ตอนที่ 32
ใช้ตัวข้าเองเป็นการแลกเปลี่ยน
จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้นี่!
เจียงหลีด่าอย่างลับๆ ในใจ เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ใช้โอกาสนี้ในการตอบโต้!
เมื่อครั้งก่อนที่แลกเปลี่ยนกับเขา นางจงใจพูดเพียงครึ่งเดียว
คาดไม่ถึงว่าชายผู้นี้ กำลังขุดหลุมรอนางอยู่ที่นี่
เจียงหลีเงียบและลอบถอนหายใจ
หากเป็นมู่ชิงเกอ เกรงว่าจะหันศีรษะและเดินจากไป ฮึ่ม! ไม่ให้ข้า ข้าก็ไม่สนใจ! แต่นางไม่ใช้มู่ชิงเกอ!
ดวงตาของเจียงหลีกลอกไปมา คำพูดของลู่จ้านก็ชัดเจนมากแล้ว
วิญญาณยุทธ์ชั้นยอดนั้น โดยทั่วไปจะอยู่ในมือของเหล่าราชวงค์ เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะพบกับวิญญาณยุทธ์ที่คุณภาพสูง และที่เรียกว่าอาณาเขตหลิงอู๋ เป็นโลกวิญญาณยุทธ์ นางเข้าไปตอนนี้ ไม่ใช้การเอาเนื้อเข้าปากเสือหรอกหรือ
ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ที่สุดก็คือ ลู่เจี้ยชายผู้นี้ถือครองวิญญาณยุทธ์ชั้นยอดอยู่ในมือ โอกาสดีที่จะได้ครองวิญญาณยุทธ์เช่นนี้ ‘นางจะพลาดได้อย่างไรล่ะ อย่างไรก็ตาม หากเพียงเท่านี้ก็ยอมแพ้ภายในใจของนางก็รู้สึกอึดอัด หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงหลีก็มีแผนในใจ นางยิ้มเหมือนดั่งดอกไม้แล้วพูดกับลู่เจี้ย “ขณะนี้ข้าไม่มีอะไร ติดตัวมาด้วยเลย เมื่อท่านต้องการแลกเปลี่ยน ถ้าเช่นนั้น…ขอใช้ตัวข้าเป็นการแลกเปลี่ยน”
รอยยิ้มของลู่เจี้ยไม่เปลี่ยนแปลง และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคำพูดที่แผ่วเบาของนาง “เห็นทีไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเจ้าเองเป็นการแลกเปลี่ยน ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเรื่องราวที่ยังไม่ได้เล่า วันนี้ข้าก็สนใจและอยากจะฟัง”
แท้จริงยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของข้าเอง
เจียงหลีหัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ
“ท่านอยากรู้เกี่ยวกับตัวข้าเหรอ” เจียงหลีถามด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และอ่อนโยน ซึ่งการแสดงออกของนางในขณะนี้ ดูไม่เข้ากันโดยสิ้นเชิง และเหมือนว่ามีความรู้สึกอึดอัด
แต่ว่าในความอึดอัดนี้ มันกลับทำให้รู้สึกยอดเยี่ยมและตื่นตาจนคนดูไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
ลู่เจี้ยหรี่ตาลงเล็กน้อยโดยมุ่งความสนใจไปที่หญิงสาวที่กำลังต่อรองกับเขา “ตลอดที่ผ่านมาข้าเป็นคนที่ชอบฟังนิทาน”
เพียงประโยคเดียว ได้อธิบายถึงความมุ่งมั่นของเขา
เจียงหลีขมวดคิ้วและยกชายกระโปรงขึ้นแล้วนั่งขัดสมาดลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองคางเล็กแหลมของเขา “ตกลง ท่านอยากรู้ข้าก็จะบอกแก่ท่าน แต่ทว่าเรื่องนี้ยาวและเมื่อเล่าแล้วจะเสียเวลาหน่อยนะ เพื่อไม่ให้กระทบกับการหลอมรวมวิญญาณยุทธ์ ข้าจะเล่าเพียงหนึ่งในสามของเรื่องราวก่อน”
“นิทานหนึ่งเรื่อง สามารถแบ่งเล่าเป็นสามครั้งเชียวหรือ” ลู่เจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงหลีกล่าวอย่างถากถาง “ตอนนี้ข้ายากจนมาก ดังนั้นจึงต้องเก็บของที่มีค่าไว้บ้าง เผื่อว่านายน้อยต้องการจะแลกเปลี่ยนบางอย่างกับข้าในครั้งต่อไป ข้าจะได้มีของเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอ”
