Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 266

ตอนที่ 266

บรรลุและชำระไขกระดูกจนโฉมหน้าจริงปรากฎ

สามชีวิต!

เจียงหลีตกใจมาก

มิน่าล่ะสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนถึงเก็บซ่อนวิญญาณยุทธ์ของนกอมตะเอาไว้! มิน่าล่ะเฉียนจวิ้นถึง พยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาครอบครอง! มิน่าละ… ลู่เจี้ยถึงชักน่านางมาที่นี่

เมื่อนึกถึงลู่เจี้ย เจียงหลีก็รู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง

“และยังมีประโยชน์อีกมากมาย รอเจ้าประสานสำเร็จแล้ว เจ้าก็จะได้สัมผัสมันเอง” ผู้อำนวยการเอ่ย เจียงหลีเม้มริมฝีปาก ดวงตาเริ่มร้อนระอุขึ้น

“พูดกันตามตรง ไม่นึกเลยว่าเจ้าต้องการฝึกฝนทั้งสามทิศทางไปพร้อมๆ กัน เพราะมันเสี่ยงมาก อันที่ จริงข้าเองไม่อยากให้วิญญาณยุทธ์อันลํ้าค่าเช่นนี้สูญเปล่าไปกับเจ้า แต่ทว่านี่เป็นการตัดสินใจของ เจ้าสำนัก และข้าก็ตกลงกับเฟิงสิงอวิ๋นไว้แล้วด้วย ดังนั้น ข้าจึงทำได้เพียงกัดฟันและนำมันออกมา” ดวงตาของผู้อำนวยการปรากฏความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย

เจียงหลีกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านอาจารย์ แต่ข้าสัญญากับท่านได้ว่า หากข้าประสานนก อมตะได้แล้ว ข้าจะไม่ทำให้มันต้องแปดเปื้อน”

ผู้อำนวยการกระตุกมุมปากขึ้นและยิ้มอย่างไม่เต็มใจ

คำพูดรับประกันของเจียงหลีนั้น ไม่รู้ว่าเข้าหูเขาหรือไม่

ท้ายที่สุดแล้ว เขามองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ในมือของเขาด้วยความอาลัย “ภารกิจของข้าที่นี่คือ ปกป้องมันและรอเจ้าของของมัน ในเมื่อวันนี้จะประสานรวมกับเจ้าแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องจากไป แล้วเช่นกัน”

ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจียงหลี “เจียงหลี ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ซีฮวง บางที เราอาจจะได้ พบกันอีก”

เจียงหลีกะพริบตาและเริ่มสงสัยในตัวตนของผู้อำนวยการ

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าคนเขาไม่ต้องการพูดให้กระจ่าง นางจึงขี้เกียจที่จะถามต่อ

ผู้อำนวยการชูลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ขึ้นแล้วโยนเข้าไปในประตู

เจียงหลียื่นมือออกไปด้วยความตกตะลึงและทำท่าตั้งรับ ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ได้ทะลุผ่านตาข่าย ป้องกันที่ลู่เจี้ยสร้างไว้อย่างง่ายดาย และตกลงบนมือของเจียงหลีอย่างแม่นย่า

ตาข่ายที่ลู่เจี้ยสร้างไว้ วัตถุสามารถเข้าและออกได้ตามต้องการ แต่กับคนไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะ เจียงหลีเอง ดังนั้น นางจึงเก็บตัวที่นี่ และไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่ และเรื่องทรัพยากรในการฝึกฝนยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เมื่อมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์อันหนักหน่วงในมือ หัวใจของเจียงหลีก็เริ่มเต้นแรง

“เจียงหลีเริ่มได้เลย ข้าจะช่วยเฝ้าระวังยู่ด้านนอก เจ้าต้องทำสมาธิและประสานวิญญาณยุทธ์นกอมตะ เข้าด้วยกัน” เฟิงสิงอวิ๋นกล่าว

เจียงหลีค่อยๆ ละสายตาจากผู้อำนวยการและหันไปมองเฟิงสิงอวิ๋นแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง

