Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1106

บทที่ 1106 หนีไป 3

เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องโดยสาร ด้านบนปิดสนิทอย่างสมบูรณ์

วินาทีที่เรือซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกะลาสีมุดเข้าสู่ลาวา ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็โล่งอกแล้ว

วิชาสะกดจิตของเธอสามารถทำให้สมองหัวหน้าฝ่ายดูแลเรือคนนั้นมึนงงได้ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมื่อปฏิกิริยาตอบสนองของหัวหน้าคนนั้นกลับมา เธอกับหลงซือเย่ก็หนีไปนานแล้ว!

พอออกจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ได้ เธอจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปทันที หนีไปให้ไกลก่อนแล้วค่อยหาทางติดต่อกับตี้ฝูอีอีกที เธอต้องกลับไปอยู่ร่างเดิมของตัวเอง ถึงแม้ร่างโคลนนิ่งร่างนี้จะสมบูรณ์แบบมาก แต่เธอมีเงามืดต่อสิ่งที่โคลนนิ่งขึ้น ยังคงรู้สึกว่าร่างกายที่เติบโตขึ้นตามธรรมชาติสิถึง จะทำให้ตนรู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง

อีกอย่างพลังวิญญาณของร่างเดิมก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นแปดแล้ว ร่างโคลนนิ่งร่างนี้เพิ่งจะขั้นหก เธอไม่เอาหรอก!

เรือแล่นไปอย่างรวดเร็ว กู้ซีจิ่วนั่งตะแคงมองกะลาสีคนนั้นขับเรือ พบว่าแผงควบคุมบนเรือลำนี้มีปุ่มเยอะกว่าเครื่องบินเสียอีก เชื่อได้ว่าจะต้องขับยากกว่าเครื่องบินเป็นแน่

เห็นได้ชัดว่ากะลาสีคนนั้นได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว สองมือควบคุมปุ่มบังคับเหล่านั้นอย่างว่องไว ทำให้กู้ซีจิ่วเห็นแล้วตาลาย

เธอลอบจดจำขั้นตอนไว้ในใจ วันหน้าเธอจะกลับมากวาดล้างที่นี่ต้องศึกษาทักษะการขับเคลื่อนเรือนี้เอาไว้

หลงซือเย่นั่งตรงข้ามเธอ เขาไม่ได้พูดอะไร หลุบตาลงเล็กน้อยเสมือนภิกษุเฒ่าผู้เข้าสู่ห้วงสมาธิ

เรือลำนี้เป็นกึ่งโปร่งแสง ยามที่เรือแล่นอยู่ท่ามกลางลาวา เมื่อผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารมองออกไปด้านนอกจะเห็นเพลิงแดงฉานทั่วสารทิศ ลาวาเดือดปุดๆ ไหลอยู่รอบด้าน ทิวทัศน์เช่นนี้ก็งดงามไปอีกแบบ

ถึงแม้หัวใจของกู้ซีจิ่วจะแล่นฉิวออกไปปานลูกธนูแล้ว แต่ความเร็วของเรือลำนี้ก็ไม่ได้เร็วนัก ยังคงช้ากว่าเรือที่ล่องอยู่มหาสมุทรตามปกติอยู่บ้าง และไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะออกไปได้

กู้ซีจิ่วลองถามกะลาสีที่ขับเรือคนนั้นอย่างอ้อมๆ ดู กลับนึกไม่ถึงว่ากะลาสีคนนั้นจะไม่สนใจเธอเลย

เธอพูดไปอีกสองสามประโยค ในที่สุดกะลาสีคนนั้นก็เปิดปากเอ่ย “หุบปาก ยามขับเรือไม่อนุญาตให้พูดคุย หรือเจ้าลืมคำสั่งสอนของผู้อาวุโสหลงไปแล้ว?”

กู้ซีจิ่วหุบปากแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีคำสั่งสอนข้อนี้ด้วย

และในช่วงที่กะลาสีคนนั้นกล่าวสองประโยคนี้ออกมา เรือที่เดิมทีแล่นอย่างสงบมั่นคงยิ่งก็โคลงเคลงต่อเนื่องกันหลายครา ดูเหมือนเรือนี้จะขับได้ยากเหลือเกิน จึงไม่อนุญาตให้ผู้ขับเสียสมาธิ ดังนั้นไม่สามารถชวนผู้ขับพูดคุยได้

ความคิดเธอเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ จู่ๆ สิ่งที่ดูคล้ายกับทรัมเป็ตเล็กๆ อันหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าของกะลาสีคนนั้นก็ส่งเสียงดังปี๊ปๆ ขึ้นมา!

สีหน้ากะลาสีคนนั้นแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นี่เป็นสัญญาณฉุกเฉิน

กะลาสีที่ได้ยินสัญญาณนี้ไม่ว่าจะขับเรือไปถึงที่ใดแล้ว ล้วนต้องกลับไปโดยเร็ว ไม่อาจโอ้เอ้ได้แม้เพียงนิด!

“เกิดอะไรขึ้น?” กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจสัญญาณนั้น จึงถามขึ้น

“พวกเราต้องกลับไป!” กะลาสีคนนั้นเริ่มเบี่ยงหัวเรือกลับแล้ว…

เพียงแต่เขาเพิ่งจะเริ่มควบคุม ปลายมีดเล่มหนึ่งก็จ่อลงบนคอเขาแล้ว

กู้ซีจิ่วพูดอย่างไม่เกรงใจสักนิด “เดินหน้าต่อ! อย่าได้หันกลับไป!”

สีหน้าของกะลาสีคนนั้นแปรเปลี่ยนทันที “เพราะ…เพราะอะไร?”

“ไม่เพราะอะไร พวกเรามีภารกิจลับสุดยอด จะต้องรีบออกไปโดยเร็ว ไม่อาจล่าช้าได้ รีบขับไป!”

กะลาสีคนนั้นกลับไม่ยอมศิโรราบต่ออำนาจคุกคาม “ไม่ได้ ผู้อาวุโสหลงเคยบอกไว้ เมื่อสัญญาณนี้ดังขึ้น ต่อให้ท่านเจ้าอยู่บนเรือก็ต้องกลับไปอย่างไร้เงื่อนไข! ขออภัยที่ข้าไม่อาจปฏิบัติตามได้”

เขาไม่สนใจปลายมีดที่คอ ยังคิดจะหักเลี้ยวกลับ

กู้ซีจิ่วยกมือลงบนจุดหนึ่งตรงแผ่นหลังเขา นี่คือบทลงโทษประเภทหนึ่ง เมื่อถูกเคาะที่จุดนี้ ทั้งร่างจะเจ็บปวดเหมือนโดนมีดฟัน ทำให้คนต้องยอมแพ้ “ถ้าเจ้าพล่ามอีกประโยคหนึ่งข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ขับตามเส้นทางเดิมต่อไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version