ตอนที่ 333 ลงไป! ข้าไม่ลง!
ลู่เสวียนมองนางอย่างงงงันแก้มที่สวยงามผุดผ่องเต็มไปด้วย…ความพิศวง
มองเห็นเขาเป็นเช่นนี้เจียงหลีจึงส่ายศีรษะไม่เอ่ยคำใดแล้วถอนหายใจแม้จะมีความในใจแต่ก็มิกล้า เอ่ยออกมาคนบ้านตระกูลลู่ก็เป็นดังเช่นลู่เจี้ยเคยกล่าวไว้นอกจากตัวลู่เจี้ยไม่มีสักคนที่วางแผนเก่ง!
นางเอ่ยถึงข้อสงสัยอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นแล้วลู่เสวียนยังไม่เข้าใจอีก
“ถ้าเช่นนั้น…พวกเขามีจุดประสงค์อะไร” ลู่เสวียนหรี่ตาลงเปิดใจหารือกัน
เจียงหลีเบ้ปาก “ข้าจะรู้ได้อย่างไร อยากรู้จุดประสงค์ของเป่ยโหรวให้แน่ชัดก็มีแค่เสี่ยงไปเป่ยโหรวดูสักครั้ง”
“จะให้ข้าไปเลือกภรรยาจริงหรือ” ลู่เสวียนหน้าอมทุกข์ชี้นิ้วหาตัวเอง ชีวิตของเขาอย่าเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้หรือไม่
เจียงหลีเลิกคิ้ว “แล้วจะให้ทำเช่นไรเป่ยโหรวเลือกเจ้าไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้าหยวนหวัง”
“…” ลู่เสวียนเบ้ปากมองนางอย่างนึกน้อยใจ ยื่นมือดึงชายเสื้อของนางและอ้อนวอนขอ “พี่สะใภ้ที่แสน ดีท่านนำน้องสามีผลักเข้าเตาไฟท่านไม่กลัวองค์หญิงทั้ง 3 ของฮ่องเต้เป่ยโหรวนำข้าไปฆ่าแกงหรือ แล้วถ้าหากฮ่องเต้เป่ยโหรวมีอุปนิสัยที่พิลึกล่ะจะทำเช่นไร” เอ่ยจบเขาทำหน้าตกใจกำชายเสื้อตนไว้ แน่นด้วยสีหน้าขาวซีด
“…” เจียงหลีมองเขาด้วยหางตามุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“วางใจเถิดข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เจียงหลีเอ่ยขึ้นทันที
“ฮะ” ลู่เสวียนคลายสาบเสื้อของตนออกอย่างตกใจก็ถูกนางจับเสื้อไว้โดยไม่ได้ตั้งใจและเอ่ยถามอย่าง ประหลาดใจ “เจ้าก็จะไปหรือ เจ้าจะไปได้อย่างไร ในเมื่อฮ่องเต้เป่ยโหรวมีเจตนาแอบแฝงถ้าหาก จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนเช่นเจ้าไปส่งถึงประตูด้วยตัวเองแล้วเขาจับเจ้าไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยมจะทำเช่นไร”
“ข้าจะไม่ไปในฐานะของเจียงหลีแล้วก็จะไม่ในฐานะจักรพรรดินีแห่งจยาเซียน” เจียงหลีชี้แจงอย่าง แจ่มแจ้งนางเขยิบเข้าไปใกล้ลู่เสวียนหนึ่งก้าวดวงตาที่ลุกวาวมองเขาอย่างจดจ้องเอ่ยกระซิบว่า “ข้าจะ ไปในฐานะของสาวใช้ติดตามตัวเจ้า”
ลู่เสวียนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงมองนางอย่างประหลาดใจ
เจียงหลียกมือขึ้นมาตบไหล่เขาเบาๆ ปลอบใจเขาว่า “วางใจเถิดข้ามีวิธีของข้าพอถึงเป่ยโหรวแล้วหาก เจ้าไม่ถูกใจองค์หญิงทั้ง 3 ของฮ่องเต้เป่ยโหรวนั้นใครก็ไม่สามารถบังคับเจ้าแต่งงานได้หากแต่เจ้า ถูกใจขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ข้าก็จะช่วยเจ้าชิงตัวนางกลับมาอาณาจักรเรา”
“…” ลู่เสวียนสีหน้าหม่นหมอง พี่สะใภ้ของเขานี่ไม่ต้องใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ก็ได้
วาจาเมื่อชั่วครู่มีลักษณะเหมือนจักรพรรดินีเสียที่ไหนอย่างกับพวกที่อาศัยอยู่บนเขา โจรสาวที่ชอบกดขี่ ข่มเหงพวกนั้น
“สองสามวันนี้เจ้าไม่ต้องไปที่ไหนไกลล่ะรอคณะทูตจากเป่ยโหรวกลับไปก่อนเจ้ากับพวกเขาค่อยรีบ นำหน้าไปเป่ยโหรวด้วยกัน” เจียงหลีสั่งเพียงเท่านี้แล้วจึงกลับออกไป
จนนางเดินไปไกลแล้วลู่เสวียนถึงได้สติกลับมาตะโกนตามหลังนางไป “นี่เจ้าจะไปไหน”
เจียงหลีกล่าวติเตียนแต่ไม่ยอมหันกลับมา “ไปจัดการงานราชการน่ะสิ! เจ้าคิดว่าข้าจะว่างเหมือนเจ้า หยวนหวังรึ!”