ลู่เจี้ยหัวเราะเบาๆ โดยไม่รู้ตัว “เล่าครึ่งหนึ่ง”
“ได้” คราวนี้เจียงหลีกตอบอย่างง่ายดาย จากนั้นนางก็เริ่มเล่าให้ลู่เจี้ยฟังเกี่ยวกับชีวิตในภพชาติที่แล้วของตน
นางเล่าได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ตนเกิดมา การกินและดื่ม ได้พูดทุกอย่างแล้ว
นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่ลู่เจี้ยกลับฟังอย่างมีอรรถรสและยังถามคำถามเป็นครั้งคราว
“เล่าถึงตรงนี้ก่อนนะ” เจียงหลีเล่าถึงตอนที่ตนกำลังเลือกสามีก็หยุดชะงัก
ครึ่งหนึ่ง คือครึ่งหนึ่งจริงหรือ เจียงหลีถามตัวเองอยู่ในใจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มู่ชิงเกอก็เข้ามาในโลกของนางและโลกที่มีมู่ชิงเกอน่าตื่นเต้นกว่าเรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นของนางเสียอีก
ไม่ได้มีเจตนาหยุดไว้ตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเล่าถึงอดีตของตนแก่ลู่เจี้ย นางเองก็ย้อนคิดถึงความทรงจำเหล่านั้นเช่นกัน มู่ชิงเกอเป็นสหายที่นางให้ความสำคัญมากและนางไม่ต้องการบอกเรื่องราวของเพื่อนไปเพียงเพราะเพื่อการแลกเปลี่ยน
หลินชวนหรือโลกแห่งยุคกลาง…ชิงเกอ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด
ลู่เจี้ยมองเห็นความเศร้าที่ปรากฎในดวงตาของนาง ทันใดนั้นก็ถามว่า “เจ้าบอกว่าเพราะปกป้องบุคคลที่สำคัญ เจ้าจึงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ”
เจียงหลีพยักหน้า โดยไม่ปฏิเสธ แม้จะอยู่ตรงหน้าลู่เจี้ย นางก็ถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ ข้าจะมีโอกาสได้พบเจอกับนางอีกหรือไม่”
จิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ตัวนี้ ห่วงใยคนๆ หนึ่งมากถึงขนาดยอมสละชีวิต ดวงตาที่แวววาวของลู่เจี้ยคาดการณ์ไม่ได้ และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเจียงหลีก็ก้าวไปอีกขั้น นางเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมาก นี่คือจุดแข็งและจุดอ่อนของนาง
“นี่ เล่าเรื่องจบแล้ว เมื่อไหร่ท่านจะมอบวิญญาณยุทธ์ให้ข้า” เจียงหลีกล่าวด้วยท่าทีอารมณ์ที่สงบ
ความแปรปรวนในดวงตาของลู่เจี้ยหายไป เหลือเพียงความเงียบสงบที่ยากจะหยั่งถึง เขากล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ในการหลอมรวมวิญญาณยุทธ ต้องอาศัยพลังวิญญาณในการสนับสนุน ยิ่งระดับของวิญญาณยุทธ์สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้พลังวิญญาณมากขึ้นเมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่งของเนตรญาณ ยังเป็นตัวกำหนดว่าเจ้าสามารถต้านทานสิ่งนี้ได้หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือการใช้พลังวิญญาณของเจ้า เพื่อใช้มันฝึกฝนเนตรญาณที่หนึ่ง เมื่อเจ้าพร้อมแล้วค่อยผสานวิญญาณยุทธ์เข้าด้วยกัน”
ปรากฎว่ายังมีขั้นตอนเหล่านี้ด้วย เจียงหลีบ่นพึมพำ
“เจ้าสามารถฝึกฝนที่นี่” ลู่เจี้ยพูดอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
เจียงหลีเฝ้ามองหลังที่สูงของเขาหายไป ก่อนที่จะรวมความคิดและหลับตาลงเพื่อฝึกฝน
