Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1070

บทที่ 1070 แทบจะเข้าโลงได้ทุกเมื่อ!

เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ตั้งใจ “อ่อ ใช่แล้ว บาดแผลบนร่างเจ้าสรุปแล้วเป็นหลงซือเย่แทงหรือว่าเป็นเย่หงเฟิงแทงกันแน่? เจ้ายังจำได้หรือเปล่า? หากเป็นหลงซือเย่ เจ้าก็กะพริบตาหนึ่งครั้ง หากเป็นเย่หงเฟิง เจ้าก็กะพริบตาสองครั้ง ข้าจะหาทางล้างแค้นให้เจ้าแทงผู้ที่แทงเจ้ากลับไป! ผู้ที่ทำร้ายเจ้า ข้าจะเอาคืนมันสิบเท่าเลย!”

กู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว นิ่งอยู่สักพัก กะพริบตาก่อนหนึ่งครั้ง แล้วกะพริบตาอีกหนึ่งครั้ง

ตี้ฝูอีถอนหายใจ “นี่สรุปว่าเจ้ากะพริบตาหนึ่งครั้งหรือว่าสองครั้งกันแน่?”

กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กะพริบตาติดต่อกันสองครั้ง

ถึงยามนี้ตี้ฝูอีทราบเรื่องราวโดยรวมอย่างแจ่มแจ้งแล้ว!

นางมิได้ไข้ขึ้นสูงจนความจำเสื่อม แต่เป็นสังขารนี้เปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว!

เขามองนางอีกแวบหนึ่ง “พักผ่อนให้ดีเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะมาดูเจ้าอีกครั้ง”

ครั้งนี้หมุนกายเดินออกไปทันที

มู่เฟิงยังคงเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างทุ่มเทกายใจ เมื่อเห็นเขาออกมา ขณะที่กำลังจะเปิดปากเอ่ย ตี้ฝูอีก็ส่งกระแสเสียงหาเขาโดยตรง ‘อย่าพูดฐานะของข้า! เรียกข้าว่าเหยียนนั่วก็พอ’

มู่เฟิงตะลึงไปแวบหนึ่ง ไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่

ตี้ฝูอีส่งกระแสเสียงหาเขาอีกครั้ง ‘เรียกมู่เตี่ยนกลับมาโดยด่วน ข้ามีเรื่องจะให้เขาทำ’

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สั่งการผู้ใดน้อยครั้งนักที่จะคำว่า ‘โดยด่วน’ เห็นทีว่าเรื่องนี้จะเร่งด่วนยิ่งนัก มู่เฟิงรีบไปทำตามคำสั่งทันที

ตี้ฝูอีออกห่างจากถํ้าแห่งนั้น จากนั้นก็ใช้ป้ายหยกติดต่อกับมู่เหล่ยที่ยังคงเฝ้าอยู่ที่สำนักถามสวรรค์ เห็นหน้าก็ถามเขาทันที

“หลงซือเย่กับเย่หงเฟิงออกมาจากห้องหลอมโอสถหรือยัง?”

มู่เหล่ยตอบว่า “ยังขอรับ นับตั้งแต่พวกเขาเข้าไปก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย เย่หงเฟิงผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ บางทีหลงซือเย่อาจจะรักษานางอยู่ในห้องกระมัง?”

“เฝ้าอยู่ที่นั่นต่อไป ประเดี๋ยวข้าจะไป! ก่อนที่ข้าจะไปถึง ต่อให้มีแมลงวันสักตัวบินออกมาจากข้างในก็ต้องรายงานให้ข้าทราบ!”

“ขอรับ! ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

ตี้ฝูอีสูดหายใจนิดๆ กลับไปที่ถํ้าอีกครั้ง กู้ซีจิ่วยังคงนอนอยู่ตรงนั้น กำลังมองยอดถํ้าอยู่ ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอะไร เมื่อได้ยินเสียงเขาเข้ามา สายตาของนางก็หันเหมาที่เขาทันที

ตี้ฝูอีมองนาง สุ้มเสียงเป็นห่วงเป็นใย “ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วพยักหน้านิดๆ

ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “เย่หงเฟิง…”

นิ้วมือกู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อ ม่านตาหดตัวแวบหนึ่ง

ตี้ฝูอีกล่าวต่อไปว่า “มีดเล่มนั้นของเย่หงเฟิงเคลือบพิษที่ทำให้บาดแผลเกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ถึงแม้ข้าจะใช้โอสถวิญญาณของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่วยขจัดให้เจ้าส่วนหนึ่งแล้วแต่พิษหลักยังไม่ถูกขจัดออก ถ้าต้องการขจัดออกอย่างสมบูรณ์ต้องใช้วิธีการอย่างหนึ่ง”

กู้ซีจิ่วมองเขาดวงตาเผยแววสงสัย

ตี้ฝูอีกล่าวไปว่า “เพียงแต่วิธีนี้ค่อนข้างเจ็บปวด อีกเดี๋ยวยามที่ข้าดำเนินการให้เจ้า เจ้าต้องอดทนไว้นะ”

กู้ซีจิ่วตัวเกร็งทันที ปลายจมูกมีเหงื่อผุดออกมา ดูเหมือนนางจะกลัวเจ็บ ดวงตามีแววขัดขืนวาบผ่าน ส่ายหน้าไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีที่อยู่ตรงหน้าไม่เข้าใจภาษากายของนาง ยิ้มอย่างปิติแวบหนึ่ง “เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่กลัวเจ็บใช่ไหม? เพียงอยากจะดีขึ้นเร็วหน่อยใช่หรือไม่? ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าเป็นแม่นางผู้ทรหดคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ็บปวดถึงเพียงนั้นก็ยังไม่ร้องออกมาสักคำเลย”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน ในที่สุดนางก็ไม่ส่ายหน้าอีกแล้ว

ตี้ฝูอีลากหินแก้วผลึกก้อนหนึ่งมานั่งลงตรงข้ามนาง มองนางอย่างอ่อนโยน “เพื่อจะได้หายดีในเร็ววัน อดทนหน่อยได้ไหม?”

ฝ่ามือค่อยๆ ยกขึ้น มีแสงสีขาวผุดวาบออกมาจากฝ่ามือเขาครอบลงที่ศีรษะนาง

สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง หดตัวตามสัญชาตญาณ แต่การหดนี้สะเทือนถึงบาดแผลบนร่างอีกครั้งเจ็บจนนางทนไม่ไหวร้องออกมาเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version