เฟิงสิงอวิ๋นหันไปหาเจียงเฮ่าและลู่เสวียนแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าแต่ละคนกลับไปฝึกฝนกันก่อน ตอนนี้ นางกำลังจะประสานวิญญาณยุทธ์ พวกเจ้าทั้งสองก็ช่วยอะไรไม่ได้”

“ท่านอาจารย์เฟิง ข้าไม่สบายใจและอยากอยู่ต่อ” เจียงเฮ่ากล่าว

ลู่เสวียนก็ไม่อยากกลับเช่นกัน

เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาทั้งสอง เฟิงสิงอวิ๋นก็หยุดที่จะเกลี้ยกล่อมและทำเพียงพยักหน้า “พวกเจ้า ไม่กลับก็ได้ แต่ต้องถอยไปที่ประตูหน้าลานบ้าน ห้ามเข้ามาใกล้ เพราะจะส่งผลต่อการประสานของเจ้าเด็กน้อย”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนถอยหลังออกไปทีละคน ราวกับเทพพิทักษ์ประตูที่เฝ้าหน้าบ้านของเจียงหลีก็ไม่ปาน

เจียงหลีถือลูกเก็บวิญญาณยุทธ์และเดินเข้าไปในห้อง

ห้องนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังจิตของลู่เจี้ย โดยนางไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครบุกเข้ามาได้ และตอนนี้ยังมีเฟิงสิงอวิ๋นคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกอีกด้วย นางจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น

“นกอมตะหรือ หากข้าประสานรวมกับเจ้าได้ จะมีพลังที่จะฟื้นคืนชีพได้หรือไม่ จะสามารถช่วยลู่เจี้ยให้ พ้นจากความตายได้หรือไม่” เจียงหลีบ่นพึมพำอย่างขมขื่น

ความคิดนี้นางรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้

มู่ชิงเกอพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าลู่เจี้ยตอนนี้มีชีวิตอยู่เหมือนร่างแยกของผู้มีพลังอันแรงกล้าเท่านั้น และความตายของเขาคือการเรียกร้องของร่างหลัก

เว้นเสียแต่ผู้มีพลังอันแรงกล้าเท่านั้นที่จะทำให้เขาเป็นเหมือนคนทั่วไปได้

สิ่งที่เขาขาดคือวิญญาณหลัก!

นิ้วของเจียงหลีค่อยๆ ออกแรงและกำลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ไว้แน่นจนรู้สึกไม่นิ่งบ้างเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจและวางลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ไว้ตรงหน้า แล้วหลับตาและทำ สมาธิปรับอารมณ์ โดยข้างๆ นางเต็มไปด้วยหินวิญญาณเพื่อจะได้หยิบใช้ขณะที่ประสานวิญญาณยุทธ์ เข้าด้วยกัน

การประสานวิญญาณยุทธ์ต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก

ครั้งที่แล้วนางลองเสี่ยงโดยประสานกับเสวียนกังกุย เพราะไม่มีทางเลือก และยังดีที่โชคดี ครั้งนี้แม้ว่า นางจะมีประสบการณ์ในการประสานถึงสองครั้งแล้ว แต่นางก็ไม่กล้าประมาท

หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งวัน เจียงหลีถึงลืมตา โดยหินวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกใช้ไปส่วนหนึ่งแล้ว พลังวิญญาณค่อยๆ แผ่กระจายออกจากร่างกายนาง และโอบล้อมลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้า

เจียงหลีหลับตาลงอย่างช้าๆ อีกครั้ง เพื่อสัมผัสวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ในลูกเก็บวิญญาณยุทธ์และสื่อสาร กับมัน

เจ้าคือใคร

มีเสียงผู้หญิงที่หยิ่งผยองดังขึ้นจากทะเลเพลิง

ข้าคือนายของเจ้า เจียงหลีตอบในใจ

นายรึ นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชัน

บูมมม!

เจียงหลีลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กลับพบว่าตนติดอยู่ในทะเลเพลิง ท่ามกลางเปลวไฟที่ปกคลุมอยู่นั้น นางมองเห็นนกที่สวยงาม

มันมีขนที่งดงามตระการตา หัวหงส์ หางนกยูง กรงเล็บนกอินทรี และกางปีกกว้างสง่างามราวกับก้อน เมฆที่ลุกเป็นไฟ

ดวงตาของมันประดุจนํ้าแข็งที่ถูกล้อมรอบด้วยเพลิงไฟสีแดงงดงามราวกับไพลิน

นกอมตะ เจียงหลีเรียกชื่อของมันออกมาและเห็นความหยิ่งผยองในสายตาของมันอย่างชัดเจน

ลมปราณขั้นสูงสุด! นกอมตะกล่าวด้วยความตกตะลึง มันสัมผัสได้ถึงลมปราณที่ผู้เป็นใหญ่ยิ่งพึงมีอยู่ ในตัวหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่คาดคิด

มีเพียงคนสองประเภทเท่านั้นที่สามารถมีลมปราณเช่นนี้ได้

ประเภทแรกคือการกลับชาติมาเกิดด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และมีโชคชะตาของผู้เป็นใหญ่ยิ่ง ประเภทที่สองคือผู้เป็นใหญ่ยิ่งโดยกำเนิด มีมหาโชคดีและเป็นบุคคลแห่งผู้สร้าง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ก็ไม่ควรประมาท!

แววตาของนกอมตะเปลี่ยนไป

เจียงหลีไม่เข้าใจคำพูดที่ว่า ลมปราณขั้นสูงสุด นั้นหมายถึงอะไร นางลองก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และพูดกับมันว่า “ประสานเข้ากับข้า และมาเป็นวิญญาณยุทธ์ตัวที่สามของข้า”

ดวงตาของนกอมตะกลับคืนสูความสงบและถามว่า “วิญญาณยุทธ์ก่อนหน้านี้สองตัวคือตัวไหนบ้าง”

เจียงหลีไม่ตอบ ขณะที่ด้านหลังของนางปรากฏร่างของเลี่ยเทียนซือกับเสวียนกังกุยขึ้น ส่วนในโลก แห่งความเป็นจริง ร่างกายของเจียงหลีได้ปรากฏประกายแสงสีทองขนาดใหญ่ เนตรญาณทั้งหลาย ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวนางจนท้ายที่สุดก็เหลือเพียงเนตรญาณที่สามเท่านั้น

“เลี่ยเทียนซือกับเสวียนกังกุยหรือ ตัวหนึ่งเป็นประเภททักษะโจมตีและอีกตัวเป็นประเภททักษะป้องกัน และตอนนี้เจ้าต้องการประสานรวมกับประเภทช่วยเหลืออย่างข้ารึ” เสียงของนกอมตะเต็มไป ด้วยความหยอกเย้า

เจียงหลีมองไปที่มันอย่างแน่วแน่และไม่ได้อธิบายอะไร เพราะคำพูดในเชิงอธิบายใดๆ ล้วน อ่อนแอและไร้นํ้าหนัก มีเพียงการกระทำเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่านางกล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!

ลู่เจี้ยชี้ทางนี้ให้กับนางและนางเชื่อว่าไม่ใช่ทางตันแน่นอน! “หากไม่ยินยอมและนอนหลับต่อไป ข้าไม่ รู้วาเจ้าต้องรออีกกี่ปี แต่ถ้าหากติดตามข้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องแปดเปื้อนเป็นอันขาด”

ระหว่างที่เจียงหลีพูดขึ้น เนตรญาณทีละดวงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนร่างกายของนาง

“เนตรญาณเก้าดวงในตำนาน!” นกอมตะตกใจ ทันใดนั้น มันก็นึกขึ้นได้และพึมพำกับตัวเองว่า “มิน่า ล่ะเลี่ยเทียนซือกับเสวียนกังกุยถึงได้ยอมจำนน”

มันเงียบไปชั่วครู่ และทันใดนั้นก็กระพือปีกไปทางเจียงหลี “เอาล่ะ! เห็นแก่เนตรญาณเก้าดวงก็แล้วกัน”

ฟิ้ววว!

นกอมตะพุ่งตัวเข้าไปในร่างของเจียงหลีอย่างไม่ทันตั้งตัว และกองไฟขนาดใหญ่ได้โอบอุ้มนางไว้ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “อ้ากกก!”

ร่างกายของนางเหมือนถูกแผดเผาและใบหน้าแนอ่อนเยาว์ ก็ถูกทำลายไปกับกองไฟขนาดใหญ่นั้น…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version