ลู่เจี้ยออกไป เพื่อจะไปเอาวิญญาณยุทธ์
สถานที่เก็บวิญญาณยุทธ์ของตระกูลลู่ มีเพียงหัวหน้าตระกูลเท่านั้นที่สามารถเปิดได้ และอยู่กับปู่ของลู่เจี้ย ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวคนก่อนของตระกูลลู่ ก็ได้ให้กุญแจนั้นแก่ลู่เจี้ยแล้ว
เมื่อคุณปู่ของเขาพ้นจากการเป็นผู้ดูแลและการฝ่าฟันในอาณาจักรแล้ว เขาจะกลายเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลโดยตรง และลู่เจี้ยจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวต่อไป
“นายน้อย สิ่งที่นางพูดเป็นความจริงหรือ มีโลกอื่นจริงๆ หรือ” เงาที่ติดตามของลู่เจี้ยถามเบาๆ
ลู่เจี้ยเดินไปไม่หยุดและตอบว่า “ณ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีจุดผิดใดๆ เป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือได้”
“นายน้อยสร้างนางด้วยวิธีนี้ หากว่าในอนาคตหากนางจากไป…”
ลู่เจี้ยยิ้มจางๆ และพูดอย่างมั่นใจว่า “นางไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ”
หลังจากพูดจบเขาก็ยิ้มเบาๆ และน้ำเสียงของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “บุคคลที่มีความสามารถในตำนานเนตรญาณเก้าดวง เมื่อได้รับการฝึกฝนแล้วจะกลายเป็นไม้เด็ดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลลู่ของข้าในอนาคต ไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์โฮ่วจิ้น แม้จะอยู่ในถิ่นทุรกันดารทางใต้ ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุตระกูลลู่ได้ง่ายๆ เมื่อข้าจากก็ไปได้อย่างหายห่วงสบายใจ ข้ามีเวลาไม่มากนัก บางทีข้าอาจรอไม่ถึงวันที่นางโตขึ้นจริงๆ แต่เจ้าต้องจดจำสิ่งที่ข้าได้พูดไว้ในวันนี้”
“นายน้อย!” เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงอายุขัย เงาก็รู้สึกตกใจ “นายน้อย พวกนายท่าน ท่านปู่ ทุกท่านจะคิดหาวิธีทางอย่างแน่นอน”
ลู่เจี้ยส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ สีหน้าเฉยเมยทำให้ผู้พบเห็นเป็นทุกข์ “ข้าเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ขาดความแข็งแรงอายุขัยไม่สม่ำเสมอและดูเหมือนจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ท่านปู่และท่านพ่อพยายามอย่างเต็มที่แล้ว เพื่อให้ข้าได้มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ โรคประจำตัวนี้รักษาได้หรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อถึงคราวต้องจากไป จัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ความปรารถนาของข้าก็เสร็จสิ้นแล้ว”
เคยมีผู้หนึ่งได้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงยี่สิบแปดปีเท่านั้น
ในวันนี้ยังเหลือเวลาอีกสี่ปี ก่อนถึงกำหนดกาลที่กล่าวไว้
ในระยะเวลาสี่ปีนี้ เขาต้องการวางเค้าโครงไปทั่วโลก และปกป้องตระกูลลู่ไร้กังวลเป็นพันปี การปรากฎตัวของเจียงหลี มันทำให้เขาประหลาดใจมาก ยังให้ระดับการป้องกันที่สูงขึ้นนี้สำหรับการวางเค้าโครงของเขาด้วยเจียงหลี
ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย ชีวิตของเจ้าถูกกำหนดให้ผูกติดกับตระกูลลู่ของข้า ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบหนี