฝ่ามือหยกก็ตกลงมาข้างใต้แสงสีทองเสียแล้ว

ภายใต้การต่อสู้ มู่ชิงเหยียนถูกยกขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงไปในฝูงชน

แพ้แล้ว!

เทียนเจียวของสำนักหลิงอู๋ องค์หญิงของราชวงศ์ บุคคลในอัจฉริยะทั้งสิบแห่งเมืองหลวง มาแพ้ให้กับวรยุทธ์ของสถาบนตนเองเยี่ยงนี้ แพ้ให้กับหลิงเจี้ยงสาวน้อยอายุแค่ สิบสามปี!

มู่ชิงเหยียนพลิกตัวกลางอากาศตกพื้นอย่างสง่างาม

นางไร้ซึ่งความอัปยศอดสูและยังคงไว้ซึ่งความสูงส่ง “ข้าแพ้แล้ว”

การยอมแพ้ครั้งนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกดี นางยิ้มเล็กน้อยแต่กลับมองออกไปข้างนอกฝูงชน มู่หว่านโหรวที่หยิ่งผยองและเย่อหยิ่งเสมือนดั่งดอกบัวหิมะบนภูเขาสูง “องค์หญิงอันผิง เจ้ากล้าสู้หรือไม่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version