Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1103

บทที่ 1103 หลบหนี

หลงซือเย่เป็นวิชาหดกระดูก การปลอมแปลงเช่นนี้ของทั้งสองจึงดูแนบเนียนสมจริง ต่อให้เป็นพี่น้องของสองคนนั้นมาอยู่ตรงหน้า ก็ยังไม่แน่ว่าจะมองออก

หลงซือเย่กระทำการได้รอบคอบนัก เขายังหาตัวหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่รูปร่างไม่ต่างจากพวกเขาทั้งสองมากนักมาด้วย ทำให้พวกเขาสลบก็แยกไปวางไว้ในห้องขังและห้องส่วนตัวของกู้ซีจิ่ว ให้กู้ซีจิ่วแปลงโฉมพวกเขาด้วยเช่นกัน…

คนที่อยู่ในห้องขังถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นหลงซือเย่หลังจากล่ามโซ่ตรึงวิญญาณชุดนั้นก็จัดให้นั่งพิงผนัง คล้ายว่ากำลังใคร่ครวญหรือเข้าฌานอยู่

ปกติแล้วยามที่หลงซือเย่ถูกขังไว้ที่นี่ แทบจะไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย และไม่ได้พบเห็นผู้ใดเลยตลอดทั้งวัน ดังนั้นขอเพียงปล่อยตัวปลอมไว้ที่นั่น ก็ไม่มีผู้ใดเข้าไปเยี่ยมเยือนเขาอยู่ดี

มีเพียงคนที่อยู่ในห้องของกู้ซีจิ่วผู้นั้นที่ถูกจัดวางไว้บนเตียงท่าทางเหมือนคนหลับสนิทที่ติดป้ายห้ามรบกวนไว้ น่าจะไม่มีผู้ใดพบเห็นความผิดปกติได้ในระยะเวลาสั้นๆ

….

ทุกอย่างล้วนจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่มีจุดบกพร่องตรงไหนอีก ทั้งสองคนถึงได้เดินวางมาดออกมาจากในห้อง ระหว่างทางพบกับผู้คุ้มกันบางส่วน ล้วนทำความเคารพต่อพวกเขาอย่างนอบน้อมยิ่ง ทั้งสองก็ไม่ได้เผยพิรุธอันใดออกไป

เมื่อเดินผ่านอาคารทรงพีระมิดหลังนั้น กู้ซีจิ่วตั้งใจมองเป็นพิเศษ เนื่องจากที่นี่คือเขตหวงห้าม ตรงประตูมีผู้คุ้มอยู่สี่คนเท่านั้น ไม่มีเงาของผู้อื่นอยู่เลย เดิมทีทั้งสองต้องเดินตรงไป ทว่าจู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เดินเลี้ยวไปทางประตูของพีระมิดหลังนั้น หลงซือเย่ตะลึงเล็กน้อย ส่งกระแสเสียงหาเธอ ‘เธอจะทำอะไร?’

กู้ซีจิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา ‘อยากรู้จะไปดูสักหน่อย’

เธอคำนวณเวลาดูแล้ว โม่เจ้าเพิ่งจากไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เธอได้ยินเขาสั่งการลูกน้องเหล่านั้น บอกว่าออกไปหนนี้อย่างเร็ว คือสองวัน ช้าหน่อยก็สามวัน ถึงจะกลับมา ดังนั้นไม่ต้องเกรงว่าเขาจะกลับมาจู่โจมสังหารอย่างกะทันหัน

ส่วนหลงฟั่นก็กำลังทำการวิจัยอย่างลืมกินลืมนอนอยู่ คนผู้นี้เมื่อทุ่มเทให้กับสิ่งใดแล้วจะหามรุ่งหามค่ำอยู่เสมอ ไม่น่าจะมีเวลาว่างออกมาเดิน เตร็ดเตร่ ดังนั้นนอกจากพวกเขาจะหลบหนีได้แล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วย…

ถึงแม้หลงซือเย่จะมึนงงอยู่บ้าง แต่เขายังคงตามมาอย่างเงียบๆ

“หัวหน้าซย่า หัวหน้าจาง ลมอะไรหอบพวกท่านให้เดินมาถึงที่นี่ได้ขอรับ?” ผู้คุ้มกันทั้งสี่ค่อนข้างฉงน

กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “ท่านเจ้าออกไปข้างนอก อีกทั้งที่นี่ก็แข็งแกร่งยากจะถูกตีแตกได้ พี่น้องทั้งหลายกังวลกันมานานถึงเพียงนี้ ควรได้ผ่อนคลายกัน บ้าง ข้าเรียนรู้การละเล่นอย่างหนึ่งมากจากภายนอก จะสอนให้พวกพี่ชายเล่นดู สละเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น”

สี่คนนั้นคอยเฝ้าสถานที่แห่งหนึ่งอย่างขันแข็งอยู่ทุกวัน แต่ละวันยืนนิ่งเหมือนต้นไป๋หยาง ค่อนข้างเบื่อหน่ายยิ่งนักจริงๆ ยามที่ท่านเจ้าอยู่พวกเขาไม่กล้าเกียจคร้าน ยามนี้เมื่อหัวหน้ากล่าวเช่นนี้แล้วพวกเขาไหนเลยจะไม่ตอบรับเล่า?