ทันใดนั้นลู่เสวียนที่ถูกตำหนิมิได้โกรธเคืองแต่กลับยิ้มขึ้นเป็นเพราะนํ้าเสียงที่ไม่ได้ตั้งใจของเจียงหลี
หญิงสาวที่ค่อยๆ เดินไกลออกไปจากสายตาถึงแม้อายุจะน้อยกว่าเขาแต่ทว่าความหนักแน่นและความ เป็นผู้ใหญ่ในตัวนางกลับทำให้เขาดูด้อยกว่า
เจียงหลีก็เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆ ที่เชื่อมสัมพันธ์เขากับพี่ชายที่เสียไปแล้วความรู้สึกของคนใน ครอบครัวเช่นนี้เป็นไปตามกาลเวลานับวันยิ่งลึกซึ้ง
……….
วันนี้ท่ามกลางคณะทูตจากเป่ยโหรวมีเพียงจงเจิ้งเหยี่ยที่ปรากฏต่อหน้าเจียงหลี ส่วนไป๋เซี่ยงไท่นั้นไม่รู้ ว่าเป็นเพราะสาเหตุจากอาการบาดเจ็บจริงๆ หรือว่าเป็นเพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าเจียงหลีถึงได้ ไม่ยอมปรากฏตัว
แต่ทว่าเขาคนนี้จะปรากฏตัวหรือไม่สำหรับเจียงหลีแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด
ลองเชิงจงเจิ้งเหยี่ยอยู่ครึ่งวันแล้วไปจัดการงานของราชสำนักอีกครึ่งวันกว่านางจะปลีกเวลาฝึกฝนจน เสร็จกลับมาถึงห้องบรรทมที่ตำหนักหวงจี๋ก็ดึกมากแล้ว
“เฮ้อ…!ข้าช่างเกิดมาเพื่อทำงานหนักทั้งชีวิตจริงๆ! ช่างเป็นแบบอย่างของฮ่องเต้เสียจริง!” เท้าเอวเดิน เข้าห้องบรรทมไปเจียงหลีถอนหายใจให้กับความขยันของตน
ประตูใหญ่ของห้องบรรทมหลังจากนางเข้าไปก็ปิดสนิทลง
ยามราตรีนางไม่ได้ต้องการคนปรนนิบัติกฏข้อนี้คนข้างกายนางล้วนรู้กันดี
แต่ทว่ายามที่เจียงหลีเดินเข้าใกล้เตียงกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
“เอ๊ะ” ฝีเท้าของนางหยุดลงยืนอยู่นอกฉากกั้นเตียงค่อยๆ แหวกผ้าม่านทีละชั้นไม่คาดคิดว่าจะมีคน นอนอยู่บนเตียงของนาง!
