บทที่ 1146 เหม็นจะตายอยู่แล้ว ออกไป!
เรื่องการคิดคำนวณและวางแผน ท่านเจ้าคงสู้ตี้ฝูอีไม่ได้ ทว่าในเรื่องจิตใจที่เหี้ยมโหดนั้นท่านเจ้ากลับชนะขาดลอย
ภาษิตว่าไม่มีความปรารถนาจิตแข็งแกร่ง
ท่านเจ้าดูเหมือนเป็นคนอ่อนโยนสง่างาม แต่ความจริงแล้วเลือดเย็นเป็นที่สุด ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีทางเป็นจุดอ่อนของเขาได้ และเขายังยอมละทิ้งมิตรสหายเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ได้ ดังนั้นไม่ว่าผู้ใดหรือเรื่องอะไรจึงล้วนนำมาข่มขู่เขาไม่ได้
ส่วนตี้ฝูอี ตี้ฝูอีคนก่อนหน้านี้ก็คงเป็นแบบเดียวกันกระมัง?
เพียงแต่ตี้ฝูอีในตอนนี้มีจุดอ่อนเสียแล้ว ตราบใดที่จับจุดอ่อนเขาได้แล้ว ก็จะกำจัดเขาได้…
การที่ตี้ฝูอีรักใคร่ชอบพอกู้ซีจิ่วบางทีอาจจะเป็นความผิดร้ายแรงที่เขาได้กระทำในชาตินี้
หลงฟั่นเห็นกฎเกณฑ์ของใต้หล้านี้เป็นเรื่องไร้สาระมาตลอด เขารู้สึกว่าหลักการที่ถูกต้องของกฎเกณฑ์เหล่านั้นต่างเป็นสิ่งจอมปลอม หลายปีที่ผ่านมานี้เขาจึงยอมอยู่ข้างกายมารสวรรค์ที่ชั่วร้าย เตรียมการวางแผนให้ทั้งเขาและตัวเองเสียยังดีกว่า
เดิมทีเขาคิดว่าการอยู่ข้างมารสวรรค์คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ทว่าตั้งแต่ที่โม่เจ้าพยายามฟาดฟันกับตี้ฝูอีโดยไม่ได้สนใจชีวิตของเขาเลย เขายังรู้สึกผิดหวังอยู่…
แต่เพราะเขาจงรักภักดีเสมอมา จึงเก็บซ่อนความผิดหวังนี้ของตัวเองไว้ได้ก็เท่านั้น
ทว่าตอนนี้ เนื่องจากเรื่องความเสื่อมสมรรถภาพของร่างโคลนนิ่ง ดูเหมือนว่าโม่เจ้าจะเริ่มสงสัยในตัวเขาอีก…
เขารู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันใด!
เป็นครั้งแรกที่ส่วนลึกภายในจิตใจเริ่มไม่มั่นใจว่าการตัดสินใจของตัวเองถูกต้องแล้วหรือไม่…
ทั้งสองพูดคุยกันไป โม่เจ้าก็ยังคอยพูดเหน็บแนมเขาอยู่ ราวกับสงสัยว่าเขาจงใจแก้เผ็ดทำให้ตนเองกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ…
หลงฟั่นเหนื่อยหน่ายเหลือทน ตอบกลับสีหน้าเคร่งขรึมอย่างอดไม่อยู่ “ท่านเจ้า ข้าน้อยจงรักภักดีต่อท่านมาตลอด ไม่เคยคิดไม่ซื่อ! เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ข้าน้อยก็กระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย สองวันที่ผ่านมานี้พยายามศึกษาวิจัย หาทางแก้ปัญหาอย่างสุดชีวิต หากท่านเจ้าสงสัยในความจงรักภักดีของข้าน้อยเช่นนี้…”
โม่เจ้ากลัวว่าเขาจะล้มเลิกไม่ทำอีกต่อไป จึงปล่อยผ่านเลย และตบไหล่เขาเบาๆ “ข้าจะไม่เชื่อเจ้าได้อย่างไร? สองวันนี้ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี เจ้า อย่าได้เก็บเอามาใส่ใจเลย เอาละ เจ้าไปทำงานต่อเถิด ข้าจะไปดูพวกเขาตระเตรียมงานแต่งงานเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
จากนั้นสาวเท้ายาวก้าวเดินออกไป
หลงฟั่นหลุบตาลงเล็กน้อย นั่งอยู่ตรงนั้นสักครู่ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน ดวงตาปิดลง แพขนตายาวเกิดเป็นเงาครึ่งวงกลมใต้ดวงตา ดูไปแล้วเป็นความงดงามที่เปราะบางอยู่บ้าง
หลงฟั่นไม่กล้าเข้าใกล้นางมากนัก ตอนนี้ประสาทสัมผัสการรับกลิ่นของนางดีเป็นพิเศษ ได้กลิ่นเขาเป็นศพเหม็นเน่า หากเข้าไปใกล้เกรงว่าจะทำให้นางตื่น…
เขาถอนใจเบาๆ ที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความรู้สึกอย่างไรต่อกู้ซีจิ่ว
ลูกสาวก็ไม่ใช่ คนรักก็ไม่เชิง ส่วนลึกในใจ กู้ซีจิ่วคือความภาคภูมิใจสูงสุดของเขาในชีวิตนี้ ถึงขั้นวาดหวังว่านางจะประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป เช่นนั้นจะยิ่งพิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จของเขา
แต่ตอนนี้เขากลับทำให้ความภาคภูมิใจสูงสุดของตนกลายเป็นหญิงน่ารักใสซื่อไร้สมอง เพียงเพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของโม่เจ้า
กู้ซีจิ่วเหมือนนอนหลับไม่ค่อยสนิท ปากยังคงบ่นพึมพำเป็นครั้งคราว แต่ไม่ชัดถ้อยชัดคำ หลงฟั่นไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไรอยู่เขาจึงตัดสินใจก้าวไปด้านหน้า เขยิบเข้าใกล้ปากจิ้มลิ้มของนาง ขณะกำลังตั้งใจฟังกลับคาดไม่ถึงว่ามือน้อยของนางจะฟาดเข้ามาดังอัสนีบาต “เหม็นจะตายอยู่แล้ว ออกไป!”
หลงฟั่นไม่ทันระวังตัว ฝ่ามือนี้ตบเข้ามาที่ใบหน้าเขาเสียเจ็บปวดแสบร้อน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หลงฟั่นถูกคนตบหน้า เขาหยุดแน่นิ่งทันทีกัดฟันกรอด “กู้ซีจิ่ว!”
แต่กู้ซีจิ่วก็นอนหลับไปอีก ไม่มีการตอบสนองใดๆ
นางตั้งใจ หรือว่าได้กลิ่นเหม็นอยู่ในความฝัน จึงตบที่มาของกลิ่นให้หายไปโดยสัญชาตญาณกันแน่?