ปากบอกว่ามิกล้าๆ ทว่าสายตากลับมองดูกู้ซีจิ่วแล้วรอให้เธอสอน

กู้ซีจิ่วหยิบไพ่สำรับหนึ่งออกมา สอนการละเล่นสมัยใหม่อย่างหนึ่งให้พวกเขา อย่างเช่นการทายหน้าไพ่ ระหว่างที่เล่นอยู่ กู้ซีจิ่วก็หลอกถามพวกเขาดูว่าที่แท้ในอาคารหลังนี้มีสิ่งใดอยู่กันแน่ ผลคือสี่คนนี้ก็ไม่ทราบเลยเช่นกัน ทราบเพียงว่าหลงฟั่นกับท่านเจ้าล้วนให้ความสำคัญกับสถานที่แห่งนี้ยิ่งนัก และมีเพียงพวกเขาที่สามารถเข้าไปได้ คนอื่นแม้แต่คิดก็อย่าหวัง

กู้ซีจิ่วยิ่งรู้สึกว่าข้อวินิจฉัยของตนถูกต้องแล้ว ด้วยเหตุนี้ระหว่างที่เล่นไพ่เธอจึงวางยาสี่คนนี้ ทำให้สี่คนนี้สติเลอะเลือนไม่รู้เนื้อรู้ตัว ให้พวกเขาทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเสมือนตอไม้เช่นเดิม

ประตูของ ‘พีระมิด’ หลังนี้ย่อมเป็นตัวล็อคที่ต้องเข้ารหัสแบบพิเศษ แต่ในสายตากู้ซีจิ่วที่เป็นนักฆ่ามือฉมังแล้ว นี่ไม่คณามือเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือ ข้างกายเธอยังมีหลงซือเย่รู้ปูมหลังของหลงฟั่นดีอยู่ด้วย การเปิดที่นี่ก็เหมือนการล้วงหาของในกระเป๋าเท่านั้น…

ถึงแม้หลงซือเย่จะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งเงียบงันปานกลัวทองจะร่วงเข้าไปใหญ่ แต่ก็ให้ความร่วมมือกับเธอตลอด

เห็นทีว่าสิ่งที่ซ่อนไว้ที่นี่จะสำคัญมากจริงๆ ด้านในพีระมิดแห่งนี้จึงติดตั้งกลไกไว้ไม่น้อยเลย ประหนึ่งเขาวงกตก็มิปาน หากเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านค่ายกลหลงเข้ามาในนี้เดินดุ่มๆ ไปได้ไม่กี่ก้าวก็จะถูกลูกศรยิงใส่จนกลายเป็นเม่น หรือก็กลายเป็นแอ่งโลหิต…

ทั้งสองเดินลัดเลาะกลไกหลายจุดไปอย่างปลอดภัย ในที่สุดก็มาถึงส่วนใจกลางแล้ว มองเห็นโลงแก้วผลึกใบมหึมา แน่นอนว่ามองเห็นคนที่นอนอยู่ด้านในด้วย

อย่างไรเสียหลงซือเย่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เขาวนรอบโลงแก้วผลึกใบนั้นมองอยู่ครู่หนึ่งสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไป “ร่างโคลนนิ่งที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าโดยกำเนิด!”

กู้ซีจิ่วกำหมัด เธอเดาไม่ผิดจริงๆ!

เธอเดินวอบรอบโลงแก้วผลึกใบนั้นเงียบๆ ในไม่ช้าก็ขมวดคิ้ว ด้านในและด้านนอกของโลงแก้วผลึกใบนี้มีกลไกอยู่มากมาย อย่าว่าแต่ทำลายร่างโคลนนิ่งที่อยู่ในด้านในทิ้งเลย ต่อให้แตะถูกเพียงนิดก็เกรงว่าจะกระตุ้นให้กลไกส่งสัญญาณเตือนแล้วทำให้ร่องรอยของทั้งสองคนถูกเผย หนีไปไม่รอดแล้ว!