ใครบังอาจมานอนบนเตียงของข้า! เจียงหลีหรี่ตามองแล้วเปลี่ยนเป็นแววตาเฉียบคมขึ้นมา
ทันใดนั้นลมยามราตรีพัดเข้ามาครู่หนึ่งพัดม่านกั้นขึ้นพากลิ่นอ่อนๆ โชยเข้ามาด้วย
กลิ่นที่คุ้นเคยลอยเข้าจมูกสายตาที่หวาดระแวงของเจียงหลีก็หายไปทันทีใบหน้าที่เย็นชากลับ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชวนมองต้องตาคน
นางยกมือขึ้นเปิดกระโจมออกก้าวยาวอย่างเบาๆ ไปยังเตียงนอน ยิ่งเข้าใกล้เงาของคนบนเตียงนอนยิ่งชัดเจนขึ้น
ลู่เจี้ย!
ใบหน้าที่คุ้นชินงดงามเกินมนุษย์ธรรมดาทั่วไปปรากฏอยู่ตรงหน้านางสายตาของนางเผยถึงความอ่อนโยน
ชายหนุ่มที่เงียบหายไปนานท่านนี้เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งไม่นึกว่าจะมานอนอยู่บนเตียงของนางได้เลย
“ลู่เจี้ยหรือ” เจียงหลีลองเรียกเสียงเบา
คนที่กำลังนอนราบอยู่บนเตียงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ คล้ายกับว่าไม่ได้รู้สึกถึงการมาถึงของนาง
เจียงหลีหรี่ตาลงค่อยๆ คลานขึ้นบนเตียงมือข้างหนึ่งคํ้าบนที่นอนมือข้างหนึ่งเขย่าชายหนุ่มตรงหน้า เล็กน้อยและร้องเรียกเบาๆ “ลู่เจี้ยหรือ”
ก็ยังคงไม่มีการตอบกลับ
“หลับสนิทขนาดนี้เชียวหรือช่วงที่หายไปนั้นไปทำอะไรมานะถึงได้เหนื่อยเช่นนี้” เจียงหลีกระซิบเบาๆ หายใจอย่างระมัดระวังค่อยๆ ย่องเบาและคลานไปข้างกายชายหนุ่มผู้นี้
นางเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากอย่างเบาที่สุดราวกับว่ากลัวจะทำให้ชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทตื่นขึ้น
เพียงแต่ตอนที่นางคลานถึงข้างกายชายหนุ่มกลับตกตะลึงนางมองไปยังข้างกายชายหนุ่มมองดูเขาที่ นอนราบกางอ้อมแขนกว้างไว้แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดิมทีนางอยากจะนอนลงข้างกายชายหนุ่มวันนี้ทั้งวันนางรู้สึกเหนื่อยล้ามากแล้ว
แต่ทว่ายามมองเห็นเขากางอ้อมแขนกว้างนั้นใจของนางก็รู้สึกแปลกพิลึก นึกถึงความรู้สึกที่ถูกเขากอด ไว้ในอ้อมแขนแล้วหลับไป
คิดไปแล้วเจียงหลีจึงละทิ้งพื้นที่ข้างกายของเขาและคลานไปบนกายของเขามือเท้าค่อยๆ ก้าวข้ามร่าง ของเขาร่างทั้งร่างนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาสองมือสวมกอดเอวของเขาไว้แน่น
ที่นี่ยังคงสบายที่สุดอย่างที่คิดไว้! ใบหน้าเล็กถูไปมาในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เจียงหลีหลับตาลงใบหน้า อิ่มเอมทำให้อารมณ์ตึงเครียดคลายลงไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่ดวงตาปิดสนิทราวกับหลับลึกนั้นค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นในเวลานั้นและกวาดสายตา มองไปที่หญิงสาวที่ทับอยู่บนร่างของเขา
“ลงไป”
ผู้หญิงคนนี้มายั่วโมโหเขาอีกแล้ว! สีหน้าของเซ่าตี้ดูไม่ชวนมองและอารมณ์ดูจะไม่สู้ดีนัก
ทันทีที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เจียงหลีเงยหน้ามองอย่างดุดันสบตากับดวงตาคู่สวยนั้นกลับไม่เขินอาย และไม่ตื่นเต้น นางทำหูทวนลมราวกับไม่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มสองมือของนางกุมไว้แล้ววางบนอก ของชายหนุ่มคางวางลงที่หลังมือยิ้มหรี่ตายั่วยวนชายหนุ่ม “ข้าไม่ลง!”
“…” นางนี่จริงๆ เลยนับวันยิ่งใจกล้าไปกันใหญ่แล้ว
ใบหน้าของเซ่าตี้ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเจียงหลีรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่