Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1140

บทที่ 1140 โรคแอบแฝง 5

เฟิ่งชิงตกตะลึง วรยุทธ์เช่นนี้…

ทักษะด้านนั้นของเฟิ่งชิงเลิศลํ้านัก ทว่าวรยุทธ์กลับต่ำต้อย อย่างมากก็เป็นแค่หมัดเท้าปักบุปผาเท่านั้น ด้วยฝีมือของคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ สามารถบดขยี้นางให้ตายได้เหมือนบี้มดตัวหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งชิงจึงไป ‘ปรนนิบัติ’ เขา…

รูปร่างของชายสวมหน้ากากยอดเยี่ยมนัก เสียดายแค่ว่าคนผู้นี้จู้จี้้ยิ่งนัก ให้นางยุ่งได้เพียงส่วนสงวนของเขา ส่วนอื่นไม่ยอมให้นางได้เห็น

ถึงแม้ในใจของเฟิ่งชิงจะนึกเสียดาย แต่นางยังคงทุ่มเทฝีมือสุดความสามารถ…

ผลคือ ‘ส่วนนั้น’ ของคนผู้นั้นหมอบนิ่งอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีทีท่าว่าจะผงาดขึ้นมาสักนิดเลย…

เฟิ่งชิงภาคภูมิใจในทักษะของตนมาโดยตลอด ขึ้นชื่อลือชาว่าสามารถทำให้บุรุษที่นกเขาไม่ขันคึกคักขึ้นมาได้ แต่เมื่อพบบุรุษที่ส่งตัวเองมาให้ถึง หน้าประตูในยามวิกาลผู้นี้นางกลับเสมือนเตะถูกแผ่นเหล็กเข้า

ในสถานการณ์ทั่วไป นางยั่วยวนเพียงไม่กี่ครา บุรุษเหม็นโฉ่เหล่านั้นก็รุ่มร้อนไปทั้งร่างแล้ว ดวงตาลุกวาวโผเข้าคล่อมนางทันที พัวพันกับนางอยู่หลายตลบ แต่นางสาละวนอยู่บนร่างบุรุษผู้นี้มาครึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้ว ใช้ความสามารถทุกอย่างที่มีออกมาหมดแล้ว บุรุษผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่ร้อนรุ่มไปทั้งร่างเท่านั้น ยังมีทีท่าว่าจะเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย บรรยากาศรอบตัวคล้ายลดตํ่าลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดยามที่เฟิ่งชิงใช้กระบวนท่าสุดท้ายออกมาก็ปลุกนกเขาไม่ได้อยู่ดี ในที่สุดนางก็ถอดใจ ยกร่างขึ้นมาอย่างไม่พอใจยิ่งนัก

“เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าท่านผู้สูงศักดิ์เสื่อมสมรรถภาพ จงใจมาใช้ตัวข้าเป็นของเล่นฆ่าเวลาหรืออย่างไร?”

รูปร่างของบุรุษผู้นี้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ที่แท้กลับเป็นพวกดีแต่รูป มองได้แต่ใช้การไม่ได้!

ชายสวมหน้ากากผู้นั้นไม่พูดอะไร เขาลุกขึ้นทันที สะบัดแขนเสื้อพรึ่บ เสื้อคลุมก็จัดการเรียบร้อยแล้ว หันหลังหมายจะเดินออกไป

เฟิ่งชิงไม่ยอมแพ้ จะให้มารดาหงุดหงิดแถมยังยุ่งง่วนอย่างเสียเปล่างั้นรึ?

ด้วยเหตุนี้จึงก้าวตามไป “ท่านผู้สูงศักดิ์จะจากไปเช่นนี้เลยหรือ? ไม่ทิ้ง…”

ประโยคหลังนางยังไม่ทันได้กล่าวออกมา ก็พูดไม่ได้ไปตลอดกาลเสียแล้ว

ชายสวมหน้ากากไม่ได้หันกลับมาเลย เพียงแต่โบกแขนเสื้อไปด้านหลังคราหนึ่ง แช่แข็งเฟิ่งชิงที่ยังเป็นๆ อยู่ให้กลายเป็นปะติมากรรมนํ้าแข็งอยู่ที่เดิมโดยตรง จากนั้นก็เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ แตกกระจายเป็นละอองโลหิต…

ดึกดื่นค่อนคืนแล้วหลงฟั่นที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงฝันก็ถูกโม่เจ้า ถีบปลุกอย่างป่าเถื่อน “ไสหัวขึ้นมาซะ!”

หลงฟั่นวุ่นวายมาทั้งวันแล้ว ถูกถีบให้ลุกขึ้นมาเช่นนี้ก็โมโหมากเช่นกัน หากมิใช่เห็นว่าอีกฝ่ายมีฐานะเป็นท่านเจ้า เขาคงไม่พูดไม่จาอะไรซัดคนออกไปเลย!

“ท่านเจ้า ท่านมีเรื่องอันใดอีกขอรับ?!” น้ำเสียงของเขาหงุดหงิดยิ่งนัก

นํ้าเสียงของโม่เจ้ายํ่าแย่ยิ่งกว่า แทบจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว “ร่างนี้มีปัญหาใหญ่หลวง!”

หัวใจของหลงฟั่นเต้นรัวแวบหนึ่ง ความง่วงแล่นหายไปกึ่งหนึ่งแล้ว “ปัญหาใหญ่อันใด?”

“มัน…เสื่อมสมรรถภาพ!”

หลงฟั่นตะลึงงัน เขานิ่งไปครู่หนึ่ง “ท่าน…ท่านทราบได้อย่างไร?”

ท่านเจ้าเพิ่งสิงสู่ร่างสำเร็จก็ไปทดสอบคุณสมบัติด้านนั้นแล้วหรือ?

เมื่อก่อนมิใช่ว่าท่านเจ้าไม่ชิดเชื้อสตรีเพศมาโดยตลอดมิใช่หรือ?

เหตุใดคราวนี้จู่ๆ ถึง…

โม่เจ้าร้องฮึคราหนึ่ง เขาย่อมไม่คิดจะบอกว่าช่วงที่เขาเป็นหรงเช่อ ถึงแม้จะเจ้าสำราญแต่ก็มิได้เหลวไหล มุ่งฝึกฝนบำรุงร่างกายเด็กหนุ่ม แต่บางคราที่พบเห็นสาวงามก็มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติขึ้นมาเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นปีนั้นเขาก็มีความต้องการด้านนี้ต่อกู้ซีจิ่วเช่นกัน เพียงแต่ข่มกลั้นเอาไว้ตลอดเท่านั้น

แต่ครั้งนี้หลังจากเขาเข้าครองร่างสำเร็จ เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วอีกครั้งถึงขั้นที่มีการแตะเนื้อต้องตัวนางนางด้วย น่าประหลาดที่เขาไม่มีความปรารถนาเลยสักเสี้ยว นี่ทำให้เขาหัวใจเขาค่อนข้างร้อนรนอยู่บ้าง

ก่อนหน้านี้ยามที่หลงฟั่นถามเขา ยังนึกว่าที่ตนไม่มีปฏิกิริยาเป็นเพราะกู้ซีจิ่วเป็นร่างโคลนนิ่งเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไปลองทดลองกับคนอื่นดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน กลับคาดไม่ถึงว่า…

เรื่องแบบนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก หลงฟั่นขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่อมให้เขาไปทดลองกับสตรีอีกหลายๆ คนดู

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version