นี่เป็นโอกาสที่จะได้ผนึกมารร้าย หากว่าพลาดหนนี้ไปเกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

แต่ถ้าหากลงมือทำลาย ห้องวิจัยแห่งนี้ก็จะปิดล็อคอย่างสมบูรณ์ เกรงว่าจะมีสิ่งของจำพวกที่พ่นควันพิษสังหารผู้บุกรุกทุกคนอยู่ด้วย หลงฟั่นและผู้คุ้มกันจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกย่อมตื่นตระหนก ด้วยสภาพของเธอกับหลงซือเย่ในตอนนี้ความเป็นไปได้ที่หลบหนีออกไปอีกครั้งเท่ากับศูนย์…

ขณะที่กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หลงซือเย่ที่อยู่ด้านข้างพลันสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ถึงแม้จะทำลายร่างโคลนนิ่งร่างนี้ไม่ได้ แต่ฉันสามารถเติมส่วนผสมให้มันได้”

กู้ซีจิ่วมองเขา “ส่วนผสมอะไร?”

หลงซือเย่ไม่ตอบ เดินตรงไปที่ปลายอีกด้านของท่อเหล่านั้นที่เชื่อมต่อกับโลงแก้วผลึก ตรงนั้นมีบ่อยาปฏิชีวนะอยู่หลายบ่อ และยาที่อยู่ตรงนี้ก็ลำเลียงเข้าไปในท่อนั้นเป็นครั้งคราว ทั้งหมดล้วนหล่อเลี้ยงร่างโคลนนิ่งที่อยู่ด้านในโลงแก้วผลึก

หลงซือเย่นำตัวยาเหล่านั้นมาพินิจดูอย่างละเอียด คล้ายจะแยกแยะส่วนผสมด้านในอยู่ จากนั้นก็หยิบผงสีแดงอย่างหนึ่งออกมาจากร่างแล้วเติมเข้าไป

หลังจากผสมผงนั้นเข้าไปก็ไม่เห็นความผิดปกติอื่นใดเลย ย่อมไม่เป็นการกระตุ้นกลไกด้านนอกและด้านในของโลงแก้วผลึก

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะรํ่าเรียนวิชาแพทย์มา แต่เธอก็ไม่เข้าใจเทคโนโลยีโคลนนิ่งเลยจริงๆ ย่อมมองไม่ออกเช่นกันว่าส่วนผสมที่หลงซือเย่เติมเข้าไปคืออะไร

คงจะมองเห็นความสงสัยในแววตาของเธอ หลงซือเย่จึงกล่าวอธิบาย “ผงนี้คือ …”

เขาค่อยๆ อธิบายหลักการให้เธอฟัง ด้วยเหตุนี้ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจสรรพคุณของผงนี้แล้ว

ผงนี้จะเข้าไปในระบบประสาทของร่างโคลนนิ่ง ค่อยๆ ทำลายเซลล์ประสาทช้าๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ไประยะหนึ่ง ต่อร่างโคลนนิ่งร่างนี้ฟื้นคืนชีพได้ก็จะเป็นสวะไร้พลังที่ตรงตามมาตรฐานชิ้นหนึ่ง ต่อให้เป็นร่างกายที่มีพลังวิญญาณขั้นเก่าแต่กำเนิด ก็ไม่สามารถควบคุมและใช้ออกมาได้ ถึงขั้นกลายเป็นอัมพาฒไปเลยด้วยซํ้า

กู้ซีจิ่วค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง “ทำไมคุณถึงพกของแบบนี้ติดตัว?”

หลงซือเย่เม้ริมฝีปากบางนิดๆ “ถ้าหากฉันบอกว่าตัวยาพวกนี้ล้วนสร้างขึ้นเพื่อมอบให้เธอ เธอจะเชื่อไม่?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่เชื่อ!”

หลงซือเย่หลุบตาลง “ถ้างั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

เขาพกยาติดตัวไว้ไม่น้อย ล้วนเป็นตัวยาที่เขาคิดค้นขึ้นมาในระยะเวลาสองปีนี้ ไม่อาจตรวจจับความเป็นพิษได้ แต่เป็นพิษต่อคนทำให้คนที่โดนยากจะป้องกันตัวเองในยามวิกฤตได้

กู้ซีจิ่วมองโลงแก้วผลึกใบนั้นอีกครา ปรารถนาจะเทนํ้ากรดลงไปในนั้นยิ่งนัก!

แต่เธอก็มองเห็นอุปกรณ์วัดค่าปริมาณตัวยาต่างๆ ที่อยู่ด้านในโดยเฉพาะ หากเทสิ่งที่มีฤทธิ์กระตุ้นยิ่งนักลงไปเกรงว่าจะทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น…

ช่างเถอะ! หากว่าสิ่งที่หลงซือเย่พูดเป็นความจริง เช่นนั้นร่างโคลนนิ่งร่างนี้ก็นับว่าเป็นพิการทั้งเป็นครึ่งตัวแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version